ผลิตไฟฟ้าราชบุรีฯเดินหน้าลุยโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนตั้งเป้าผลิตไม่น้อยกว่า 100 เมกะวัตต์ในปี 59 โดยปีนี้จะลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน 50เมกะวัตต์ทั้งแบบพลังลม แสงอาทิตย์และชีวมวล ขณะเดียวกันรุกสยายปีกลงทุนในต่างแดน เตรียมเงินซื้อกิจการโรงไฟฟ้าในอินโดฯ ฟิลิปปินส์และเวียดนาม 5-6 พันล้านบาทคาดได้ข้อสรุปในกลางปีนี้
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)หรือ RATCH เปิดเผยว่า ในปีนี้จะเห็นความคืบหน้าโครงการลงทุนด้านพลังงานทดแทน ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าชีวมวลชัดเจนขึ้น โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ระหว่างการการหาพื้นที่ และเจรจาหาผู้ร่วมทุนและพัฒนาโครงการ
ขณะที่โครงการผลิตไฟฟ้าชีวมวลจะหารือกับพาร์ทเนอร์แล้วจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้น ซึ่งมองพื้นที่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะต้องใช้พืชผลทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิตไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายบริษัทฯที่จะมีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนไม่น้อยกว่า 100 เมกะวัตต์ภายในปี 2559 ด้วยเงินลงทุน 2,000 ล้านบาท
เบื้องต้นในปีนี้บริษัทฯจะลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนไม่น้อยกว่า 50 เมกะวัตต์ ด้วยงบ1,000 ล้านบาท โดยมีโครงการไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ที่อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ในนามบริษัท ซัสเทน เอ็นเนอยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งRATCHถือหุ้นอยู่ 30 % คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในกลางปีนี้และแล้วเสร็จในปลายปีถัดไป
“บริษัทดังกล่าวจะทำรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท/ปี และมีราคารับซื้อไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (ADDER)อีก 3.50 บาท/หน่วย เบื้องต้นได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)แล้ว อายุสัญญา 25ปี แม้ว่าผลตอบแทนการลงทุนจะไม่สูงมาก แต่ได้รับการอุดหนุน ADDER เข้ามาช่วยเสริม ทำให้โครงการอยู่ได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยจุดประกายให้เกิดการตื่นตัวและเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาด”นายนพดล กล่าว
นายนพพล กล่าวต่อไปถึงการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการจากต่างประเทศทั้งในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนามประมาณ 2-3 โครงการ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯและถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ขึ้นไป คาดว่ากลางปีนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยได้เตรียมเม็ดเงินในการซื้อกิจการไว้ 5-6 พันล้านบาท ส่วนการประมูลซื้อโรงไฟฟ้าในออสเตรเลียยังไม่มีความคืบหน้า แต่เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปภายในกลางปีนี้
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ที่สปป.ลาว ทางRATCHมีความสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุน โดยสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าในต่างประเทศจะไม่น้อยกว่า 25% ส่วนความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำงึม 3 ซึ่งRATCHถือหุ้น 25% คาดว่าจ่ายไฟเข้าระบบในปี 2560 ขณะที่โรงไฟฟ้าหงสาที่ถือหุ้น 40% คาดว่าจะมีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ.ได้อย่างช้าต้นไตรมาส 2/53 โดยจะจ่ายไฟเข้าระบบในปี 2558 ด้านโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ที่ถือหุ้นอยู่ 25% คาดว่าจะจ่ายไฟเข้าระบบได้ในปลายปีนี้ ส่งผลให้ผลประกอบการบริษัทฯในปี 2554 จะเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะรับรู้รายได้จากโครงการน้ำงึม 2 และโครงการโรงไฟฟ้าที่ซื้อกิจการในต่างประเทศ
ล่าสุดวานนี้ (18 มี.ค.) บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) ลงนามสัญญารับงานก่อสร้างสำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง 1 และห้วยบง 2 ที่จังหวัดนครราชสีมากับบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด มูลค่างานรวม 2,663 ล้านบาท และสัญญาBalance of Plant กับบริษัท ซัสเทนเอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ มูลค่า 900 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง และบริษัท ซัสเทนเอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น ลงนามสัญญาซื้อกังหันลมกับกลุ่มบริษัท ซีเมนส์ วินด์ เพาเวอร์ และบริษัท ซีเมนส์ ไทยแลนด์ จำกัดสำหรับใช้ในโครงการห้วยบง 1และห้วยบง 2 ขนาดกำลังการผลิตโครงการละ 90 เมกะวัตต์ และโครงการเขาค้อ กำลังผลิต 60 เมกะวัตต์ โดยโครงการผลิตไฟฟ้าห้วยบง1และห้วยบง 2 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ไตรมาส 3 นี้แล้วเสร็จในปีถัดไป ซึ่งเป้าหมายการลงทุน 5ปีข้างหน้า บริษัทฯจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมรวมทั้งสิ้น 800 เมกะวัตต์ จะใช้พื้นที่ในการติดตั้งกังหันลม 8หมื่นไร่
นายนพพล มิลินทางกูร กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)หรือ RATCH เปิดเผยว่า ในปีนี้จะเห็นความคืบหน้าโครงการลงทุนด้านพลังงานทดแทน ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และโรงไฟฟ้าชีวมวลชัดเจนขึ้น โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อยู่ระหว่างการการหาพื้นที่ และเจรจาหาผู้ร่วมทุนและพัฒนาโครงการ
ขณะที่โครงการผลิตไฟฟ้าชีวมวลจะหารือกับพาร์ทเนอร์แล้วจัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้น ซึ่งมองพื้นที่ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพราะต้องใช้พืชผลทางการเกษตรเป็นเชื้อเพลิง กำลังการผลิตไม่เกิน 10 เมกะวัตต์ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายบริษัทฯที่จะมีการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนไม่น้อยกว่า 100 เมกะวัตต์ภายในปี 2559 ด้วยเงินลงทุน 2,000 ล้านบาท
เบื้องต้นในปีนี้บริษัทฯจะลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนไม่น้อยกว่า 50 เมกะวัตต์ ด้วยงบ1,000 ล้านบาท โดยมีโครงการไฟฟ้าพลังงานลมกำลังการผลิต 60 เมกะวัตต์ที่อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ในนามบริษัท ซัสเทน เอ็นเนอยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งRATCHถือหุ้นอยู่ 30 % คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในกลางปีนี้และแล้วเสร็จในปลายปีถัดไป
“บริษัทดังกล่าวจะทำรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท/ปี และมีราคารับซื้อไฟฟ้าส่วนเพิ่ม (ADDER)อีก 3.50 บาท/หน่วย เบื้องต้นได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)แล้ว อายุสัญญา 25ปี แม้ว่าผลตอบแทนการลงทุนจะไม่สูงมาก แต่ได้รับการอุดหนุน ADDER เข้ามาช่วยเสริม ทำให้โครงการอยู่ได้ ขณะเดียวกันก็ช่วยจุดประกายให้เกิดการตื่นตัวและเข้าสู่ยุคพลังงานสะอาด”นายนพดล กล่าว
นายนพพล กล่าวต่อไปถึงการลงทุนโรงไฟฟ้าในต่างประเทศว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อกิจการจากต่างประเทศทั้งในฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และเวียดนามประมาณ 2-3 โครงการ ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯและถ่านหินเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังการผลิต 100 เมกะวัตต์ขึ้นไป คาดว่ากลางปีนี้จะมีความชัดเจนมากขึ้น โดยได้เตรียมเม็ดเงินในการซื้อกิจการไว้ 5-6 พันล้านบาท ส่วนการประมูลซื้อโรงไฟฟ้าในออสเตรเลียยังไม่มีความคืบหน้า แต่เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปภายในกลางปีนี้
สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ที่สปป.ลาว ทางRATCHมีความสนใจที่จะเข้าร่วมลงทุน โดยสัดส่วนการถือหุ้นในโรงไฟฟ้าในต่างประเทศจะไม่น้อยกว่า 25% ส่วนความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำงึม 3 ซึ่งRATCHถือหุ้น 25% คาดว่าจ่ายไฟเข้าระบบในปี 2560 ขณะที่โรงไฟฟ้าหงสาที่ถือหุ้น 40% คาดว่าจะมีการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับกฟผ.ได้อย่างช้าต้นไตรมาส 2/53 โดยจะจ่ายไฟเข้าระบบในปี 2558 ด้านโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 ที่ถือหุ้นอยู่ 25% คาดว่าจะจ่ายไฟเข้าระบบได้ในปลายปีนี้ ส่งผลให้ผลประกอบการบริษัทฯในปี 2554 จะเติบโตแบบก้าวกระโดด เพราะรับรู้รายได้จากโครงการน้ำงึม 2 และโครงการโรงไฟฟ้าที่ซื้อกิจการในต่างประเทศ
ล่าสุดวานนี้ (18 มี.ค.) บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) ลงนามสัญญารับงานก่อสร้างสำหรับโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมห้วยบง 1 และห้วยบง 2 ที่จังหวัดนครราชสีมากับบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด มูลค่างานรวม 2,663 ล้านบาท และสัญญาBalance of Plant กับบริษัท ซัสเทนเอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการโรงไฟฟ้าพลังลมที่เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ มูลค่า 900 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง และบริษัท ซัสเทนเอเบิล เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น ลงนามสัญญาซื้อกังหันลมกับกลุ่มบริษัท ซีเมนส์ วินด์ เพาเวอร์ และบริษัท ซีเมนส์ ไทยแลนด์ จำกัดสำหรับใช้ในโครงการห้วยบง 1และห้วยบง 2 ขนาดกำลังการผลิตโครงการละ 90 เมกะวัตต์ และโครงการเขาค้อ กำลังผลิต 60 เมกะวัตต์ โดยโครงการผลิตไฟฟ้าห้วยบง1และห้วยบง 2 คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ไตรมาส 3 นี้แล้วเสร็จในปีถัดไป ซึ่งเป้าหมายการลงทุน 5ปีข้างหน้า บริษัทฯจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมรวมทั้งสิ้น 800 เมกะวัตต์ จะใช้พื้นที่ในการติดตั้งกังหันลม 8หมื่นไร่