อธิการฯ นิด้า ชี้เงื่อนงำบึ้มแบงก์ใหญ่ หวังผลทำลายความเชื่อมั่น ลดความน่าเชื่อถือของประเทศ โยงคดียึดทรัพย์ ไม่เชื่อแก๊งหางแดงจะชุมนุมโดยสงบ แนะการแก้ปัญหาต้องเฉียบขาด-มีประสิทธิภาพ ปชช.ต้องช่วยเป็นหูเป็นตาดูแลบ้านเมือง บิ๊กตลาดหุ้นเกาะติดผลกระทบใกล้ชิด “ภัทรียา” เชื่อนักลงทุนไม่ตื่นเทขายหุ้น มั่นใจรัฐบาลควบคุมได้ ชี้คืนนี้หากไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นซ้ำอีก ตลาดหุ้นไปต่อได้
ศาสตรจารย์ดอกเตอร์ (ศ.ดร.) สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวถึงเหตุการณ์ระเบิดธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในคืนวันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553 ที่ผ่านมา โดยตั้งข้อสังเกตุว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นหลายแห่งกับธนาคารในคืนวันเดียวกัน หลังคดียึดทรัพย์อดีตนายกรัฐมนตรี แสดงให้เห็นว่า มีกลุ่มบุคคลไม่หวังดีกับประเทศ ต้องการทำให้เกิดความไม่สงบ และลดความน่าเชื่อถือของประเทศไทย
ดังนั้น รัฐบาลจะต้องเร่งดำเนินการแก้ปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ และจับกุมผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว โดยประชาชนต้องช่วยกันสอดส่องดูแลร่วมกับรัฐบาล เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาโดยเร็ว
ส่วนการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือคนเสื้อแดง หากเป็นไปด้วยความสงบไม่น่าจะมีปัญหา แต่เพื่อความไม่ประมาทรัฐบาลต้องดูแลเป็นอย่างใกล้ชิด เพราะการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง มักเกิดเหตุวุ่นวาย และนำไปสู่ความไม่สงบ
อย่างไรก็ตาม ด้านนักวิชาการเห็นว่า ทุกฝ่ายต้องยอมรับคำตัดสินของศาล เพราะถือเป็นวิถีทางประชาธิปไตย เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุข และเกิดความสมานฉันท์
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า ตลท.ได้มีการติดตามสถานการณ์ทางการเมืองใกล้ชิด ซึ่งหากคืนวันนี้ ไม่มีเหตุรุนแรงซ้ำอีก ก็คงไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นที่จะเปิดทำการตามปรกติ ในวันพรุ่งนี้ พร้อมเชื่อว่าทางการคงจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ โดยหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นเพิ่มอีก
“เชื่อว่านักลงทุนจะไม่ตื่นตระหนกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งหากรัฐบาลเฝ้าระวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงก็คงจะผ่านไปได้ด้วยดี และเชื่อว่าราคาหุ้นแบงก์กรุงเทพในวันพรุ่งนี้ คงไม่ปรับลดลงแต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้เคยมีเหตุการณ์กลุ่มคนเสื้อแดงไปชุมนุมที่บริเวณสำนักงานใหญ่ของธนาคารกรุงเทพมาแล้ว”
ส่วนมาตรการดูแลความปลอดภัยของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังคงเข้มงวด โดยยังมีตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาลมาดูแลตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งมีมาตรการเฝ้าระวังของทาง ตลท.ซึ่งก็เชื่อว่าจะสามารถดูแลได้
นางภัทรียายังกล่าวด้วยว่า หลังคำตัดสินพิพากษาที่ตัดสินยึดทรัพย์ 46,000 ล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ทำให้ความคืบหน้าของคดีจบไปขั้นตอนหนึ่ง และผลของคำตัดสินก็ถือว่าเป็นทางออกที่ดี แต่ก็ต้องติดตามสถานการณ์ทางการเมืองที่จะเกิดขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้น ขอให้นักลงทุนติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด และตัดสินใจลงทุนอย่างรอบคอบ