“มาสด้า” เขย่าตลาดเก๋งซับคอมแพกต์ กดราคา “มาสด้า 2” รุ่นซีดาน 4 ประตู โดยเฉพาะตัวทำยอดขายหลัก ที่กดราคาต่ำกว่าคู่แข่งหลายหมื่นบาท หวังดันยอดขาย หรือมีแชร์เพิ่มเป็นเท่าตัว เช่นเดียวกับ “วอลโว่” ส่งรุ่นท็อปคลาส “เอส 80” หั่นราคาลงสูงสุดกว่า 6 แสนบาท อ้างได้รับผลดีจากเปิดเสรีอาฟต้า และการบริหารจัดการต้นทุน ทำให้ปีนี้ฝันยอดขายพุ่ง 100%
นายจอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทแนะนำรถยนต์นั่งมาสด้า 2 แบบแฮ็ทช์แบ็ก 5 ประตู สู่ตลาดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จนถึงล่าสุดสามารถทำยอดขายได้มากว่า 5,500 คัน ส่งผลให้ปัจจุบันมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดรถซับคอมแพกต์แบบแฮ็ทช์แบ็ก
“เพื่อผลักดันให้ยอดขายเพิ่มเป็นเท่าตัว หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 5.7% จากปีที่ผ่านมามีแชร์เพียง 2.5% มาสด้าจึงได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ มาสด้า 2 แบบซีดาน หรือรุ่น 4 ประตูสู่ตลาด ซึ่งมีความโดดเด่นทั้งด้านรูปลักษณ์ สมรรถนะ และราคาคุ้มค่า จึงเชื่อว่า จะได้การตอบรับดีจากผู้บริโภคเช่นเดียวกับรุ่นแฮ็ทช์แบ็ก”
ทั้งนี้ รถยนต์กลุ่มซับคอมแพกต์ ปัจจุบันมีสัดส่วนมากถึงกว่า 52% ของรถยนต์นั่ง หรือเก๋งทั้งหมด และรถแบบซีดาน หรือรุ่น 4 ประตู มีขนาดใหญ่มากที่สุดในกลุ่มซับคอมแพกต์ โดยปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ยประมาณ 8-9 พันคันต่อเดือน ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าการขายมาสด้า 2 ปีนี้ไว้ที่ประมาณ 2.4 หมื่นคัน แบ่งเป็นรุ่นซีดานประมาณ 60% และแบบแฮ็ทช์แบ็ก 40%
นายเรย์ กล่าวว่า นอกจากตลาดรถยนต์นั่งซีดานจะมีขนาดใหญ่สุดในกลุ่มซับคอมแพกต์แล้ว ด้วยเอกลักษณ์ของมาสด้า และสมรรถนะอันโดดเด่น ราคาของมาสด้า 2 รุ่นซีดาน ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยผลักดันยอดขายให้ตรงเป้า โดยมาสด้า2 รุ่น Groove เกียร์ธรรมดา ราคา 5.35 แสนบาท, รุ่น Groove เกียร์อัตโนมัติ ราคา 5.64 แสนบาท, รุ่น Spirit S เกียร์อัตโนมัติ ราคา 6.15 แสนบาท และรุ่น Maxx เกียร์อัตโนมัติ ราคา 6.75 แสนบาท
“มาสด้า2 ซีดาน มีราคาที่น่าสนใจมาก จะเห็นว่ารุ่นหลักที่จะทำยอดขาย เช่นรุ่น Spirit S และ Maxx เกียร์อัตโนมัติอยู่ที่ 6.15-6.75 แสนบาท ขณะที่คู่แข่งผู้นำในกลุ่มรถซับคอมแพกต์แบบซีดานปัจจุบัน ที่มีออปชั่นใกล้เคียงกันมีราคาอยู่ที่ประมาณ กว่า 6.3-7.1 แสนบาท โดยที่ออปชันของมาสด้า2 เหนือกว่า หรือแทบไม่แตกต่างเลย”
ดังนั้น การเปิดตัวของมาสด้า 2 ทั้งแบบแฮ็ทช์แบ็ก 5 ประตู และรุ่นซีดาน 4 ประตู จึงเชื่อมั่นว่า จะทำให้ยอดขายมาสด้ารวมปีนี้บรรลุ 3.5 หมื่นคันตามเป้า แบ่งเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า 2 อยู่ที่ 2.4 หมื่นคัน มาสด้า 3 ประมาณ 5 พันคัน และปิกอัพมาสด้า บีที-50 ตั้งเป้ายอดขายไว้ 6,000 คัน
ด้าน นางฉันทนา วัฒนารมย์ ประธานบริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากในปี 2552 ที่ผ่านมา วอลโว่บรรลุเป้าการขายที่วางไว้กว่า 500 คัน และในปีนี้วอลโว่มั่นใจจะเติบโต 100% หรือมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1 พันคัน จากการฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจ และการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาด อย่างล่าสุด ได้เปิดตัววอลโว่ S80 Superior ในราคาเพียง 2.79 ล้านบาท ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับรุ่นท็อปคลาสในต่างประเทศ
“นับเป็นราคาที่ลดต่ำลงจากเดิม ที่ S80 มีราคาเฉลี่ยประมาณ 3.19 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่ราคาปรับลงมาจากการเปิดเสรีทางการค้าอาเซียน หรือ อาฟตา และการบริการจัดการต้นทุน เช่นเดียวกับ S80 Business ที่ได้แนะนำไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาอยู่ที่ 2.49 ล้านบาท โดยทั้งสองรุ่นรูปลักษณ์และเครื่องยนต์เหมือนกัน แตกต่างเพียงอุปกรณ์บางอย่างเท่านั้น จากราคาที่ดึงดูดนี่จึงเชื่อมั่นว่าจะผลักดันให้ยอดขายวอลโว่ได้ตามเป้า และรุ่นนี้จะเป็นโมเดลหลักในการทตลาด หรือมีสัดส่วนประมาณ 40% ของยอดขายวอลโว่ทั้งหมด”
สำหรับรุ่นอื่นๆ วอลโว่ประเทศไทยต้องการให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าทางราคา จึงวางแผนที่จะประกอบรถอเนกประสงค์แบบครอสโอเวอร์ วอลโว่ เอ็กซ์ซี 60 ในไทย เพื่อให้มีราคาที่ต่ำลงเป็นล้านบาทได้ ขณะเดียวกัน ก็มีแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 ปลายเดือนมีนาคมนี้ จะแนะนำวอลโว่ ซี30 ใหม่สู่ตลาด ราคากว่า 1.9-2.5 ล้านบาท และประมาณกลางปีจะเปิดตัววอลโว่ เอส 80 เครื่องยนต์ดีเซล และนำเข้ารุ่นวอลโว่ เอส 60 ใหม่มาทำตลาดด้วย ทั้งหมดจึงมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันยอดขายวอลโว่ให้ได้ตามเป้า
นายจอห์น เรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากบริษัทแนะนำรถยนต์นั่งมาสด้า 2 แบบแฮ็ทช์แบ็ก 5 ประตู สู่ตลาดเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา จนถึงล่าสุดสามารถทำยอดขายได้มากว่า 5,500 คัน ส่งผลให้ปัจจุบันมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในตลาดรถซับคอมแพกต์แบบแฮ็ทช์แบ็ก
“เพื่อผลักดันให้ยอดขายเพิ่มเป็นเท่าตัว หรือมีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็น 5.7% จากปีที่ผ่านมามีแชร์เพียง 2.5% มาสด้าจึงได้แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ มาสด้า 2 แบบซีดาน หรือรุ่น 4 ประตูสู่ตลาด ซึ่งมีความโดดเด่นทั้งด้านรูปลักษณ์ สมรรถนะ และราคาคุ้มค่า จึงเชื่อว่า จะได้การตอบรับดีจากผู้บริโภคเช่นเดียวกับรุ่นแฮ็ทช์แบ็ก”
ทั้งนี้ รถยนต์กลุ่มซับคอมแพกต์ ปัจจุบันมีสัดส่วนมากถึงกว่า 52% ของรถยนต์นั่ง หรือเก๋งทั้งหมด และรถแบบซีดาน หรือรุ่น 4 ประตู มีขนาดใหญ่มากที่สุดในกลุ่มซับคอมแพกต์ โดยปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ยประมาณ 8-9 พันคันต่อเดือน ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้าการขายมาสด้า 2 ปีนี้ไว้ที่ประมาณ 2.4 หมื่นคัน แบ่งเป็นรุ่นซีดานประมาณ 60% และแบบแฮ็ทช์แบ็ก 40%
นายเรย์ กล่าวว่า นอกจากตลาดรถยนต์นั่งซีดานจะมีขนาดใหญ่สุดในกลุ่มซับคอมแพกต์แล้ว ด้วยเอกลักษณ์ของมาสด้า และสมรรถนะอันโดดเด่น ราคาของมาสด้า 2 รุ่นซีดาน ยังเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยผลักดันยอดขายให้ตรงเป้า โดยมาสด้า2 รุ่น Groove เกียร์ธรรมดา ราคา 5.35 แสนบาท, รุ่น Groove เกียร์อัตโนมัติ ราคา 5.64 แสนบาท, รุ่น Spirit S เกียร์อัตโนมัติ ราคา 6.15 แสนบาท และรุ่น Maxx เกียร์อัตโนมัติ ราคา 6.75 แสนบาท
“มาสด้า2 ซีดาน มีราคาที่น่าสนใจมาก จะเห็นว่ารุ่นหลักที่จะทำยอดขาย เช่นรุ่น Spirit S และ Maxx เกียร์อัตโนมัติอยู่ที่ 6.15-6.75 แสนบาท ขณะที่คู่แข่งผู้นำในกลุ่มรถซับคอมแพกต์แบบซีดานปัจจุบัน ที่มีออปชั่นใกล้เคียงกันมีราคาอยู่ที่ประมาณ กว่า 6.3-7.1 แสนบาท โดยที่ออปชันของมาสด้า2 เหนือกว่า หรือแทบไม่แตกต่างเลย”
ดังนั้น การเปิดตัวของมาสด้า 2 ทั้งแบบแฮ็ทช์แบ็ก 5 ประตู และรุ่นซีดาน 4 ประตู จึงเชื่อมั่นว่า จะทำให้ยอดขายมาสด้ารวมปีนี้บรรลุ 3.5 หมื่นคันตามเป้า แบ่งเป็นรถยนต์นั่งมาสด้า 2 อยู่ที่ 2.4 หมื่นคัน มาสด้า 3 ประมาณ 5 พันคัน และปิกอัพมาสด้า บีที-50 ตั้งเป้ายอดขายไว้ 6,000 คัน
ด้าน นางฉันทนา วัฒนารมย์ ประธานบริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากในปี 2552 ที่ผ่านมา วอลโว่บรรลุเป้าการขายที่วางไว้กว่า 500 คัน และในปีนี้วอลโว่มั่นใจจะเติบโต 100% หรือมียอดขายไม่ต่ำกว่า 1 พันคัน จากการฟื้นตัวของสภาวะเศรษฐกิจ และการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาด อย่างล่าสุด ได้เปิดตัววอลโว่ S80 Superior ในราคาเพียง 2.79 ล้านบาท ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆ เพิ่มขึ้นเทียบเท่ากับรุ่นท็อปคลาสในต่างประเทศ
“นับเป็นราคาที่ลดต่ำลงจากเดิม ที่ S80 มีราคาเฉลี่ยประมาณ 3.19 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่ราคาปรับลงมาจากการเปิดเสรีทางการค้าอาเซียน หรือ อาฟตา และการบริการจัดการต้นทุน เช่นเดียวกับ S80 Business ที่ได้แนะนำไปเมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาอยู่ที่ 2.49 ล้านบาท โดยทั้งสองรุ่นรูปลักษณ์และเครื่องยนต์เหมือนกัน แตกต่างเพียงอุปกรณ์บางอย่างเท่านั้น จากราคาที่ดึงดูดนี่จึงเชื่อมั่นว่าจะผลักดันให้ยอดขายวอลโว่ได้ตามเป้า และรุ่นนี้จะเป็นโมเดลหลักในการทตลาด หรือมีสัดส่วนประมาณ 40% ของยอดขายวอลโว่ทั้งหมด”
สำหรับรุ่นอื่นๆ วอลโว่ประเทศไทยต้องการให้ลูกค้าได้รับความคุ้มค่าทางราคา จึงวางแผนที่จะประกอบรถอเนกประสงค์แบบครอสโอเวอร์ วอลโว่ เอ็กซ์ซี 60 ในไทย เพื่อให้มีราคาที่ต่ำลงเป็นล้านบาทได้ ขณะเดียวกัน ก็มีแผนเปิดตัวรถรุ่นใหม่สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง โดยในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2010 ปลายเดือนมีนาคมนี้ จะแนะนำวอลโว่ ซี30 ใหม่สู่ตลาด ราคากว่า 1.9-2.5 ล้านบาท และประมาณกลางปีจะเปิดตัววอลโว่ เอส 80 เครื่องยนต์ดีเซล และนำเข้ารุ่นวอลโว่ เอส 60 ใหม่มาทำตลาดด้วย ทั้งหมดจึงมั่นใจว่าจะช่วยผลักดันยอดขายวอลโว่ให้ได้ตามเป้า