ศูนย์เลสิค TRSC ชูกลยุทธ์ อีมาร์เก็ตติ้ง จับลูกค้าในสังคมออนไลน์ หวังใช้เวิร์ด ออฟ เม้าท์ ช่วยกระพือข่าวถึงลูกค้าตั้งเป้าปีขาลขอโต 5% รับเศรษบกิจฟื้นตัว ชี้อยู่ในตลาดเลสิคกว่า 13 ปี รู้พฤติกรรมลูกค้า ที่ตัดสินใจจากความเชื่อมั่นจึงไม่โหมโฆษณา
นายสุชาติ เห็นสว่าง กรรมการผู้จัดการ TRSC ศูนย์เลสิคนานาชาติ เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2553 บริษัท จะเน้นทำการตลาดในรูปแบบอีมาร์เก็ตติ้ง เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ปัจจุบันนี้จะนิยมหาข้อมูลสินค้าและบริการผ่านเว็บไซน์ ในสังคมออนไลน์ รวมถึงการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเก่า(CRM)ด้วยการส่งอีเมลล์ตรงถึงตัวลูกค้าเพื่ออัพเดทข้อมูลด้านการบริการ และ การดูแลใส่ใจลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจในปีนี้ที่ 5% เป็นอย่างต่ำ นอกจากนั้น จะเน้นตั้งตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ ทั้งในยุโรป และเอเชีย เพื่อเป็นหน้าร้านช่วยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของ TRSC ให้แก่ลูกค้าที่สนใจ โดยปัจจุบัน บริษัทมีตัวแทนจำหน่ายกว่า 10 รายในต่างประเทศ ได้แก่ เยอรมัน อเมริกา ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศในยุโรป
สำหรับแนวคิดมุ่งเน้นการตลาดแบบอีมาร์เก็ตติ้ง เพราะ จากประสบการณ์ที่ TRSC อยู่ในธุรกิจเลสิค มานานกว่า 13 ปี พบว่า การทำตลาดในธุรกิจเลสิคนี้ไม่จำเป็นต้องทุ่มงบให้กับการโฆษณามากนัก อาจใช้แค่ช่วงเปิดตัวเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักก็เพียงพอ จากนั้น จะเป็นเรื่องของความเชื่อถือและการตลาดแบบบอกต่อ(เวิร์ด ออฟ เม้าท์) ของผู้ที่เคยมาใช้บริการ จะดีที่สุด เพราะลูกค้าที่เคยใช้บริการจะเชื่อถือและมั่นใจ จนทำให้เกิดการบอกต่อไปยังกลุ่มเพื่อ ญาติ และ คนรู้จัก ทำให้ผู้รับข่าวสารเกิดความมั่นใจในแบรนด์ตามไปด้วย ลูกค้าของ TRSC กว่า 70% มาจากการบอกต่อของลูกค้าเก่า โดยปี 2553 บริษัทใช้งบการตลาด 3-4% ของรายได้ ซึ่งการทำตลาดแบบอีเมาร์เก็ตติ้งช่วยประหยับงบการตลาดลงได้มาก จากช่วงแรกที่เปิดบริษัท ต้องใช้งบการตลาดมากกว่า 10% ของรายได้
“ธุรกิจเลสิค ก็เหมือนกับการให้บริการทางการแพทย์ ลูกค้าจะยึดมั่นในตัวบุคคลากร และสถานที่ ของผู้ให้บริการ มากกว่า ดังนั้นการเสียเงินทุ่มงบโฆษณาประชาสมัพันธ์มากเกินไปก็เปล่าประโยชน์ ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าเลสิคเป็นทางเลือกของผู้มีปัญหาด้านสายตา แต่ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน โดยจะตัดสินใจเข้ารับบริการก็ต่อเมื่อมีความพร้อมโดยเฉพาะด้านการเงิน ดังนั้นปัจจัยทางเศรษฐกิจจึงมีความสำตัญกับการตัดสินใจเข้ารับการบริการ”
นายสุชาติ กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และ ปัญหาการเมืองภายในประเทศไทย ทำให้กระทบต่อรายได้ของ TRSC ที่ลดลงจากช่วงปี 2550 และ 2551 และผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่จากแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษบกิจและแผนการตลาดที่วางไว้ ทำให้มั่นใจว่าในปี 2553 นี้ธุรกิจจะพลิกกลับมาเติบโตได้อย่างแน่นอน ปัจจุบัน TRSC มีฐานลูกค้าสมาชิกอยู่ราว 20,000 ราย เป็นลูกค้าระดับบีบวกขึ้นไป แบ่งเป็นตลาดคนไทย 80% และ ต่างชาติ 20% ซึ่งในปีที่ผ่านมา สัดส่วนชาวต่างชาติลดลงเหลือไม่ถึง 20% เป็นเพราะผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ สำหรับลูกค้าต่างชาติจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และ กลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเ?สไทย(เอ็กแพค)สัดส่วนอย่างละ 50% ตลาดรวมเลสิคในประเทศไทยมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท ถ้าในกลุ่มสแตนอโลนที่ไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล TRSC ถือเป็นเบอร์หนึ่ง มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50%
นายสุชาติ เห็นสว่าง กรรมการผู้จัดการ TRSC ศูนย์เลสิคนานาชาติ เปิดเผยว่า แผนธุรกิจในปี 2553 บริษัท จะเน้นทำการตลาดในรูปแบบอีมาร์เก็ตติ้ง เพื่อให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภค ที่ปัจจุบันนี้จะนิยมหาข้อมูลสินค้าและบริการผ่านเว็บไซน์ ในสังคมออนไลน์ รวมถึงการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเก่า(CRM)ด้วยการส่งอีเมลล์ตรงถึงตัวลูกค้าเพื่ออัพเดทข้อมูลด้านการบริการ และ การดูแลใส่ใจลูกค้าอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตของธุรกิจในปีนี้ที่ 5% เป็นอย่างต่ำ นอกจากนั้น จะเน้นตั้งตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศ ทั้งในยุโรป และเอเชีย เพื่อเป็นหน้าร้านช่วยนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการของ TRSC ให้แก่ลูกค้าที่สนใจ โดยปัจจุบัน บริษัทมีตัวแทนจำหน่ายกว่า 10 รายในต่างประเทศ ได้แก่ เยอรมัน อเมริกา ญี่ปุ่น และอีกหลายประเทศในยุโรป
สำหรับแนวคิดมุ่งเน้นการตลาดแบบอีมาร์เก็ตติ้ง เพราะ จากประสบการณ์ที่ TRSC อยู่ในธุรกิจเลสิค มานานกว่า 13 ปี พบว่า การทำตลาดในธุรกิจเลสิคนี้ไม่จำเป็นต้องทุ่มงบให้กับการโฆษณามากนัก อาจใช้แค่ช่วงเปิดตัวเพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักก็เพียงพอ จากนั้น จะเป็นเรื่องของความเชื่อถือและการตลาดแบบบอกต่อ(เวิร์ด ออฟ เม้าท์) ของผู้ที่เคยมาใช้บริการ จะดีที่สุด เพราะลูกค้าที่เคยใช้บริการจะเชื่อถือและมั่นใจ จนทำให้เกิดการบอกต่อไปยังกลุ่มเพื่อ ญาติ และ คนรู้จัก ทำให้ผู้รับข่าวสารเกิดความมั่นใจในแบรนด์ตามไปด้วย ลูกค้าของ TRSC กว่า 70% มาจากการบอกต่อของลูกค้าเก่า โดยปี 2553 บริษัทใช้งบการตลาด 3-4% ของรายได้ ซึ่งการทำตลาดแบบอีเมาร์เก็ตติ้งช่วยประหยับงบการตลาดลงได้มาก จากช่วงแรกที่เปิดบริษัท ต้องใช้งบการตลาดมากกว่า 10% ของรายได้
“ธุรกิจเลสิค ก็เหมือนกับการให้บริการทางการแพทย์ ลูกค้าจะยึดมั่นในตัวบุคคลากร และสถานที่ ของผู้ให้บริการ มากกว่า ดังนั้นการเสียเงินทุ่มงบโฆษณาประชาสมัพันธ์มากเกินไปก็เปล่าประโยชน์ ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าเลสิคเป็นทางเลือกของผู้มีปัญหาด้านสายตา แต่ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน โดยจะตัดสินใจเข้ารับบริการก็ต่อเมื่อมีความพร้อมโดยเฉพาะด้านการเงิน ดังนั้นปัจจัยทางเศรษฐกิจจึงมีความสำตัญกับการตัดสินใจเข้ารับการบริการ”
นายสุชาติ กล่าวยอมรับว่า ในปี 2552 ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก และ ปัญหาการเมืองภายในประเทศไทย ทำให้กระทบต่อรายได้ของ TRSC ที่ลดลงจากช่วงปี 2550 และ 2551 และผลประกอบการไม่เป็นไปตามเป้าหมาย แต่จากแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษบกิจและแผนการตลาดที่วางไว้ ทำให้มั่นใจว่าในปี 2553 นี้ธุรกิจจะพลิกกลับมาเติบโตได้อย่างแน่นอน ปัจจุบัน TRSC มีฐานลูกค้าสมาชิกอยู่ราว 20,000 ราย เป็นลูกค้าระดับบีบวกขึ้นไป แบ่งเป็นตลาดคนไทย 80% และ ต่างชาติ 20% ซึ่งในปีที่ผ่านมา สัดส่วนชาวต่างชาติลดลงเหลือไม่ถึง 20% เป็นเพราะผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ สำหรับลูกค้าต่างชาติจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และ กลุ่มชาวต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเ?สไทย(เอ็กแพค)สัดส่วนอย่างละ 50% ตลาดรวมเลสิคในประเทศไทยมูลค่ามากกว่า 500 ล้านบาท ถ้าในกลุ่มสแตนอโลนที่ไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาล TRSC ถือเป็นเบอร์หนึ่ง มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50%
