จังซีลอน เมินการเมือง พร้อมลุยเทงบ 42 ล้านบาท อัดกิจกรรมการตลาดตามแผนเดิมที่วางไว้ เชื่อ นักท่องเที่ยวเพียงชะลอการมาไทยเท่านั้น นานสุดมั่นใจสงกรานต์กลับมาแน่นอน ลั่นปีนี้ภาพรวมการเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จาก 500 ล้านบาท ที่ทำได้ในปีก่อน
นายประวิช จรรยาสิทธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ภูเก็ตสแควร์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เชื่อว่า ในส่วนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบแน่นอน โดยเชื่อว่า นักท่องเที่ยวจะมีการชะลอการเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งน่าจะหายไปในช่วงนี้ไม่ต่ำกว่า 10-15%
แต่มองว่า จะชะลอการมาไทยเพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น เต็มที่พอถึงช่วงสงกรานต์นี้ มั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาไทยเช่นเดิม สำหรับภูเก็ตกลับไม่มีความกังวลมากนัก เนื่องจากโชคดีที่ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้ว่า มีสายการบินที่บินมาที่ภูเก็ตได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านสุวรรณภูมิ จึงมองว่าในส่วนของภูเก็ตเอง ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองครั้งนี้แน่
สำหรับจังซีลอน ปีนี้ยังมั่นใจทั้งในเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯ ซึ่งจากที่สังเกตยังไม่พบความกังวล หรือยอดรายได้ของผู้เช่าพื้นที่ลดลงแต่อย่างไร แต่ในทางกลับกันตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ.กลับมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์เพิ่มขึ้นกว่า 15% คิดเป็นจำนวน 4.5-5 หมื่นคนต่อวัน เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวยังดีอยู่ ใช้จ่ายครั้งละไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 บาท ส่วนคนไทยในพื้นที่ปัจจุบันมียอดการใช้จ่ายที่ประมาณ 2,000-3,500 บาทต่อครั้ง
ล่าสุด บริษัทพร้อมเดินหน้าธุรกิจอย่างต่อเนื่อง กับงบประมาณทางการตลาด 42 ล้านบาท เท่าปีก่อน ในการจัดกิจกรรมอีเว้นท์ต่างๆไม่ต่ำกว่า 100 งานตลอดปีสูงกว่าปีก่อน 10% เพื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยดึงให้มีทราฟฟิกภายในศูนย์ฯให้มีมากขึ้น ส่วนพื้นที่ที่เหลืออีก 10% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด คาดว่าปีนี้น่าจะสามารถทำการขายพื้นที่เช่าได้หมด ขณะที่ในปีนี้ทางบริษัทมีการปรับราคาค่าเช่าพื้นที่ขึ้นโดยเฉลี่ยอีก 15% ในรอบ 3 ปี ซึ่งเป็นไปตามสัญญาที่วางไว้ สิ้นปีนี้เชื่อว่าบริษทัจะมีรายได้เติบโตขึ้น 10% เท่าปีก่อน หรือคิดเป็นรายได้มากกว่า 500 ล้านบาท
นายประวิช กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่งนั้น แผนการลงทุนที่เคยวางไว้ ทุกอย่างยังคงชะลอออกไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงแรมย่านสุขุมวิท หรือการลงทุนอื่นๆ โดยปีนี้จะโฟกัสการบริหารศูนย์การค้าจังซีลอนเป็นหลัก ภายใต้ 4 กลยุทธ์ คือ 1.การผนึกพันธมิตรทางธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชน 2.การขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ 3.การขยายช่องทางการสื่อสารทางการตลาดผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก และ 4.การสร้างแบรนด์ เซอร์วิส
นายประวิช จรรยาสิทธิกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ภูเก็ตสแควร์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าจังซีลอน ป่าตอง ภูเก็ต เปิดเผยว่า สถานการณ์ทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เชื่อว่า ในส่วนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้รับผลกระทบแน่นอน โดยเชื่อว่า นักท่องเที่ยวจะมีการชะลอการเข้ามาในประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ซึ่งน่าจะหายไปในช่วงนี้ไม่ต่ำกว่า 10-15%
แต่มองว่า จะชะลอการมาไทยเพียงระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น เต็มที่พอถึงช่วงสงกรานต์นี้ มั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาไทยเช่นเดิม สำหรับภูเก็ตกลับไม่มีความกังวลมากนัก เนื่องจากโชคดีที่ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้ว่า มีสายการบินที่บินมาที่ภูเก็ตได้โดยตรง ไม่ต้องผ่านสุวรรณภูมิ จึงมองว่าในส่วนของภูเก็ตเอง ไม่น่าจะได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองครั้งนี้แน่
สำหรับจังซีลอน ปีนี้ยังมั่นใจทั้งในเรื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ฯ ซึ่งจากที่สังเกตยังไม่พบความกังวล หรือยอดรายได้ของผู้เช่าพื้นที่ลดลงแต่อย่างไร แต่ในทางกลับกันตั้งแต่เดือน ม.ค.-ก.พ.กลับมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์เพิ่มขึ้นกว่า 15% คิดเป็นจำนวน 4.5-5 หมื่นคนต่อวัน เทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน โดยกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวยังดีอยู่ ใช้จ่ายครั้งละไม่ต่ำกว่า 4,000-5,000 บาท ส่วนคนไทยในพื้นที่ปัจจุบันมียอดการใช้จ่ายที่ประมาณ 2,000-3,500 บาทต่อครั้ง
ล่าสุด บริษัทพร้อมเดินหน้าธุรกิจอย่างต่อเนื่อง กับงบประมาณทางการตลาด 42 ล้านบาท เท่าปีก่อน ในการจัดกิจกรรมอีเว้นท์ต่างๆไม่ต่ำกว่า 100 งานตลอดปีสูงกว่าปีก่อน 10% เพื่อเป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยดึงให้มีทราฟฟิกภายในศูนย์ฯให้มีมากขึ้น ส่วนพื้นที่ที่เหลืออีก 10% ของพื้นที่เช่าทั้งหมด คาดว่าปีนี้น่าจะสามารถทำการขายพื้นที่เช่าได้หมด ขณะที่ในปีนี้ทางบริษัทมีการปรับราคาค่าเช่าพื้นที่ขึ้นโดยเฉลี่ยอีก 15% ในรอบ 3 ปี ซึ่งเป็นไปตามสัญญาที่วางไว้ สิ้นปีนี้เชื่อว่าบริษทัจะมีรายได้เติบโตขึ้น 10% เท่าปีก่อน หรือคิดเป็นรายได้มากกว่า 500 ล้านบาท
นายประวิช กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่งนั้น แผนการลงทุนที่เคยวางไว้ ทุกอย่างยังคงชะลอออกไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นโครงการโรงแรมย่านสุขุมวิท หรือการลงทุนอื่นๆ โดยปีนี้จะโฟกัสการบริหารศูนย์การค้าจังซีลอนเป็นหลัก ภายใต้ 4 กลยุทธ์ คือ 1.การผนึกพันธมิตรทางธุรกิจทั้งภาครัฐและเอกชน 2.การขยายฐานกลุ่มลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ 3.การขยายช่องทางการสื่อสารทางการตลาดผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก และ 4.การสร้างแบรนด์ เซอร์วิส