ราคาน้ำมันตลาดโลกยังผันผวนสูงในช่วงระยะสั้นแต่เฉลี่ยไม่น่าต่ำกว่า 75 เหรียญต่อบาร์เรล รอลุ้นราคาน้ำมันขายปลีกไทยมีโอกาสปรับลดลงหลังผู้ค้าขยับไปก่อนหน้านี้ 50 สตางค์ต่อลิตรเว้นอี 85 สวนทางตลาดโลกที่ดิ่งแรงต่อเนื่อง
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกคาดว่าจะยังคงมีความผันผวนในช่วงระยะสั้นอยู่เนื่องจากที่ผ่านมามีการเทขายสินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ รวมไปถึงน้ำมันหลังแนวโน้มเศรษฐกิจโลกทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรปยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะความวิตกต่อปัญหาหนี้ของประเทศแถบยุโรปบางแห่ง อย่างไรก็ตามประเมินว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเฉลี่ยคงจะลดลงในระยะสั้นมาอยู่ที่ระดับ 70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลได้แต่เฉลี่ยคงจะไม่ต่ำกว่า 75 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล
สำหรับราคาขายปลีกของไทยสัปดาห์นี้มีโอกาสสูงที่ผู้ค้าน้ำมันจะปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันลงมาเพื่อให้สอดคล้องกับราคาตลาดโลกได้หากราคาตลาดโลกไม่แกว่งตัวดีดกลับไปสูงอีกเนื่องจากการประกาศปรับราคาขายปลีก 50 สตางค์ต่อลิตรทุกผลิตภัณฑ์ยกเว้นแก๊สโซฮอล์อี 85 ในวันที่ 4 ก.พ.และมีผลในวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมาซึ่งสวนทางกับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับตัวลงค่อนข้างแรงโดยเฉพาะส่วนของน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) 2 วันเกือบ 6 เหรียญต่อบาร์เรล
“ ต้องยอมรับว่าขณะที่ผู้ค้าตัดสินใจช่วงบ่ายของวันที่ 4 ก.พ.นั้นเนื่องจากก่อนหน้าราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงต่อเนื่องจนทำให้ค่าการตลาดเหลือเพียงเฉลี่ย 1 บาทต่อลิตรเท่านั้นซึ่งเข้าใจว่าผู้ค้าน้ำมันคงคิดไม่ถึงว่าในช่วงเย็นน้ำมันจะลงแรงและต่อเนื่องถึงวันรุ่งขึ้นจึงทำให้ดูเหมือนราคาขายปลีกน้ำมันของเราสวนตลาดแต่ข้อเท็จจริงคือผู้ค้าไม่ได้ปรับทันทีทันใดแต่จะเฉลี่ยราคาตลาดโลกในช่วง4-5 วันจึงพิจารณาเปลี่ยนแปลง”นายมนูญกล่าว
สำหรับแนวโน้มราคาขายปลีกของไทยที่จะสะท้อนตามทิศทางตลาดโลกในปี 2553 ที่ราคาอาจไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากเช่นอดีตที่ผ่านมาดังนั้นการทำตลาดพลังงานทดแทนทั้งแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซลจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายเนื่องจากผู้บริโภคคนไทยยังให้ความสำคัญกับค่าออกเทนน้ำมันที่สูงอยู่หากราคาขายปลีกพลังงานทดแทนไม่จูงใจก็จะไม่ใช้มากขึ้นดังนั้นก็อยู่ที่นโยบายรัฐบาลที่จะต้องเพิ่มส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันปกติกับน้ำมันในกลุ่มพลังงานทดแทนให้สูงขึ้นกว่าปัจจุบันซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)ได้วางนโยบายไว้แล้วว่าจะหาจังหวะในการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นหากน้ำมันอยู่ในช่วงขาลง
นายมนูญ ศิริวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำมัน เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกคาดว่าจะยังคงมีความผันผวนในช่วงระยะสั้นอยู่เนื่องจากที่ผ่านมามีการเทขายสินค้าโภคภัณฑ์ ทองคำ รวมไปถึงน้ำมันหลังแนวโน้มเศรษฐกิจโลกทั้งสหรัฐอเมริกาและยุโรปยังไม่ดีนัก โดยเฉพาะความวิตกต่อปัญหาหนี้ของประเทศแถบยุโรปบางแห่ง อย่างไรก็ตามประเมินว่าราคาน้ำมันดิบตลาดโลกเฉลี่ยคงจะลดลงในระยะสั้นมาอยู่ที่ระดับ 70 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรลได้แต่เฉลี่ยคงจะไม่ต่ำกว่า 75 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล
สำหรับราคาขายปลีกของไทยสัปดาห์นี้มีโอกาสสูงที่ผู้ค้าน้ำมันจะปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันลงมาเพื่อให้สอดคล้องกับราคาตลาดโลกได้หากราคาตลาดโลกไม่แกว่งตัวดีดกลับไปสูงอีกเนื่องจากการประกาศปรับราคาขายปลีก 50 สตางค์ต่อลิตรทุกผลิตภัณฑ์ยกเว้นแก๊สโซฮอล์อี 85 ในวันที่ 4 ก.พ.และมีผลในวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมาซึ่งสวนทางกับราคาน้ำมันดิบตลาดโลกที่ปรับตัวลงค่อนข้างแรงโดยเฉพาะส่วนของน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส(WTI) 2 วันเกือบ 6 เหรียญต่อบาร์เรล
“ ต้องยอมรับว่าขณะที่ผู้ค้าตัดสินใจช่วงบ่ายของวันที่ 4 ก.พ.นั้นเนื่องจากก่อนหน้าราคาน้ำมันปรับขึ้นสูงต่อเนื่องจนทำให้ค่าการตลาดเหลือเพียงเฉลี่ย 1 บาทต่อลิตรเท่านั้นซึ่งเข้าใจว่าผู้ค้าน้ำมันคงคิดไม่ถึงว่าในช่วงเย็นน้ำมันจะลงแรงและต่อเนื่องถึงวันรุ่งขึ้นจึงทำให้ดูเหมือนราคาขายปลีกน้ำมันของเราสวนตลาดแต่ข้อเท็จจริงคือผู้ค้าไม่ได้ปรับทันทีทันใดแต่จะเฉลี่ยราคาตลาดโลกในช่วง4-5 วันจึงพิจารณาเปลี่ยนแปลง”นายมนูญกล่าว
สำหรับแนวโน้มราคาขายปลีกของไทยที่จะสะท้อนตามทิศทางตลาดโลกในปี 2553 ที่ราคาอาจไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นมากเช่นอดีตที่ผ่านมาดังนั้นการทำตลาดพลังงานทดแทนทั้งแก๊สโซฮอล์และไบโอดีเซลจึงเป็นเรื่องที่ท้าทายเนื่องจากผู้บริโภคคนไทยยังให้ความสำคัญกับค่าออกเทนน้ำมันที่สูงอยู่หากราคาขายปลีกพลังงานทดแทนไม่จูงใจก็จะไม่ใช้มากขึ้นดังนั้นก็อยู่ที่นโยบายรัฐบาลที่จะต้องเพิ่มส่วนต่างราคาระหว่างน้ำมันปกติกับน้ำมันในกลุ่มพลังงานทดแทนให้สูงขึ้นกว่าปัจจุบันซึ่งก่อนหน้านี้คณะกรรมการนโยบายพลังงาน(กบง.)ได้วางนโยบายไว้แล้วว่าจะหาจังหวะในการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นหากน้ำมันอยู่ในช่วงขาลง
