“เกษร” มั่นใจเศรษฐกิจปีนี้น่าจะฟื้นตัวดีขึ้น ปรับร้านค้ามุ่งจับกลุ่มนิวลักซ์ เผยจับมือแบรนด์หรูจัดเอ็กซ์คลูซีฟอีเวนต์ ประเดิมหลุยส์วิตตอง จัดงานใหญ่
นางสาธิมา ทานาเบ้ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เกษร แลนด์ แอสเซท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเกษร กล่าวว่า บริษัทฯวางแผนรุกตลาดค้าปลีกปีนี้เต็มที่ เนื่องจากมีความมั่นใจว่า ธุรกิจค้าปลีกในภาพรวมน่าจะดีขึ้น โดยมี 2 ปัจจัยหลักคือ สภาวะเศรษฐกิจที่หลายสำนักประเมินสถานการณ์ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกขณะนี้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเมื่อปลายปี 2552 ทางไอเอ็มเอฟ ประกาศการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกที่ บวก 4% และจีนบวก 7.7% ขณะที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีปี 2553 ของไทยอยู่ที่ 3.3-5.3%
ทั้งนี้นโยบายหลักจะยังมุ่งเน้นการทำตลาดลักชัวรี่แบรนด์ ทั้งในส่วนของการคัดสรรแบรนด์ การคัดสรรสินค้า การจัดตกแต่งร้านค้าและดิสเพลย์ การบริการภายในร้าน และการจัดเอ็กซ์คลูซีฟอีเวนต์ ซึ่งปีนี้จะรุกการทำอีเวนต์ระดับภูมิภาค โดยการร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์ต่างประเทศชั้นนำ ทำเอ็ซค์ลูซีฟอีเวนต์ที่เกสรแห่งเดียวในภูมิภาคนี้ เช่น จับมือร่วมกับหลุยส์วิตตอง และแบรนด์อื่นๆเป็นต้น
โดยอีเวนต์ล่าสุดในไตรมาสแรกนี้คือ การจัด “เกษร เลิฟ คาร์นิวัล” โดยร่วมมืออกับแบรนด์จิวเวลรี่ของไทย “โอลิเวียไดมอนด์ส” และเสื้อผ้าแบรนด์ซีนิททอเรียล ซึ่งปีนี้ทั้งปีจะใช้งบตลาดเพิ่มขึ้น 8% จากปีที่แล้ว และคาดหวังว่ารายได้รวมจะเติบโตเป็นเลขสองหลัก
สำหรับกลุ่มเป้าหมายนั้นปีนี้จะมุ่งเน้นขยายฐานกลุ่มนิวลักซ์ หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงานแต่รายได้ยังไม่มากนัก แต่พื้นฐานครอบครัวมีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการลักซ์ชัวรี่แบรนด์ โดยกลุ่มนี้มีการใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งมากกว่าการใช้จ่ายในศูนย์การค้าทั่วไป 5 เท่าตัว ซึ่งกลุ่มนี้เป็นรุ่นลูกของลูกค้ากลุ่มโอลด์มันนี่ที่มีเงินหนาและเป็นลูกค้าหลักของเกษรการอยู่แล้ว ประมาณ 80% คาดว่าปีนี้จะมีกลุ่มนิวลักซ์ประมาณ 20%
แผนการรองรับลูกค้ากลุ่มนิวลักซ์นี้ บริษัทฯได้ปรับร้านค้าใหม่บางส่วน เพื่อเป็นแม็กเน็ตในการดึงลูกค้า ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเปิดตัวแบรนด์ “Culti” สินค้าตกแต่งบ้านและไลฟ์สไตล์ , สินค้าเครื่องหอม “Santa Maria Novella” ซึ่งทั้งสองแบรนด์มาจากอิตาลี และล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะมีการเปิดร้านแฟชั่นมัลติแบรนด์อย่าง “Cloud 9” , ร้าน I-Studio ตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple ในเดือนเมษายนนี้ และการเปิดร้าน THANNative Caf? และแฟลกชิบสโตร์ของแบรนด์นาฬิกาหรู Roger Dubuis อย่างไรก็ตามปีที่แล้วก็มีการปิดร้านไปบ้างเช่น จีวองชี่และออนเพดเดิ้ล เป็นต้น
สำหรับในปีน้บริษัทฯประเมินว่า ด้วยแคมเปญการตลาดต่อเนื่องผ่าน Pure Reward และยอดนักท่องเที่ยวและยอดจองโรงแรมในย่านราชประสงค์ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม จะช่วยผลักดันยอดขายโดยรวมให้สูงขึ้นถึง 20% เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และจะเพิ่มจำนวนทราฟฟิคอีก 10% โดยสัดส่วนแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวกับลูกค้าชาวไทย 50-50 เท่ากัน ซึงลูกคาต่างชาติกลุ่มใหญ่เวลานี้คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย และพวกอาหรับ
นางสาธิมา ทานาเบ้ รองผู้จัดการทั่วไป บริษัท เกษร แลนด์ แอสเซท แมนเนจเม้นท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเกษร กล่าวว่า บริษัทฯวางแผนรุกตลาดค้าปลีกปีนี้เต็มที่ เนื่องจากมีความมั่นใจว่า ธุรกิจค้าปลีกในภาพรวมน่าจะดีขึ้น โดยมี 2 ปัจจัยหลักคือ สภาวะเศรษฐกิจที่หลายสำนักประเมินสถานการณ์ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกขณะนี้ไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเมื่อปลายปี 2552 ทางไอเอ็มเอฟ ประกาศการเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกที่ บวก 4% และจีนบวก 7.7% ขณะที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีปี 2553 ของไทยอยู่ที่ 3.3-5.3%
ทั้งนี้นโยบายหลักจะยังมุ่งเน้นการทำตลาดลักชัวรี่แบรนด์ ทั้งในส่วนของการคัดสรรแบรนด์ การคัดสรรสินค้า การจัดตกแต่งร้านค้าและดิสเพลย์ การบริการภายในร้าน และการจัดเอ็กซ์คลูซีฟอีเวนต์ ซึ่งปีนี้จะรุกการทำอีเวนต์ระดับภูมิภาค โดยการร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์ต่างประเทศชั้นนำ ทำเอ็ซค์ลูซีฟอีเวนต์ที่เกสรแห่งเดียวในภูมิภาคนี้ เช่น จับมือร่วมกับหลุยส์วิตตอง และแบรนด์อื่นๆเป็นต้น
โดยอีเวนต์ล่าสุดในไตรมาสแรกนี้คือ การจัด “เกษร เลิฟ คาร์นิวัล” โดยร่วมมืออกับแบรนด์จิวเวลรี่ของไทย “โอลิเวียไดมอนด์ส” และเสื้อผ้าแบรนด์ซีนิททอเรียล ซึ่งปีนี้ทั้งปีจะใช้งบตลาดเพิ่มขึ้น 8% จากปีที่แล้ว และคาดหวังว่ารายได้รวมจะเติบโตเป็นเลขสองหลัก
สำหรับกลุ่มเป้าหมายนั้นปีนี้จะมุ่งเน้นขยายฐานกลุ่มนิวลักซ์ หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงานแต่รายได้ยังไม่มากนัก แต่พื้นฐานครอบครัวมีกำลังซื้อสูง และมีความต้องการลักซ์ชัวรี่แบรนด์ โดยกลุ่มนี้มีการใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 15,000 บาทต่อครั้ง ซึ่งมากกว่าการใช้จ่ายในศูนย์การค้าทั่วไป 5 เท่าตัว ซึ่งกลุ่มนี้เป็นรุ่นลูกของลูกค้ากลุ่มโอลด์มันนี่ที่มีเงินหนาและเป็นลูกค้าหลักของเกษรการอยู่แล้ว ประมาณ 80% คาดว่าปีนี้จะมีกลุ่มนิวลักซ์ประมาณ 20%
แผนการรองรับลูกค้ากลุ่มนิวลักซ์นี้ บริษัทฯได้ปรับร้านค้าใหม่บางส่วน เพื่อเป็นแม็กเน็ตในการดึงลูกค้า ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเปิดตัวแบรนด์ “Culti” สินค้าตกแต่งบ้านและไลฟ์สไตล์ , สินค้าเครื่องหอม “Santa Maria Novella” ซึ่งทั้งสองแบรนด์มาจากอิตาลี และล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะมีการเปิดร้านแฟชั่นมัลติแบรนด์อย่าง “Cloud 9” , ร้าน I-Studio ตัวแทนจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Apple ในเดือนเมษายนนี้ และการเปิดร้าน THANNative Caf? และแฟลกชิบสโตร์ของแบรนด์นาฬิกาหรู Roger Dubuis อย่างไรก็ตามปีที่แล้วก็มีการปิดร้านไปบ้างเช่น จีวองชี่และออนเพดเดิ้ล เป็นต้น
สำหรับในปีน้บริษัทฯประเมินว่า ด้วยแคมเปญการตลาดต่อเนื่องผ่าน Pure Reward และยอดนักท่องเที่ยวและยอดจองโรงแรมในย่านราชประสงค์ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวม จะช่วยผลักดันยอดขายโดยรวมให้สูงขึ้นถึง 20% เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และจะเพิ่มจำนวนทราฟฟิคอีก 10% โดยสัดส่วนแบ่งเป็นนักท่องเที่ยวกับลูกค้าชาวไทย 50-50 เท่ากัน ซึงลูกคาต่างชาติกลุ่มใหญ่เวลานี้คือ มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย และพวกอาหรับ
