บีโอไอเตรียมดึงทุนจากอินเดียและจีนเป็นพิเศษ เหตุมีเศรษฐีหน้าใหม่และนโยบายส่งเสริมจากรัฐบาลให้ลงทุนต่างประเทศเพิ่มขึ้น หลัง “ชาญชัย” กำหนดเป้าหมายดึงลงทุน 5 แสนล้านบาทปี 2553
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรมได้ตั้งเป้ายอดขอรับส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอ ในปี 53 มูลค่า 5 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายปี 2552 ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาทโดย เน้นการดึงทุนจากนักลงทุนจากประเทศจีนและอินเดียเป็นพิเศษ เนื่องจากมีนักลงทุนใหม่ที่เป็นระดับมหาเศรษฐีมากประกอบกับรัฐบาลสนับสนุนให้ไปลงทุนต่างประเทศด้วย โดยบีโอไอจะเปิดสำนักงานต่างประเทศทั้งมุมไบ และคุณหมิง
“นักลงทุนกลุ่มหลักบีโอไอก็ยังไม่ได้ทิ้งทั้งญี่ปุ่นที่ลงทุนเป็นอันดับ 1 ที่เข้ามาไทย ยุโรป สหรัฐ ไต้หวันอาเซียน โดยยังมีแผนโรดโชว์สม่ำเสมอ โดยภาพรวมคาดว่าอุตสาหกรรมเหล็ก เมกะโปรเจคท์ นิคมบริการ บริการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์เกษตร และ ผลิตยางรถยนต์ เป็นต้นสนใจเข้ามาลงทุนในไทย”นางอรรชกากล่าว
สำหรับยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 52 อยู่ที่ 5.7 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 4 แสนล้านบาท ถึง 1.7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง และอุตสาหกรรมเกษตร เป็นต้น
นางอรรชกา สีบุญเรือง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง รมว.อุตสาหกรรมได้ตั้งเป้ายอดขอรับส่งเสริมการลงทุนผ่านบีโอไอ ในปี 53 มูลค่า 5 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายปี 2552 ที่ประมาณ 1 แสนล้านบาทโดย เน้นการดึงทุนจากนักลงทุนจากประเทศจีนและอินเดียเป็นพิเศษ เนื่องจากมีนักลงทุนใหม่ที่เป็นระดับมหาเศรษฐีมากประกอบกับรัฐบาลสนับสนุนให้ไปลงทุนต่างประเทศด้วย โดยบีโอไอจะเปิดสำนักงานต่างประเทศทั้งมุมไบ และคุณหมิง
“นักลงทุนกลุ่มหลักบีโอไอก็ยังไม่ได้ทิ้งทั้งญี่ปุ่นที่ลงทุนเป็นอันดับ 1 ที่เข้ามาไทย ยุโรป สหรัฐ ไต้หวันอาเซียน โดยยังมีแผนโรดโชว์สม่ำเสมอ โดยภาพรวมคาดว่าอุตสาหกรรมเหล็ก เมกะโปรเจคท์ นิคมบริการ บริการท่องเที่ยว ผลิตภัณฑ์เกษตร และ ผลิตยางรถยนต์ เป็นต้นสนใจเข้ามาลงทุนในไทย”นางอรรชกากล่าว
สำหรับยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนในปี 52 อยู่ที่ 5.7 แสนล้านบาท สูงกว่าเป้าที่ตั้งไว้ 4 แสนล้านบาท ถึง 1.7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง และอุตสาหกรรมเกษตร เป็นต้น