นายสัญชัย เนื่องสิทธิ์ รองประธานกรรมการ บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด(มหาชน) หรือ BSM ผู้ผลิตและตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ก่อสร้างตกแต่งภายในคุณภาพสูง เปิดเผยว่า การดำเนินงานในปีนี้บริษัทจะเพิ่มงานในส่วนของการติดตั้งสินค้าที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง (เฮ้าส์แบรนด์) มากขึ้น จากเดิมที่เป็นเพียงการจำหน่ายเฉพาะสินค้า ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มรายได้อีกช่องทางหนึ่ง ขณะเดียวกันนอกเหนือจากงานเอกชนแล้ว ทางบริษัทจะมุ่งงานภาครัฐให้มากขึ้น
ส่วนการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าชั้นนำทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศนั้น รองประธานกรรมการ BSM กล่าวว่ายังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะมีการเปิดตัวสินค้า Fletcher ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมคุณภาพสูงอย่างเต็มที่ จากที่ก่อนหน้านี้มีความล่าช้าในการเตรียมความพร้อม เนื่องจากต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของสินค้าให้เหมาะสมกับการใช้งานในภูมิภาค รวมทั้ง บริษัทยังได้ขยายโรงงานประกอบประตูหน้าต่างอีกหนึ่งแห่งในกรุงเทพฯ เพื่อรองรับการส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ
“ปีนี้การทำงานของบริษัทจะชัดเจนขึ้นหลังจากมีการแบ่งกลุ่มธุรกิจของสินค้าแต่ละประเภทให้มากกว่าเดิม ประกอบกับทางบริษัทจะมีการเสนอบริการติดตั้งในสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้า และถือเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ นอกจากนี้ ยังจะทำการตลาดในสินค้า Fletcher ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมคุณภาพสูงที่เราเป็นตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกด้วย”นายสัญชัย กล่าว
ทำให้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2553 ไว้ที่ประมาณ 550 ล้านบาท โดยมาจากตลาดในประเทศ 480 ล้านบาท และตลาดต่างประเทศ 70 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการในปี 2552 รายได้อาจปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่ในตลาดต่างประเทศรายได้ของบริษัทยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ แต่ในส่วนของกำไรยังเป็นที่น่าพอใจ
ก่อนหน้านี้ นายสุเรช ซูบรามาเนียม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BSM กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมาจะเติบโตอย่างมาก เมื่อเทียบกับปี 2551 เนื่องจากบริษัทมียอดขายสินค้าไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น 30-40% ขณะที่รายได้ทั้งปีอาจลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีรายได้ 406.22 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้กำลังซื้อลดลงในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกปี 2552 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7.84 ล้านบาทมากกว่าทั้งปีของปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 2.44 ล้านบาท ส่วนในปี 2553 บริษัทเตรียมลงทุนในการจัดตั้งออฟฟิศเพิ่มในประเทศจีนเพื่อตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนที่จะนำเข้า คาดใช้เงินลงทุนไม่มาก เนื่องจากเป้นเพียงการเช่าพื้นที่ และจ้างพนักงานเท่านั้น
ส่วนในปี 2553 คาดว่ารายได้จะเติบโต 20% เพราะบริษัทฯ มีแผนจะขยายตลาดใหม่ต่อเนื่อง ประกอบกับจะพยายามผลิต ผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเพิ่มขึ้น รวมถึงยังมองว่าในปี2553 เศรษฐกิจโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้น เพราะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี ทั้งในส่วนของการตอบรับในแง่ของกระแสเงินทุนที่เริ่มไหลกลับเข้ามา อีกทั้งการเมืองภายในประเทศเริ่มนิ่งขึ้น โดยบริษัทได้ใช้เงินลงทุนไปแล้วประมาณ 50 ล้านบาท ในการลงทุนเครื่องจักรและลงทุนทำสีอลูมิเนียม เพราะคาดการณ์ว่าในปีนี้จะใช้เงินลงทุนมากว่าปี 2552 เพื่องรองรับการเพิ่มโปรดักส์ใหม่ที่อาจจะต้องสต็อกสินค้าไว้เพิ่มขึ้น ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวมาจากการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ และบางส่วนจะมาจากการเร่งกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำไรของบริษัท
ส่วนการเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้ตราสินค้าชั้นนำทั้งในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศนั้น รองประธานกรรมการ BSM กล่าวว่ายังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้จะมีการเปิดตัวสินค้า Fletcher ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมคุณภาพสูงอย่างเต็มที่ จากที่ก่อนหน้านี้มีความล่าช้าในการเตรียมความพร้อม เนื่องจากต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบของสินค้าให้เหมาะสมกับการใช้งานในภูมิภาค รวมทั้ง บริษัทยังได้ขยายโรงงานประกอบประตูหน้าต่างอีกหนึ่งแห่งในกรุงเทพฯ เพื่อรองรับการส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศ
“ปีนี้การทำงานของบริษัทจะชัดเจนขึ้นหลังจากมีการแบ่งกลุ่มธุรกิจของสินค้าแต่ละประเภทให้มากกว่าเดิม ประกอบกับทางบริษัทจะมีการเสนอบริการติดตั้งในสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้า และถือเป็นการช่วยเพิ่มรายได้ นอกจากนี้ ยังจะทำการตลาดในสินค้า Fletcher ผลิตภัณฑ์อลูมิเนียมคุณภาพสูงที่เราเป็นตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกด้วย”นายสัญชัย กล่าว
ทำให้ บริษัทได้ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 2553 ไว้ที่ประมาณ 550 ล้านบาท โดยมาจากตลาดในประเทศ 480 ล้านบาท และตลาดต่างประเทศ 70 ล้านบาท ขณะที่ผลประกอบการในปี 2552 รายได้อาจปรับตัวลดลงเล็กน้อยจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวม แต่ในตลาดต่างประเทศรายได้ของบริษัทยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ แต่ในส่วนของกำไรยังเป็นที่น่าพอใจ
ก่อนหน้านี้ นายสุเรช ซูบรามาเนียม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BSM กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของปีที่ผ่านมาจะเติบโตอย่างมาก เมื่อเทียบกับปี 2551 เนื่องจากบริษัทมียอดขายสินค้าไปยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น 30-40% ขณะที่รายได้ทั้งปีอาจลดลงเล็กน้อยจากปีก่อนที่มีรายได้ 406.22 ล้านบาท เนื่องจากผลกระทบของภาวะเศรษฐกิจ ส่งผลให้กำลังซื้อลดลงในช่วงที่ผ่านมา
ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกปี 2552 บริษัทมีกำไรสุทธิ 7.84 ล้านบาทมากกว่าทั้งปีของปี 51 ที่มีกำไรสุทธิ 2.44 ล้านบาท ส่วนในปี 2553 บริษัทเตรียมลงทุนในการจัดตั้งออฟฟิศเพิ่มในประเทศจีนเพื่อตรวจสอบคุณภาพสินค้าก่อนที่จะนำเข้า คาดใช้เงินลงทุนไม่มาก เนื่องจากเป้นเพียงการเช่าพื้นที่ และจ้างพนักงานเท่านั้น
ส่วนในปี 2553 คาดว่ารายได้จะเติบโต 20% เพราะบริษัทฯ มีแผนจะขยายตลาดใหม่ต่อเนื่อง ประกอบกับจะพยายามผลิต ผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาเพิ่มขึ้น รวมถึงยังมองว่าในปี2553 เศรษฐกิจโดยรวมจะปรับตัวดีขึ้น เพราะเริ่มเห็นสัญญาณที่ดี ทั้งในส่วนของการตอบรับในแง่ของกระแสเงินทุนที่เริ่มไหลกลับเข้ามา อีกทั้งการเมืองภายในประเทศเริ่มนิ่งขึ้น โดยบริษัทได้ใช้เงินลงทุนไปแล้วประมาณ 50 ล้านบาท ในการลงทุนเครื่องจักรและลงทุนทำสีอลูมิเนียม เพราะคาดการณ์ว่าในปีนี้จะใช้เงินลงทุนมากว่าปี 2552 เพื่องรองรับการเพิ่มโปรดักส์ใหม่ที่อาจจะต้องสต็อกสินค้าไว้เพิ่มขึ้น ซึ่งเม็ดเงินดังกล่าวมาจากการกู้เงินจากธนาคารพาณิชย์ และบางส่วนจะมาจากการเร่งกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลดีต่อกำไรของบริษัท
