ร้านทองกว่า 20 จังหวัดขู่ก่อม็อบประท้วงตลาดอนุพันธ์ ยับยั้งออกโปรดักส์ใหม่ มินิโกลด์ ฟิวเจอร์ส นายกสมาคมผู้ค้าทองหวังTFEX เห็นใจชะลอออกไปอีก 1ปี เพื่อศึกษาข้อดีข้อเสีย และให้ร้านทองมีโอกาสปรับตัวมากขึ้น ชี้ช่วงนี้โทรศัพท์ที่สมาคมฯสายไหม้ โดนสมาชิกสวดยับ ระบุหากเกิดขึ้นจริงยิ่งเร่งให้บรรดาร้านทองปิดตัวมากขึ้น และบรรดาช่างทองตกงานอื้อ ด้าน “ภัทรียา”ยืนยันพร้อมรับฟังผลกระทบเพื่อหาทางแก้ไข ฝั่งตลาดอนุพันธ์แก้เกม พร้อมดึงผู้ค้าทองคำเข้าเป็นสมาชิกเพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ในฐานะนายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่าที่ผ่านมาหลังจากตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) ประกาศจะเปิดให้มีการซื้อขายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า น้ำหนัก 10 บาทต่อสัญญา หรือ Mini Gold futures ในวันที่ 8 ก.พ. 2553 นั้น ทางสมาคมค้าทองคำได้รับการร้องเรียนจากสมาชิก และร้านค้าทองคำในต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก ว่าหลังจากได้รับผลกระทบจากการเปิดการซื้อขายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าน้ำหนัก 50 บาทต่อสัญญา ซึ่งทำให้จำนวนลูกค้าลดลงไปแล้ว 45-50% แล้ว และหากมีการเปิดซื้อขายทองคำล่วงหน้าน้ำหนัก 10 บาทอีก เชื่อว่าประชาชนที่ซื้อทองคำจะลดลงไปอีกถึง 85%
โดยในเรื่องนี้จะส่งผลให้ร้านค้าทองกว่า 6,000 แห่งทั่วประเทศต้องปิดตัวลง และช่างทองก็ต้องตกงานมากขึ้น ขณะเดียวกันทางสมาคมก็ไม่ต้องการการส่งเสริมให้มีการเก็งกำไรในจากการลงทุนในทองคำง่ายเกินไป ซึ่งอาจจะเป็นความเสี่ยงให้กับนักลงทุนรายย่อย จนอาจมีปัญหาสังคมตามมา
“มีสมาชิกร้านทองโทรศัพท์มาที่สมาคมวันหนึ่งไม่ต่ำกว่าร้อยสาย มาต่อว่าเราที่ไม่ทักท้วงTFEX ในการออกสัญญาทองคำ 10 บาท เพราะมันจะมีผลกระทบกับลูกค้าของร้านทองมาก บางคนก็โทรมาประชดผม โดยแสดงความยินดีกับผมในฐานะของผู้บริหารจีที เวลธ์ ว่าคงจะได้กำไรงามเมื่อสัญญาล่วงหน้าทอง10 บาทเกิดขึ้น”
ดังนั้นในวันที่ 16 มกราคมนี้ ทางสมาคมค้าทองคำและชมรมผู้ค้าปลีกแห่งประเทศไทย จะมีการหารือกันเพื่อกำหนดท่าทีในการคัดค้านการที่ตลาดอนุพันธ์ (TFEX ) ในเรื่องการออกสินค้าดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งในเบื้องต้นร้านค้าทองคำจาก 20 จังหวัดทั่วประเทศพร้อมเคลื่อนไหว ด้วยการขึ้นป้ายประท้วง รวมทั้งการประท้วงในรูปแบบต่างๆ หากทาง TFEX ยังเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้อง
ส่วนทางสมาคมผู้ค้าทองคำ จะนัดหารือกับทาง TFEX เร็วๆ นี้ เพื่อขอให้มีการชะลอการซื้อขายสัญญาดังกล่าว ออกไปอีก 1 ปี เพื่อศึกษาถึงข้อดี และข้อเสียในโปรดักส์นี้ให้ชัดเจนก่อน และควรให้เวลาร้านค้าทองปรับตัวให้มากกว่านี้ และหากTFEX ยังยืนยันเดินหน้าต่อไป ทางสมาคมอาจจะเข้าไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกระทรวงการคลังให้เข้ามาช่วยเหลือ
“ตอนนี้โกลด์ ฟิวเจอร์สน้ำหนัก 50 บาทก็ได้ระบผลกระทบบ้างแล้ว นี่เมื่อมีสัญญาน้ำหนัก 10 บาท และอนาคตจะมีอีทีเอฟ ออกมาอีก เชื่อว่าจุดนี้น่าจะทำให้ร้านทองทั่วประเทศปิดตัวลงหมดภายใน 5 ปี”
**ประเมินปี53ทองยากแตะ2หมื่น
ขณะเดียวกัน นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำในปีนี้ว่า เป็นเรื่องยากที่ราคาทองคำจะแตะ 20,000 บาท จึงคาดว่าราคาทองคำในช่วงครึ่งปีแรกน่าจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 19,000 บาทได้ โดยอย่างเร็วที่สุดน่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ภายในไตรมาส1นี้ซึ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาทองคำ คือ อัตราแลกเปลี่ยน และราคาทองคำในตลาดโลก
ด้านนายสาธิต วรรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำปี 2553 คงจะปรับตัวขึ้นไม่มาก จึงคาดว่าจะขึ้นไปสูงสุดได้ที่ 1,250-1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แต่ยังเชื่อมั่นว่าการลงทุนในทองคำล่วงหน้าจะให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่
สำหรับตัวแปรหลักที่มีผลต่อราคาทองคำ ยังเป็นเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ความกังวลในภาวะเงินเฟ้อ ดีมานด์และซัพพลายของทองคำในแต่ละประเทศ ซึ่งยังเชื่อว่าปีนี้ ทิศทางค่าเงินดอลลาร์คงยังไม่เปลี่ยนแนวโน้มแข็งค่าขึ้นมากนัก ทำให้จะเห็นราคาทองคำอยู่ในระดับสูง จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า
ทั้งนี้ นายสาธิต เชื่อว่า ปริมาณการซื้อขายทองคำในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สปีนี้ จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาก โดยเฉพาะการปรับสัญญาจากราคาทองคำ 50 บาท เป็นราคา 10 บาทต่อสัญญา ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจนักลงทุน จนส่งผลให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น แต่ส่วนตัวมองว่าจะนี้ไม่น่าจะเพิ่มวอลุ่มในการซื้อขายมากเท่าใด แต่ก็จะทำให้โกลด์ ฟิวเจอร์สมีการเติบโตมากขึ้นหรือเหนือกว่าโปรดักส์อื่นๆก่อนหน้าที่ TFEX นำออกมาเป็นทางเลือกให้นักลงทุน
**จีทีเวลธ์เพิ่มลูกค้าเท่าตัว
สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่5% จากลูกค้าจำนวน 600 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นากปีก่อนเท่าตัว รวมทั้งยังเพิ่มผู้แนะนำลูกค้า (Introducing Agent หรือ IA) เป็น 15 ราย และมีตัวแทนสนับสนุน (Selling Agent) 5 ราย หลังผลดำเนินงานในปีที่ผ่านมา (บริษัทเปิดดำเนินธุรกิจเพียง 7 เดือน) มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 3% ปริมาณซื้อขายเฉลี่ย 4,000 สัญญาต่อเดือน มีลูกค้าทั้งหมด 250 บัญชี และIA จำนวน 10 ราย
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมขยายธุรกิจไปสู่การซื้อขายทองคำแท่ง เพราะมีความพร้อมในเรื่องระบบรองรับอยู่แล้ว แต่อยู่ระหว่างดำเนินการและสรุปรายละเอียดกับผู้ถือหุ้นก่อน อีกทั้งสนใจที่จะซื้อใบอนุญาตในการซื้อขายสินค้าอื่นๆเพื่อขยายสินค้าและการบริการ โดยจะมีการหารือกับทางตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ ก.ล.ต. ไม่อนุญาตให้บริษัทซื้อใบอนุญาตจากบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ที่มีใบอนุญาตเหลือหลังจากการควบรวมกิจการ แต่หากบริษัทสนใจขยายสินค้าจะต้องทำการซื้อบล.นั้นๆมาเป็นของบริษัท แล้วจึงจะสามารถนำใบอนุญาตไปใช้ประกอบธุรกิจอื่นๆได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางบริษัทก็กำลังพิจารณาอยู่เช่นกัน
**ตลาดหุ้นย้ำพร้อมหารือช่วยแก้ไข
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์พร้อมรับฟังความคิดเห็นของสมาคมผู้ค้าทอง เพื่อรับทราบถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการออกสินค้าใหม่ของตลาดอนุพันธ์ เพื่อหาวิธีหรือมาตรการออกมาแก้ไขช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ตัวแทนจากสมาคมเข้ามาหารือกับตลาดหลักทรัพย์ โดยในส่วนตลท.เองก็อยากให้การออกสินค้าดังกล่าวลุล่วงไปได้ตามนโยบายหรือแผนงานที่ได้กำหนดเอาไว้แต่เดิม
**TFEX แก้เกมรับชมรมผู้ค้าปลีกทองเป็นสมาชิก
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงเกี่ยวกับการจัดให้มีการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สขนาด 10 บาทว่า ตามที่สมาคมค้าทองคำและชมรมผู้ค้าปลีกทองคำแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือถึงตลาดอนุพันธ์ เพื่อพิจารณาทบทวนการเปิดซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สขนาด 10 บาทนั้น ขณะนี้ ตลาดอนุพันธ์อยู่ระหว่างดำเนินการชี้แจงและทำความเข้าใจกับสมาคมค้าทองคำและชมรมผู้ค้าปลีกทองคำฯ และพิจารณาแนวทางในการที่เหมาะสมในเรื่องดังกล่าว โดย TFEX มีนโยบายที่จะสนับสนุนให้ผู้ค้าทองคำเข้ามามีส่วนร่วมในการทำธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
โดยในปลายปีที่ผ่านมา ตลาดอนุพันธ์ได้ร่วมกับชมรมผู้ประกอบการตัวแทนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไปดูงานในอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยมีการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กมาก ทั้งนี้ เพื่อให้สมาชิกได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของต่างประเทศเกี่ยวกับผลกระทบของโกลด์ฟิวเจอร์สและการซื้อขายทองคำ ซึ่งจากการไปศึกษาดังกล่าวทำให้สมาชิกมีความเข้าใจว่าสินค้าทั้งสองช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน และสนับสนุนการเติบโตของกันและกัน
พร้อมกันนี้ ยืนยันว่าการจัดให้มีโกลด์ฟิวเจอร์สขนาด 10 บาทนั้น เป็นไปตามผลการวิจัยที่คณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งได้จัดทำมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยเห็นว่าเป็นสินค้าที่จะช่วยบริหารความเสี่ยง รวมถึงเป็นทางเลือกในการกระจายการลงทุนแก่ผู้ลงทุนทั่วไป อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม แต่จนถึงขณะนี้ชมรมผู้ค้าปลีกทองคำฯ ยังมิได้มีการแสดงความประสงค์ต่อตลาดอนุพันธ์แต่อย่างใด
นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี ในฐานะนายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยว่าที่ผ่านมาหลังจากตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) ประกาศจะเปิดให้มีการซื้อขายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า น้ำหนัก 10 บาทต่อสัญญา หรือ Mini Gold futures ในวันที่ 8 ก.พ. 2553 นั้น ทางสมาคมค้าทองคำได้รับการร้องเรียนจากสมาชิก และร้านค้าทองคำในต่างจังหวัดเป็นจำนวนมาก ว่าหลังจากได้รับผลกระทบจากการเปิดการซื้อขายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าน้ำหนัก 50 บาทต่อสัญญา ซึ่งทำให้จำนวนลูกค้าลดลงไปแล้ว 45-50% แล้ว และหากมีการเปิดซื้อขายทองคำล่วงหน้าน้ำหนัก 10 บาทอีก เชื่อว่าประชาชนที่ซื้อทองคำจะลดลงไปอีกถึง 85%
โดยในเรื่องนี้จะส่งผลให้ร้านค้าทองกว่า 6,000 แห่งทั่วประเทศต้องปิดตัวลง และช่างทองก็ต้องตกงานมากขึ้น ขณะเดียวกันทางสมาคมก็ไม่ต้องการการส่งเสริมให้มีการเก็งกำไรในจากการลงทุนในทองคำง่ายเกินไป ซึ่งอาจจะเป็นความเสี่ยงให้กับนักลงทุนรายย่อย จนอาจมีปัญหาสังคมตามมา
“มีสมาชิกร้านทองโทรศัพท์มาที่สมาคมวันหนึ่งไม่ต่ำกว่าร้อยสาย มาต่อว่าเราที่ไม่ทักท้วงTFEX ในการออกสัญญาทองคำ 10 บาท เพราะมันจะมีผลกระทบกับลูกค้าของร้านทองมาก บางคนก็โทรมาประชดผม โดยแสดงความยินดีกับผมในฐานะของผู้บริหารจีที เวลธ์ ว่าคงจะได้กำไรงามเมื่อสัญญาล่วงหน้าทอง10 บาทเกิดขึ้น”
ดังนั้นในวันที่ 16 มกราคมนี้ ทางสมาคมค้าทองคำและชมรมผู้ค้าปลีกแห่งประเทศไทย จะมีการหารือกันเพื่อกำหนดท่าทีในการคัดค้านการที่ตลาดอนุพันธ์ (TFEX ) ในเรื่องการออกสินค้าดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งในเบื้องต้นร้านค้าทองคำจาก 20 จังหวัดทั่วประเทศพร้อมเคลื่อนไหว ด้วยการขึ้นป้ายประท้วง รวมทั้งการประท้วงในรูปแบบต่างๆ หากทาง TFEX ยังเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้อง
ส่วนทางสมาคมผู้ค้าทองคำ จะนัดหารือกับทาง TFEX เร็วๆ นี้ เพื่อขอให้มีการชะลอการซื้อขายสัญญาดังกล่าว ออกไปอีก 1 ปี เพื่อศึกษาถึงข้อดี และข้อเสียในโปรดักส์นี้ให้ชัดเจนก่อน และควรให้เวลาร้านค้าทองปรับตัวให้มากกว่านี้ และหากTFEX ยังยืนยันเดินหน้าต่อไป ทางสมาคมอาจจะเข้าไปยื่นเรื่องร้องเรียนต่อกระทรวงการคลังให้เข้ามาช่วยเหลือ
“ตอนนี้โกลด์ ฟิวเจอร์สน้ำหนัก 50 บาทก็ได้ระบผลกระทบบ้างแล้ว นี่เมื่อมีสัญญาน้ำหนัก 10 บาท และอนาคตจะมีอีทีเอฟ ออกมาอีก เชื่อว่าจุดนี้น่าจะทำให้ร้านทองทั่วประเทศปิดตัวลงหมดภายใน 5 ปี”
**ประเมินปี53ทองยากแตะ2หมื่น
ขณะเดียวกัน นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวถึงแนวโน้มราคาทองคำในปีนี้ว่า เป็นเรื่องยากที่ราคาทองคำจะแตะ 20,000 บาท จึงคาดว่าราคาทองคำในช่วงครึ่งปีแรกน่าจะปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 19,000 บาทได้ โดยอย่างเร็วที่สุดน่าจะสามารถเกิดขึ้นได้ภายในไตรมาส1นี้ซึ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อราคาทองคำ คือ อัตราแลกเปลี่ยน และราคาทองคำในตลาดโลก
ด้านนายสาธิต วรรณศิลปิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด กล่าวว่า ราคาทองคำปี 2553 คงจะปรับตัวขึ้นไม่มาก จึงคาดว่าจะขึ้นไปสูงสุดได้ที่ 1,250-1,300 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ แต่ยังเชื่อมั่นว่าการลงทุนในทองคำล่วงหน้าจะให้ผลตอบแทนที่ดีอยู่
สำหรับตัวแปรหลักที่มีผลต่อราคาทองคำ ยังเป็นเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ความกังวลในภาวะเงินเฟ้อ ดีมานด์และซัพพลายของทองคำในแต่ละประเทศ ซึ่งยังเชื่อว่าปีนี้ ทิศทางค่าเงินดอลลาร์คงยังไม่เปลี่ยนแนวโน้มแข็งค่าขึ้นมากนัก ทำให้จะเห็นราคาทองคำอยู่ในระดับสูง จากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า
ทั้งนี้ นายสาธิต เชื่อว่า ปริมาณการซื้อขายทองคำในตลาดโกลด์ฟิวเจอร์สปีนี้ จะเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาก โดยเฉพาะการปรับสัญญาจากราคาทองคำ 50 บาท เป็นราคา 10 บาทต่อสัญญา ซึ่งจะเป็นแรงจูงใจนักลงทุน จนส่งผลให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น แต่ส่วนตัวมองว่าจะนี้ไม่น่าจะเพิ่มวอลุ่มในการซื้อขายมากเท่าใด แต่ก็จะทำให้โกลด์ ฟิวเจอร์สมีการเติบโตมากขึ้นหรือเหนือกว่าโปรดักส์อื่นๆก่อนหน้าที่ TFEX นำออกมาเป็นทางเลือกให้นักลงทุน
**จีทีเวลธ์เพิ่มลูกค้าเท่าตัว
สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาดไว้ที่5% จากลูกค้าจำนวน 600 ราย ซึ่งเพิ่มขึ้นากปีก่อนเท่าตัว รวมทั้งยังเพิ่มผู้แนะนำลูกค้า (Introducing Agent หรือ IA) เป็น 15 ราย และมีตัวแทนสนับสนุน (Selling Agent) 5 ราย หลังผลดำเนินงานในปีที่ผ่านมา (บริษัทเปิดดำเนินธุรกิจเพียง 7 เดือน) มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 3% ปริมาณซื้อขายเฉลี่ย 4,000 สัญญาต่อเดือน มีลูกค้าทั้งหมด 250 บัญชี และIA จำนวน 10 ราย
นอกจากนี้ บริษัทเตรียมขยายธุรกิจไปสู่การซื้อขายทองคำแท่ง เพราะมีความพร้อมในเรื่องระบบรองรับอยู่แล้ว แต่อยู่ระหว่างดำเนินการและสรุปรายละเอียดกับผู้ถือหุ้นก่อน อีกทั้งสนใจที่จะซื้อใบอนุญาตในการซื้อขายสินค้าอื่นๆเพื่อขยายสินค้าและการบริการ โดยจะมีการหารือกับทางตลาดหลักทรัพย์อีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ ก.ล.ต. ไม่อนุญาตให้บริษัทซื้อใบอนุญาตจากบริษัทหลักทรัพย์(บล.)ที่มีใบอนุญาตเหลือหลังจากการควบรวมกิจการ แต่หากบริษัทสนใจขยายสินค้าจะต้องทำการซื้อบล.นั้นๆมาเป็นของบริษัท แล้วจึงจะสามารถนำใบอนุญาตไปใช้ประกอบธุรกิจอื่นๆได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางบริษัทก็กำลังพิจารณาอยู่เช่นกัน
**ตลาดหุ้นย้ำพร้อมหารือช่วยแก้ไข
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์พร้อมรับฟังความคิดเห็นของสมาคมผู้ค้าทอง เพื่อรับทราบถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการออกสินค้าใหม่ของตลาดอนุพันธ์ เพื่อหาวิธีหรือมาตรการออกมาแก้ไขช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ตอนนี้ยังไม่ตัวแทนจากสมาคมเข้ามาหารือกับตลาดหลักทรัพย์ โดยในส่วนตลท.เองก็อยากให้การออกสินค้าดังกล่าวลุล่วงไปได้ตามนโยบายหรือแผนงานที่ได้กำหนดเอาไว้แต่เดิม
**TFEX แก้เกมรับชมรมผู้ค้าปลีกทองเป็นสมาชิก
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงเกี่ยวกับการจัดให้มีการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สขนาด 10 บาทว่า ตามที่สมาคมค้าทองคำและชมรมผู้ค้าปลีกทองคำแห่งประเทศไทยได้มีหนังสือถึงตลาดอนุพันธ์ เพื่อพิจารณาทบทวนการเปิดซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สขนาด 10 บาทนั้น ขณะนี้ ตลาดอนุพันธ์อยู่ระหว่างดำเนินการชี้แจงและทำความเข้าใจกับสมาคมค้าทองคำและชมรมผู้ค้าปลีกทองคำฯ และพิจารณาแนวทางในการที่เหมาะสมในเรื่องดังกล่าว โดย TFEX มีนโยบายที่จะสนับสนุนให้ผู้ค้าทองคำเข้ามามีส่วนร่วมในการทำธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
โดยในปลายปีที่ผ่านมา ตลาดอนุพันธ์ได้ร่วมกับชมรมผู้ประกอบการตัวแทนสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไปดูงานในอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดที่มีการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก โดยมีการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กมาก ทั้งนี้ เพื่อให้สมาชิกได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงของต่างประเทศเกี่ยวกับผลกระทบของโกลด์ฟิวเจอร์สและการซื้อขายทองคำ ซึ่งจากการไปศึกษาดังกล่าวทำให้สมาชิกมีความเข้าใจว่าสินค้าทั้งสองช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน และสนับสนุนการเติบโตของกันและกัน
พร้อมกันนี้ ยืนยันว่าการจัดให้มีโกลด์ฟิวเจอร์สขนาด 10 บาทนั้น เป็นไปตามผลการวิจัยที่คณะผู้วิจัยจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งได้จัดทำมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา โดยเห็นว่าเป็นสินค้าที่จะช่วยบริหารความเสี่ยง รวมถึงเป็นทางเลือกในการกระจายการลงทุนแก่ผู้ลงทุนทั่วไป อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม แต่จนถึงขณะนี้ชมรมผู้ค้าปลีกทองคำฯ ยังมิได้มีการแสดงความประสงค์ต่อตลาดอนุพันธ์แต่อย่างใด
