xs
xsm
sm
md
lg

ไวน์ระอุรับอาฟตา-FTA แบรนด์ไทยผวาแพงกว่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สยาม ไวเนอรี่ รับมือ“อาฟตา-เอฟทีเอ”กระทบตลาดไวน์แข่งเดือด ไวน์นำเข้าสบช่องแห่ย้ายฐานบรรจุขวดเมืองไทย หวังใช้โอกาสภาษีเหลือ 0% อัดสินค้าถูกบุกตลาดอาเซียน เท 50 ล้านบาท โหมกลยุทธ์ไลฟ์สไตล์ มาร์เก็ตติ้ง สกัดคู่แข่ง ชงไร่องุ่นหัวหินฮิลส์  ลุยกิจกรรมเต็มสูบ  ชูแผนขายไวน์สร้างวัฒนธรรมการกินอาหารไทยพ่วงท่องเที่ยวสร้างความต่างไวน์นำเข้า เดินหน้าย้ำจุดขายไวน์จากเส้นรุ้งใหม่ สิ้นปีกวาดรายได้ 80 ล้านบาท โต 25%

นายคิม ว๊าซไฟท์ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท สยาม ไวเนอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายไวน์ยี่ห้อมอนซูน แวลลี่ย์ เปิดเผยว่า ปีนี้บริษัทดำเนินการตลาดเชิงรุก โดยมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ไวน์ไทย ซึ่งเป็นไวน์จากเส้นรุ้งใหม่ ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างและขยายฐานลูกค้ากลุ่มคนไทยเพิ่มขึ้น ตลอดจนรักษานักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ เพื่อรองรับกับผลจากการเปิดเขตเสรีการค้าอาเซียน (อาฟตา) ส่งผลให้ภาษีไวน์นำเข้าเหลือ 0%

โดยมีแนวโน้มว่า ไวน์จากต่างประเทศย้ายฐานการบรรจุขวดมาที่ประเทศไทย เพื่อส่งออกในประเทศอาเซียนและจำหน่ายในประเทศไทยราคาถูกลง จากปกติไวน์นำเข้าราคา 300-400 บาท ขณะที่ไวน์ไทยจำหน่ายราคา 600 บาทขึ้นไป  เพราะเสียภาษีไวน์ที่สูงถึงกว่า 200%

ตลอดจนรองรับกับการเปิดเขตเสรีการค้าระหว่างประเทศ (เอฟทีเอ) กับออสเตรเลีย เป็นต้น ซึ่งจะมีผลทำให้ไวน์นำเข้าเสียภาษี 0% ในอีก 5 ปีข้างหน้านี้ จากปัจจุบันไวน์โลกใหม่ก็มีราคาไม่สูงมาก อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัทเป็นผู้รับจ้างบรรจุขวดมาเกือบ 3 ปี  และคาดว่าจะมีลูกค้าจ้างบรรจุขวดเพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันบริษัทยังมองโอกาสจากการเปิดเขตเสรีการค้าอาเซียนเพื่อขยายตลาดเพิ่มขึ้น จากที่ผ่านมาไม่ได้เน้นทำตลาดมากนัก

เนื่องจากภูมิภาคอาเซียนไม่ค่อยมีร้านอาหารไทย ซึ่งไม่สอดคล้องกับกลยุทธ์การทำตลาดต่างประเทศ บริษัทเน้นสร้างตลาดไวน์ไทยผ่านช่องทางร้านอาหารไทย ซึ่งปัจจุบันบริษัทจำหน่ายกว่า 18 ประเทศ อาทิ เยอรมัน อังกฤษ ฯลฯ และคาดว่าปีนี้จะเพิ่ม 2-3 ประเทศ

สำหรับกลยุทธ์การตลาดบริษัทใช้ไลฟ์สไตล์ มาร์เก็ตติ้ง ภายใต้การสร้างวัฒนธรรมการดื่มไวน์กับอาหารไทยและเชื่อมโยงกับการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นจุดแข็งของไวน์ไทยที่มีความได้เปรียบกับไวน์นำเข้า โดยปีนี้ได้ทุ่มงบ 50 ล้านบาท จัดกิจกรรมต่างๆ ภายในไร่องุ่นหัวหินฮิลส์ นำร่องในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์จัดแพกเกจสำหรับคู่รัก ตามด้วยเทศกาลเก็บเกี่ยวผลผลิตประจำปี ฯลฯ

อีกทั้งบริษัทยังได้สร้างตลาดจำหน่ายอาหาร อุปกรณ์ทำสวน น้ำมันจากเมล็ดองุ่น คาดว่าจะแล้วเสร็จเดือนกรกฎาคม นี้ และในไตรมาส 3 สร้างศูนย์เรียนรู้ประวัติศาสตร์การผลิตไวน์ ส่วนในอนาคตอาจพิจารณาสร้างรีสอร์ทหรือโรงแรม รองรับกับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาพักผ่อน และผลักดันให้เป็นธุรกิจครบวงจรมากขึ้น

พร้อมกันนี้บริษัทยังได้วางแผนขยายกำลังการผลิตไวน์ภายในไร่องุ่นหัวหิน ฮิลส์ โดยเพิ่มพื้นที่การปลูกจาก 260 ไร่ เป็น 290 ไร่ ซึ่งคาดว่าภายใน 2 ปี จาก 1 แสนขวดต่อเป็น 1.3-1.8 แสนขวด โดยหลังจากเดือนมีนาคม เตรียมเปิดตัวไวน์รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น ได้แก่ ไวน์แดงและไวน์ขาว ราคา 1,000 บาท  และปลายปีนี้เปิดตัวสปาร์คกิ้ง ไวน์ ในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อสร้างสีสันและต้อนรับเทศกาลเฉลิมฉลอง และจากการดำเนินกิจกรรมในเชิงรุกปีนี้บริษัทคาดว่าจะผลักดันให้สัดส่วนรายได้จากภายในประเทศเพิ่มจาก 20% เป็น 30% ส่วนต่างประเทศลดลงจาก 80% เป็น 70%

สำหรับผลประกอบการปีนี้บริษัทตั้งเป้า 80 ล้านบาท หรือเติบโต 25% แบ่งเป็น รายได้จากการจำหน่ายไวน์มอนซูน แวลลี่ย์ จาก 43 ล้านบาท เพิ่มเป็น 50 ล้านบาท และรายได้ภายในไร่องุ่นหัวหินฮิลส์ 21 ล้านบาท เป็น 30 ล้านบาท และตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยวเพิ่มจาก 6.5 หมื่นราย เป็น 8.5 หมื่นราย
กำลังโหลดความคิดเห็น