ดีซีฯชี้ ตลาดรวมพีอาร์ปีนี้คาดเติบโต 10% จากปีที่แล้วที่ทรงตัว ชี้เทรนด์มาแรง “ไอเอสอาร์-โซเชียลมีเดีย-เพอร์ซันนอลแบรนด์ดิ้ง-ไวท์โอเชียน-สื่อสารภายในองค์กร” เผยกฎตลาดหุ้นที่กำหนดต้องมี ไอเอสโอ 26000 เป็นตัวหนุนที่ดี
นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดธุรกิจประชาสัมพันธ์ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% จากปีที่แล้วที่ตลาดรวมไม่เติบโตเช่นเดียวกับของบริษัท ส่วนทิศทางการประชาสัมพันธ์ในปีนี้จะเปลี่ยนไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงหลายปัจจัยทั้ง เศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก และเรื่องของสังคม อีกทั้งกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ที่กำหนดให้บริษัทในตลาดหุ้นต้องมี ไอเอสโอ 26000 ที่กำหนดเรื่องซีเอสอาร์โดยเฉพาะ
“การทำซีเอสอาร์ประเภท แบบสร้างภาพแบบฉาบฉวย แค่บริจาคเงินนิดหน่อย หรือ การสร้างอะไรให้กับสังคมชุมชนแบบ 1 ปีทำครั้งเดียว คงจะมีน้อยลง เพราะปัจจุบันเรื่องซีเอสอาร์กลายเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ต้องทำจริงจังและต่อเนื่องเป็นระบบ โดยเทรนด์การทำพีอาร์ จะหันมามุ่งเน้นเรื่องของการทำ ซีเอสอาร์ การสร้างเพอร์ซันนอลแบรนด์ดิ้ง การใช้โซเชียลมีเดียเน็ทเวิร์ค และการทำไวท์โอเชียนมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น” นายดนัยกล่าว
การทำซีเอสอาร์นั้น จะเน้นลงลึกในส่วนของไอเอสอาร์ก่อน (Individual Social Responsibility) คือการปลูกจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อส่วนรวมในระดับบุคคล ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการทำต่อส่วนรวมต่อไป การหันกลับมาเน้นการสื่อสารภายในองค์กรมากขึ้นหรืออินเทอร์นัล คอมมูนิเคชั่น ซึ่งรูปแบบการทำซีเอสอาร์ที่น่าจะมาแรงเช่น การทำที่เกี่ยวกับธรรมชาติ
แนวโน้มอีกประการที่น่าสนใจคือ การใช้โซเชียลมีเดีย เนื่องจากมีประชากรไม่ต่ำกว่า 20% ที่สามารถเข้าถึงการสื่อสารสมัยใหม่ผ่านระบบมือถือ อินเทอร์เน็ต เฟซบุ๊ค ไฮไฟว์ ทวีตเตอร์ เป็นต้น ซึ่งสื่อใหม่เหล่านี้สามารถทดแทนเวลาสื่อเดิมอย่าง โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ได้ อีกทั้งมีต้นทุนต่ำกว่าด้วย และแนวโน้มจากนี้ไป กว่า 70% ของข้อมูลข่าวสารทั้งหมด จะถูกผลิตขึ้นโดยบุคคลทั่วไปที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นตัวเชื่อมโยงทำให้สามารถรับทราบข่าวสารซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดีและรวดเร็ว ตรงนี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ เทรนด์การสร้างเพอร์ซันนอลแบรนดิ้ง เป็นเรื่องสำคัญแจะมีผลดีต่อองค์กรด้วย
สำหรับแนวทางของบริษัทฯในปี 2553 จะยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ที่ทำมาตลอด คือ การใช้คุณธรรมความดีการสื่อสารบนพื้นฐานของความจริง เนื่องจากเป็นจุดยืนที่ชัดเจน และเป็นการทำงานที่สามารถสร้างผลประโยชน์ กลับคืนสู่สังคมในรูปแบบต่างๆได้ด้วย พนักงานเกิดความภาคภูมิใจ องค์กรยังสร้างรายได้และส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น จากที่ลูกค้าพิจารณาเลือกซื้อสินค้าและบริการจากองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม
“ที่ผ่านมาดีซีฯ เป็นผู้นำทางด้านนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเผยแพร่แนวคิดไวท์โอเชียน หรือกลยุทธ์น่านน้ำสีขาว โดยในปัจจุบันได้มีการบรรยายไปแล้วมากกว่า 100 ครั้ง ใน 82 องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนและต่างประเทศ มีจำนวนผู้เข้าฟังรวมกว่า 8,530 คน และมีการร่วมกันตั้งปณิธานเข้าร่วมโครงการสังคมสีขาว 6,220 คน และมีการดาวน์โหลดเนื้อหากว่า 21,962 ครั้ง” นายดนัยกล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯมีลูกค้าประมาณ 20 ราย พนักงานกว่า 50 คน และมีเป้าหมายที่จะรับงานบริษัทฯที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย
นายดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีซี คอนซัลแทนส์ แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง คอมมูนิเคชั่นส์ จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดธุรกิจประชาสัมพันธ์ในปีนี้คาดว่าจะเติบโต 10% จากปีที่แล้วที่ตลาดรวมไม่เติบโตเช่นเดียวกับของบริษัท ส่วนทิศทางการประชาสัมพันธ์ในปีนี้จะเปลี่ยนไป เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงหลายปัจจัยทั้ง เศรษฐกิจ ปัญหาการเมือง ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก และเรื่องของสังคม อีกทั้งกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ที่กำหนดให้บริษัทในตลาดหุ้นต้องมี ไอเอสโอ 26000 ที่กำหนดเรื่องซีเอสอาร์โดยเฉพาะ
“การทำซีเอสอาร์ประเภท แบบสร้างภาพแบบฉาบฉวย แค่บริจาคเงินนิดหน่อย หรือ การสร้างอะไรให้กับสังคมชุมชนแบบ 1 ปีทำครั้งเดียว คงจะมีน้อยลง เพราะปัจจุบันเรื่องซีเอสอาร์กลายเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่ต้องทำจริงจังและต่อเนื่องเป็นระบบ โดยเทรนด์การทำพีอาร์ จะหันมามุ่งเน้นเรื่องของการทำ ซีเอสอาร์ การสร้างเพอร์ซันนอลแบรนด์ดิ้ง การใช้โซเชียลมีเดียเน็ทเวิร์ค และการทำไวท์โอเชียนมาร์เก็ตติ้งมากขึ้น” นายดนัยกล่าว
การทำซีเอสอาร์นั้น จะเน้นลงลึกในส่วนของไอเอสอาร์ก่อน (Individual Social Responsibility) คือการปลูกจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อส่วนรวมในระดับบุคคล ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการทำต่อส่วนรวมต่อไป การหันกลับมาเน้นการสื่อสารภายในองค์กรมากขึ้นหรืออินเทอร์นัล คอมมูนิเคชั่น ซึ่งรูปแบบการทำซีเอสอาร์ที่น่าจะมาแรงเช่น การทำที่เกี่ยวกับธรรมชาติ
แนวโน้มอีกประการที่น่าสนใจคือ การใช้โซเชียลมีเดีย เนื่องจากมีประชากรไม่ต่ำกว่า 20% ที่สามารถเข้าถึงการสื่อสารสมัยใหม่ผ่านระบบมือถือ อินเทอร์เน็ต เฟซบุ๊ค ไฮไฟว์ ทวีตเตอร์ เป็นต้น ซึ่งสื่อใหม่เหล่านี้สามารถทดแทนเวลาสื่อเดิมอย่าง โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ได้ อีกทั้งมีต้นทุนต่ำกว่าด้วย และแนวโน้มจากนี้ไป กว่า 70% ของข้อมูลข่าวสารทั้งหมด จะถูกผลิตขึ้นโดยบุคคลทั่วไปที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นตัวเชื่อมโยงทำให้สามารถรับทราบข่าวสารซึ่งกันและกันได้เป็นอย่างดีและรวดเร็ว ตรงนี้จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ เทรนด์การสร้างเพอร์ซันนอลแบรนดิ้ง เป็นเรื่องสำคัญแจะมีผลดีต่อองค์กรด้วย
สำหรับแนวทางของบริษัทฯในปี 2553 จะยังคงมุ่งเน้นกลยุทธ์ที่ทำมาตลอด คือ การใช้คุณธรรมความดีการสื่อสารบนพื้นฐานของความจริง เนื่องจากเป็นจุดยืนที่ชัดเจน และเป็นการทำงานที่สามารถสร้างผลประโยชน์ กลับคืนสู่สังคมในรูปแบบต่างๆได้ด้วย พนักงานเกิดความภาคภูมิใจ องค์กรยังสร้างรายได้และส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้น จากที่ลูกค้าพิจารณาเลือกซื้อสินค้าและบริการจากองค์กรที่มีความรับผิดชอบต่อสังคม
“ที่ผ่านมาดีซีฯ เป็นผู้นำทางด้านนี้ ซึ่งเป็นผลจากการเผยแพร่แนวคิดไวท์โอเชียน หรือกลยุทธ์น่านน้ำสีขาว โดยในปัจจุบันได้มีการบรรยายไปแล้วมากกว่า 100 ครั้ง ใน 82 องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนและต่างประเทศ มีจำนวนผู้เข้าฟังรวมกว่า 8,530 คน และมีการร่วมกันตั้งปณิธานเข้าร่วมโครงการสังคมสีขาว 6,220 คน และมีการดาวน์โหลดเนื้อหากว่า 21,962 ครั้ง” นายดนัยกล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯมีลูกค้าประมาณ 20 ราย พนักงานกว่า 50 คน และมีเป้าหมายที่จะรับงานบริษัทฯที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้นด้วย