xs
xsm
sm
md
lg

“สยามพิวรรธน์”ลุยนิวมีเดีย คาดเจเทรนด์ปีนี้กลับมาแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“สยามพิวรรธน์” ปรับเกมรุก อัดฉีดงยบตลาดเพิ่ม 15% เป็น 300 ล้านบาท พร้อมเตรียมงบพิเศษอีกไม่อั้น โฟกัสสื่อออนไลน์-นิวมีเดียมาขึ้น เผยเจเทรนด์ ปีนี้จะกลับมาแรงอีก

นางสาวศิริเพ็ญ อินทุภูติ ผู้บริหารสายการตลาดและประชาสัมพันธ์ สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯได้ปรับแผนการทำตลาดและการใช้งบด้านการตลาดใหม่ โดยตั้งงบประมาณตลาดไว้ที่ 300 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 15% โดยจะเน้นการทำอีเวนต์กับพันธมิตรมากขึ้น เพื่อให้กระจายและครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรค่ายเพลง หรือสินค้าและบริการต่างๆ

อย่างไรก็ตาม จะมีการประเมินสถานการณ์ทุกไตรมาสเพื่อพิจารณาว่าจะใช้งบตลาดเพิ่มติมอีกหรือไม่ หากมีสถานการณ์พิเศษเกิดขึ้น โดยปีนี้จะมีอีเวนต์เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5% หรือรวมเป็นมากกว่า 280 กิจกรรม เช่นเดียวกับปีที่แล้วบริษัทฯตั้งงบการตลาดไว้ที่ 250 ล้านบาท แต่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายสถานการณ์ทางเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น
ทำให้ต้องอัดอีเวนต์เพิ่มขึ้นด้วยการเพิ่มงบพิเศษเข้าไปอีก 130 ล้านบาท ทำให้ทั้งปี 2552 บริษัทฯใช้งบตลาดรวม 380 ล้านบาท อีกทั้งปีนี้ยังตั้งงบด้านซีอาร์เอ็มแยกออกมาต่างหากอีก 50 ล้านบาท

นอกจากนั้นแล้วปีนี้ยังจะหันมาใช้งบทางด้านออนไลน์มาร์เก็ตติ้งหรือสื่อใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 20% เพิ่มจากปีที่แล้วที่ใช้สื่อทางด้านนี้ 10% จากงบรวมทั้งหมด ด้วยการพัฒนาและเพิ่มช่องทางการสื่อสารรูปแบบใหม่ๆ ลักษณะ 2 ทาง ที่ได้รับความสนใจและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายแท้จริง สื่ออิเลคทรอนิคส์ เช่น เฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์ เว็บบล็อก เป็นต้น

ทั้งนี้การตลาดปีนี้จะทำภายใต้ 4 กลยุทธ์หลักที่ผสมผสานกันคือ 1.สร้างยอดขายให้กับร้านค้าในศูนย์ฯ 2.สร้างทราฟฟิกมากขึ้น ปัจจุบัน สยามเซ็นเตอร์มีคนเดินเข้าศูนย์ฯประมาณ 100,000 คนต่อวัน มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 3,500 บาทต่อคนต่อครั้ง ส่วนสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ มีคนเดินเข้าศูนย์ฯ 80,000 คนต่อวัน มีการใช้จ่ายเฉลี่ย 5,500 บาทต่อคนต่อครั้ง ทั้ง 2 ศูนย์ฯคาดว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้น 20% โดยจะดึงทั้งลูกค้าเก่าให้กลับมาเดินและหาลูกค้าใหม่ด้วย

3.การขยายฐานลูกค้า ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ นักท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนอยู่ที่คนไทย 65% คนต่างชาติ 35% จะปรับเป็น คนไทย 60% คนต่างชาติ 40% 4.สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำซีอาร์เอ็ม ด้วยการทำผ่านทั้ง 2 บัตรคือ เอสคลับ ปัจจุบันมีประมาณ 33,000 ราย กับ วิซการ์ด ที่ขณะนี้มี 15,000 ราย (เมื่อปลายปีที่แล้วเพิ่มขึ้นถึง 8,000 รายในช่วงท้ายปีที่ได้ออกบัตรไวท์การ์ด) โดยยึดแนวแคมเปญต่างๆที่สามารถครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย

จากการสำรวจบของบริษัทฯพบว่า กลุ่มลูกค้าที่เดินเข้าทั้ง 2 ศูนย์ฯนี้จะมีหลากหลาย ทั้งวัยรุ่นนักศึกษา คนทำงาน นักท่องเที่ย ว ครอบครัว ทั้งสยามเซ็นเตอร์จะเน้นไปที่ความเป็นแฟชั่น สยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์เน้นไปที่สินค้าบริการไลฟ์สไตล์และความเป็นอาร์ต ซึ่งปีที่แล้ววิซการ์ดเน้นการทำตลาดที่เพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ถือบัตรเป็นหลัก แต่ปีนี้จะเน้นด้านการทำซีอาร์เอ็มมากขึ้นด้วย

“ปีนี้คาดว่าจะเห็นกิจกรรมที่เกี่ยวกับกระแสญี่ปุ่นเริ่มกลับมามากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ถูกกระแสเคป๊อปจากเกาหลีแย่งเวทีไป ซึงในส่วนของบริษัทฯเองก็จะมีกิจกรรมทั้ง ศิลปิน ดารา นักร้อง จากญี่ปุ่นมาจัดกิจกรรมมากขึ้นด้วย คาดว่าจะเริ่มเห็นไต้ไนไตรมาสสองเป็นต้นไป แต่ก็ยังคงไม่สามารถดึงกระแสกลับคืนมาจากเคป๊อปได้ ต้องรอเวลาอีกระยะ”นางสาวศิริเพ็ญกล่าว

ล่าสุดในช่วงเทศกาลตรุษจีนและวาเลนไทน์ที่อยู่ในวันเดียวกันคือ 14 กุมภาพันธ์ จะนำมาทำแคมเปญรวมกัน โดยใช้งบตลาดรวม 5 ล้านบาท จัดกิจกรรม สยามเซ็นเตอร์และสยามดิสคัฟเวอรี่เซ็นเตอร์ ไชนีส นิวเยียร์ เซเลเบรชั่น 2553 “53 เลิฟ แอนด์ ฟอร์จูน” ตั้งแต่วันที่ 4 – 28 กุมภาพันธ์ รับโชค 2 ชั้น เมื่อซื้อสินค้าครบตามเงื่อนไข ลุ้นแพคเกจท่องเที่ยวกรุงเทพฯ–ฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ และอื่นๆ หรือลุ้นรับของขวัญและร่วมกิจกรรมากมายทั้งสองศูนย์ฯ จากกิจกรรมดังกล่าวตั้งเป้าเพิ่มลูกค้า 20%
กำลังโหลดความคิดเห็น