มาสเตอร์คูล กางแผนลุยปีเสือ ส่งสินค้านวัตกรรมใหม่ ราคาถูกลงอีกกว่า 50% เจาะตลาดได้กว้างขึ้น พร้อมลุยส่งออกไปยังยุโรปเต็มสูบ มั่นใจยอดขายโตพรวด 50% แตะ 260 ล้านบาท
นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายพัดลมไอน้ำหรือระบบทำความเย็นภายนอกอาคาร ภายใต้แบรนด์ มาสเตอร์คูล “MASTERKOOL" เปิดเผยกับ “ASTVผู้จัดการรายวัน”ว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ทางบริษัทมีความพร้อมในการทำตลาดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องของผลิตภัณฑ์ จากเดิมที่มีราคาค่อนข้างสูง และยังตอบโจทย์ลูกค้าได้ไม่ทั่วถึงนั้น ล่าสุดปีนี้บริษัทพร้อมที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ในราคาที่ถูกลงอีก 50% เนื่องจากตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทางบริษัทได้มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาใหม่ ภายใต้งบประมาณกว่า 6-7 ล้านบาท เพื่อผลิตสินค้าที่มีราคาถูกลงแต่มีฟังก์ชั่นการทำงานที่ดีตอบสนองลูกค้าได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ จะมีออกมาประมาณ 6-7 รุ่น ทั้งแบบตั้งพื้นและแบบติดฝาผนัง ระดับราคาตั้งแต่ 7,000-20,000 บาท รูปแบบดีไซน์ทันสมัยมากขึ้น เจาะกลุ่มลูกค้าระดับล่างลงมา ที่ต้องการใช้กับพื้นที่กลางแจ้งขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร หรือโรงงานขนาดเล็ก เป็นต้น ขณะที่รุ่นเดิมนั้น จะยังคงมีการผลิตเพื่อจำหน่ายอยู่ แต่จะเน้นรุ่นใหญ่เป็นหลัก ที่เหมาะกับพื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่ ซึ่งตลาดนี้ยังมีความต้องการอยู่
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ ยังได้รับความสนใจจากประเทศในกลุ่มยุโรปมากขึ้นด้วย จากเดิมในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายในต่างประเทศ รวมกว่า 32 ประเทศ ทั้งแถบตะวันออกกลาง อาฟริกา และยุโรป ซึ่งในส่วนตลาดยุโรปนั้นยอดขายยังไม่สูงมาก เนื่องจากสินค้ายังไม่ตรงตามความต้องการ แต่เชื่อว่าในปีนี้จะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ที่ 180 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 30% มาจาก ส่งออก 30% ซึ่งตลาดส่งออกเติบโตสูงถึง 50% มาจากตะวันออกกลางเป็นหลัก และในประเทศ 70% เติบโตขึ้นประมาณ 10% โดยในปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบการตลาดกว่า 20 ล้านบาท สูงจากปีก่อน 50% ในการรุกทำกิจกรรมส่งเสริมการขายให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทจะเน้นช่องทางจำหน่ายในส่วนของโมเดิร์นเทรดในสาขาต่างจังหวัดให้มากขึ้น จากเดิมที่วางจำหน่ายเฉพาะสาขาในกทม. เชื่อว่าจะส่งผลให้สิ้นปีนี้บริษัทจะมียอดขายเติบโตขึ้นได้กว่า 50% คิดเป็นมูลค่าถึง 260 ล้านบาท มาจากส่งออก 35% และในประเทศ 65%
นายนพชัย กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ปี 2552 ที่ผ่านมา บริษัทยังมีการเติบโตที่ดีอยู่นั้น เนื่องจากตลาดพัดลมไอน้ำหรือระบบทำความเย็นภายนอกอาคารยังเป็นตลาดใหม่ ปัจจุบันตลาดรวมมีมูลค่าที่ 200-300 ล้านบาทเท่านั้น และมาสเตอร์คูลครองส่วนแบ่งไม่ต่ำกว่า 80% ขณะที่มีผู้เล่นเข้ามาในตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง เชื่อจะส่งผลให้ตลาดนี้ขยายตัวได้กว้างขึ้นอีก และการแข่งขันที่เกิดขึ้นถือเป็นผลดี เชื่อว่าตลาดนี้น่าจะเติบโตและมีมูลค่าได้ในระดับพันล้านบาทแน่นอน
นายนพชัย วีระมาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายพัดลมไอน้ำหรือระบบทำความเย็นภายนอกอาคาร ภายใต้แบรนด์ มาสเตอร์คูล “MASTERKOOL" เปิดเผยกับ “ASTVผู้จัดการรายวัน”ว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ทางบริษัทมีความพร้อมในการทำตลาดอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะในเรื่องของผลิตภัณฑ์ จากเดิมที่มีราคาค่อนข้างสูง และยังตอบโจทย์ลูกค้าได้ไม่ทั่วถึงนั้น ล่าสุดปีนี้บริษัทพร้อมที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ในราคาที่ถูกลงอีก 50% เนื่องจากตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทางบริษัทได้มีการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาใหม่ ภายใต้งบประมาณกว่า 6-7 ล้านบาท เพื่อผลิตสินค้าที่มีราคาถูกลงแต่มีฟังก์ชั่นการทำงานที่ดีตอบสนองลูกค้าได้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ จะมีออกมาประมาณ 6-7 รุ่น ทั้งแบบตั้งพื้นและแบบติดฝาผนัง ระดับราคาตั้งแต่ 7,000-20,000 บาท รูปแบบดีไซน์ทันสมัยมากขึ้น เจาะกลุ่มลูกค้าระดับล่างลงมา ที่ต้องการใช้กับพื้นที่กลางแจ้งขนาดเล็ก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร หรือโรงงานขนาดเล็ก เป็นต้น ขณะที่รุ่นเดิมนั้น จะยังคงมีการผลิตเพื่อจำหน่ายอยู่ แต่จะเน้นรุ่นใหญ่เป็นหลัก ที่เหมาะกับพื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่ ซึ่งตลาดนี้ยังมีความต้องการอยู่
นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ใหม่ ยังได้รับความสนใจจากประเทศในกลุ่มยุโรปมากขึ้นด้วย จากเดิมในปีที่ผ่านมา บริษัทได้ส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายในต่างประเทศ รวมกว่า 32 ประเทศ ทั้งแถบตะวันออกกลาง อาฟริกา และยุโรป ซึ่งในส่วนตลาดยุโรปนั้นยอดขายยังไม่สูงมาก เนื่องจากสินค้ายังไม่ตรงตามความต้องการ แต่เชื่อว่าในปีนี้จะได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามในปีที่ผ่านมา บริษัทมีรายได้ที่ 180 ล้านบาท เติบโตขึ้นราว 30% มาจาก ส่งออก 30% ซึ่งตลาดส่งออกเติบโตสูงถึง 50% มาจากตะวันออกกลางเป็นหลัก และในประเทศ 70% เติบโตขึ้นประมาณ 10% โดยในปีนี้บริษัทได้ทุ่มงบการตลาดกว่า 20 ล้านบาท สูงจากปีก่อน 50% ในการรุกทำกิจกรรมส่งเสริมการขายให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทจะเน้นช่องทางจำหน่ายในส่วนของโมเดิร์นเทรดในสาขาต่างจังหวัดให้มากขึ้น จากเดิมที่วางจำหน่ายเฉพาะสาขาในกทม. เชื่อว่าจะส่งผลให้สิ้นปีนี้บริษัทจะมียอดขายเติบโตขึ้นได้กว่า 50% คิดเป็นมูลค่าถึง 260 ล้านบาท มาจากส่งออก 35% และในประเทศ 65%
นายนพชัย กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ปี 2552 ที่ผ่านมา บริษัทยังมีการเติบโตที่ดีอยู่นั้น เนื่องจากตลาดพัดลมไอน้ำหรือระบบทำความเย็นภายนอกอาคารยังเป็นตลาดใหม่ ปัจจุบันตลาดรวมมีมูลค่าที่ 200-300 ล้านบาทเท่านั้น และมาสเตอร์คูลครองส่วนแบ่งไม่ต่ำกว่า 80% ขณะที่มีผู้เล่นเข้ามาในตลาดนี้อย่างต่อเนื่อง เชื่อจะส่งผลให้ตลาดนี้ขยายตัวได้กว้างขึ้นอีก และการแข่งขันที่เกิดขึ้นถือเป็นผลดี เชื่อว่าตลาดนี้น่าจะเติบโตและมีมูลค่าได้ในระดับพันล้านบาทแน่นอน