ททท.สั่งศูนย์ ศวก. เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องทั้งรัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว 23 ก.พ.นี้ เพื่อเตรียมรับมือและรายงานผล หากเกิดเหตุการณ์ไม่ปกติในวันที่ 26 ก.พ.53 ชี้พร้อมให้ข้อมูลข่าวสารทุกอย่างแบบตรงไปตรงมาบนสถานการณ์จริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ขณะนี้ภาคเอกชน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ ก็ทันเกม เลี่ยงเดินทางมากรุงเทพ หันมุ่งตรงถึงแหล่งท่องเที่ยว
นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 ก.พ.53 ททท.ในนาม ศูนย์ปฏิบัติการวางแผนการท่องเที่ยว และศูนย์ปฏิบัติการในภาวะวิกฤติ(ศวก.)จะเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ได้แก่ สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว(แอตต้า) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลของแต่ละหน่วยงานมารวบรวมพร้อมประเมินสถานการณ์เพื่อเตรียมรับมือ หากมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกินขึ้นในวันที่ 26 ก.พ.53 ซึ่งเป็นวันที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โดยศวก.จะเป็นทั้งศูนย์รับข้อมูลจากภาคเอกชน และสำนักงาน ททท.ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการรายงานข้อมูลสถานการณ์ตามจริงที่เกิดขึ้น กระจายออกไปยัง สำนักงาน ททท.และส่งข้อมูล กระจายออกไปยังสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ โดยศวก. จะทำงานด้านสื่อสารข้อมูล รายงานข้อเท็จจริง ที่ต่างประเทศมีต่อประเทศไทย และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นออกไปเผยแพร่ยังต่างประเทศ โดยการทำงานจะเป็นระบบ เพื่อให้การนำเสนอข่าวสารออกไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้เราทำงานแบบไม่ประมาท จึงต้องมอนิเตอร์กับทุกสถานการณ์ที่จะเข้ามากระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยศวก.จะทำงานทั้งด้านการประเมินผลท่องเที่ยวปี 2552 และพยากรณ์ต่อไปในอนาคต เราพร้อมอัพเดทข้อมูลที่เกิดขึ้นล่าสุด เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวและเอเยนต์ทัวร์ในต่างประเทศ
นางพรทิพย์ หิรัญเกตุ เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลายครั้งในปีที่ผ่านๆมา ทำให้ภาคเอกชนและนักท่องเที่ยวต่างเข้าใจตรงกันว่าหากมีเหตุการณ์ความไม่สงบ จุดศูนย์กลางจะอยู่ในเขตกรุงเทพฯเป็นหลัก ทำให้ขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างเลี่ยงการเดินทางออกไปยังจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยไม่ต้องผ่านกรุงเทพฯ เพราะ 60% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นกลุ่มที่เคยเดินทางมาแล้ว จึงรู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดี ประกอบกับปัจจุบันหลายสายการบินได้เปิดเส้นทางบินตรงถึงจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต
ทางด้านนายกงกฤช หิรัญกิจ ประธาน สทท. กล่าวว่า ผลกระทบจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน เม.ย.52 ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหดหายไปเกือบหมดสิ้น แต่ขณะนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาแล้ว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดือน ม.ค.53 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 25% สะท้อนให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวพร้อมที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย และเลี่ยงที่จะไม่เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ ผู้ประกอบการก็นำประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมาทำการบ้านและนำเสนอขายเดสติเนชั่นที่ปลอดภัยและเชื่อมั่นได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง
**ทัวร์จีนโวยการเมืองทำเศรษฐกิจพัง
นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย- จีน กล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นตลาดที่อ่อนไหวมาก ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าการเมืองไทยช่วงนี้น่าเป็นห่วง ซึ่งเราต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด แต่ถึงอย่างไร ขณะนี้ยังไม่มียอดการยกเลิกการเดินทางของชาวจีนที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยช่วงก่อนวันที่ 26 ก.พ. เพราะ จ่ายเงินหมดแล้ว และเป็นช่วงเดียวกันกับที่ขณะนี้บริษัททัวร์จีนอยู่ระหว่างการหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่หากความรุนแรงมีมากขึ้นจนถึงกับต้องประกาศปิดสถานที่ราชการ ก็มีโอกาสที่รัฐบาลจีนจะออกประกาศเตือนประชาชนของตัวเองเพื่อความปลอดภัย
ซึ่งถึงตรงนั้น ท่องเที่ยวของไทยจะถูกกระทบแบบเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงเดือนมี.ค.และเม.ย.ปีนี้ ซึ่งขณะนี้เราอยู่ระหว่างการขายทัวร์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงต้องการบอกถึงผู้เกี่ยวข้องว่า ให้นึกถึงส่วนรวมของประเทศให้มาก เพราะผู้ประกอบการท่องเที่ยว ไม่เคยทำความเสียหายให้แก่ประเทศ แต่ในทางกลับกัน การเมืองของประเทศไทย กลับเป็นตัวฉุดให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดความเสียหาย ภาคเอกชนจึงไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ไม่เช่นนั้นผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายต้องชดใช้ผลที่เกิดขึ้น
นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 23 ก.พ.53 ททท.ในนาม ศูนย์ปฏิบัติการวางแผนการท่องเที่ยว และศูนย์ปฏิบัติการในภาวะวิกฤติ(ศวก.)จะเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องในเครือข่ายอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ได้แก่ สมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว(แอตต้า) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) เป็นต้น เพื่อนำข้อมูลของแต่ละหน่วยงานมารวบรวมพร้อมประเมินสถานการณ์เพื่อเตรียมรับมือ หากมีเหตุการณ์ไม่ปกติเกินขึ้นในวันที่ 26 ก.พ.53 ซึ่งเป็นวันที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
โดยศวก.จะเป็นทั้งศูนย์รับข้อมูลจากภาคเอกชน และสำนักงาน ททท.ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการรายงานข้อมูลสถานการณ์ตามจริงที่เกิดขึ้น กระจายออกไปยัง สำนักงาน ททท.และส่งข้อมูล กระจายออกไปยังสำนักงาน ททท.ในต่างประเทศ โดยศวก. จะทำงานด้านสื่อสารข้อมูล รายงานข้อเท็จจริง ที่ต่างประเทศมีต่อประเทศไทย และสถานการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมการแก้ไขสถานการณ์ที่เกิดขึ้นออกไปเผยแพร่ยังต่างประเทศ โดยการทำงานจะเป็นระบบ เพื่อให้การนำเสนอข่าวสารออกไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้เราทำงานแบบไม่ประมาท จึงต้องมอนิเตอร์กับทุกสถานการณ์ที่จะเข้ามากระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว โดยศวก.จะทำงานทั้งด้านการประเมินผลท่องเที่ยวปี 2552 และพยากรณ์ต่อไปในอนาคต เราพร้อมอัพเดทข้อมูลที่เกิดขึ้นล่าสุด เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวและเอเยนต์ทัวร์ในต่างประเทศ
นางพรทิพย์ หิรัญเกตุ เลขาธิการ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(สทท.) กล่าวว่า จากเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นหลายครั้งในปีที่ผ่านๆมา ทำให้ภาคเอกชนและนักท่องเที่ยวต่างเข้าใจตรงกันว่าหากมีเหตุการณ์ความไม่สงบ จุดศูนย์กลางจะอยู่ในเขตกรุงเทพฯเป็นหลัก ทำให้ขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างเลี่ยงการเดินทางออกไปยังจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวโดยไม่ต้องผ่านกรุงเทพฯ เพราะ 60% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นกลุ่มที่เคยเดินทางมาแล้ว จึงรู้จักประเทศไทยเป็นอย่างดี ประกอบกับปัจจุบันหลายสายการบินได้เปิดเส้นทางบินตรงถึงจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต
ทางด้านนายกงกฤช หิรัญกิจ ประธาน สทท. กล่าวว่า ผลกระทบจากความรุนแรงที่เกิดขึ้นเมื่อเดือน เม.ย.52 ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติหดหายไปเกือบหมดสิ้น แต่ขณะนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มกลับเข้ามาแล้ว โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ เดือน ม.ค.53 เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 25% สะท้อนให้เห็นว่า นักท่องเที่ยวพร้อมที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย และเลี่ยงที่จะไม่เดินทางเข้ามากรุงเทพฯ ผู้ประกอบการก็นำประสบการณ์ที่เกิดขึ้นมาทำการบ้านและนำเสนอขายเดสติเนชั่นที่ปลอดภัยและเชื่อมั่นได้ เพื่อป้องกันความเสี่ยง
**ทัวร์จีนโวยการเมืองทำเศรษฐกิจพัง
นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวสัมพันธ์ไทย- จีน กล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นตลาดที่อ่อนไหวมาก ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าการเมืองไทยช่วงนี้น่าเป็นห่วง ซึ่งเราต้องเฝ้าดูอย่างใกล้ชิด แต่ถึงอย่างไร ขณะนี้ยังไม่มียอดการยกเลิกการเดินทางของชาวจีนที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยช่วงก่อนวันที่ 26 ก.พ. เพราะ จ่ายเงินหมดแล้ว และเป็นช่วงเดียวกันกับที่ขณะนี้บริษัททัวร์จีนอยู่ระหว่างการหยุดช่วงเทศกาลตรุษจีน แต่หากความรุนแรงมีมากขึ้นจนถึงกับต้องประกาศปิดสถานที่ราชการ ก็มีโอกาสที่รัฐบาลจีนจะออกประกาศเตือนประชาชนของตัวเองเพื่อความปลอดภัย
ซึ่งถึงตรงนั้น ท่องเที่ยวของไทยจะถูกกระทบแบบเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะช่วงเดือนมี.ค.และเม.ย.ปีนี้ ซึ่งขณะนี้เราอยู่ระหว่างการขายทัวร์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ จึงต้องการบอกถึงผู้เกี่ยวข้องว่า ให้นึกถึงส่วนรวมของประเทศให้มาก เพราะผู้ประกอบการท่องเที่ยว ไม่เคยทำความเสียหายให้แก่ประเทศ แต่ในทางกลับกัน การเมืองของประเทศไทย กลับเป็นตัวฉุดให้เศรษฐกิจของประเทศเกิดความเสียหาย ภาคเอกชนจึงไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ไม่เช่นนั้นผู้ที่ทำให้เกิดความเสียหายต้องชดใช้ผลที่เกิดขึ้น