โอสถสภา ประกาศแผนปี 53 อัดโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม กระตุ้นยอดขาย รับเศรษฐกิจปีเสือโตแบบไม่หวือหวา เร่งขยายช่องทางขายตรง สื่อดิจิตอล หวังกระจายสินค้าครอบคลุม มัดใจคนรุ่นใหม่ ชี้ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคสดใสโตพรวด 5-10% สิ้นปีนี้กวาดรายได้ 6,400 ล้านบาท โต 10%
นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการตลาด บริษัท โอสถสภา ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ทเวลฟ์ พลัส เบบี้ มายด์ เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในปีหน้านี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจปีหน้าจะมีทิศทางดีขึ้น กำลังการซื้อของผู้บริโภคเริ่มฟี้นและออกมาจับจ่ายใช้สอย แต่โดยรวมแล้วมองว่าเศรษฐกิจก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวหรือมีอัตราการเติบโตแบบหวือหวามากนัก ดังนั้นการตอกย้ำกลยุทธ์การตลาดปีหน้าด้วยการทำโปรโมชัน จะช่วยกระตุ้นยอดขายและช่วงชิงส่วนแบ่งได้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทวางแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในช่องทางใหม่ๆ อาทิ การนำสินค้าจำหน่ายช่องทางขายตรง เพื่อเป็นการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ และรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เร่งรีบในชีวิตประจำวันและไม่มีเวลาเดินทางซื้อสินค้าในโมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือกระทั่งร้านค้าปลีกรายย่อย
ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมทีมขายโดยมีแผนที่จะทำการตลาดทั้งแบบขายตรง และช่องทางดิจิตอล หรือกระทั่งการใช้สื่อใหม่ๆนอกเหนือจากแมสมีเดีย เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ทเวลฟ์ พลัส ซึ่งปัจจุบัน มีทั้งกลุ่มแป้ง โรลออน และโคโลญ พาวเดอร์ใหม่ภายใต้ซับแบรนด์มีราเคิล ถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพที่จะทำตลาดในรูปแบบดังกล่าว
สำหรับแนวโน้มตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปีหน้านี้ คาดว่ามีอัตราการเติบโต 5-10% นับว่าเป็นการเติบโตที่ดี เมื่อเทียบกับปีนี้การเติบโตในแง่มูลค่ามากกว่าปริมาณ จากการที่ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าปีหน้านี้การแข่งขันจะมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่นวัตกรรมใหม่ๆ การแตกไลน์สินค้าให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค และการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม
นายวิเชียร กล่าวว่า สำหรับงบการตลาดปีหน้านี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา จากปีนี้บริษัทใช้ 800-1,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและตอกย้ำแบรนด์แก่ผู้บริโภค สำหรับผลประกอบการสิ้นปีนี้ 6,400 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 10% เกินเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้าเติบโต 5% แบ่งเป็นรายได้จากเบบี้มายด์ 20-25% ทเวลฟ์พลัส 20-25% และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย เอ็กซิท 5-8%
นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการตลาด บริษัท โอสถสภา ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ทเวลฟ์ พลัส เบบี้ มายด์ เปิดเผยว่า นโยบายการดำเนินธุรกิจในปีหน้านี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจปีหน้าจะมีทิศทางดีขึ้น กำลังการซื้อของผู้บริโภคเริ่มฟี้นและออกมาจับจ่ายใช้สอย แต่โดยรวมแล้วมองว่าเศรษฐกิจก็ยังไม่ได้ฟื้นตัวหรือมีอัตราการเติบโตแบบหวือหวามากนัก ดังนั้นการตอกย้ำกลยุทธ์การตลาดปีหน้าด้วยการทำโปรโมชัน จะช่วยกระตุ้นยอดขายและช่วงชิงส่วนแบ่งได้เพิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้บริษัทวางแผนขยายช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในช่องทางใหม่ๆ อาทิ การนำสินค้าจำหน่ายช่องทางขายตรง เพื่อเป็นการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ และรองรับกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่เร่งรีบในชีวิตประจำวันและไม่มีเวลาเดินทางซื้อสินค้าในโมเดิร์นเทรด ซูเปอร์มาร์เก็ต หรือกระทั่งร้านค้าปลีกรายย่อย
ทั้งนี้บริษัทได้เตรียมทีมขายโดยมีแผนที่จะทำการตลาดทั้งแบบขายตรง และช่องทางดิจิตอล หรือกระทั่งการใช้สื่อใหม่ๆนอกเหนือจากแมสมีเดีย เพื่อเข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ทเวลฟ์ พลัส ซึ่งปัจจุบัน มีทั้งกลุ่มแป้ง โรลออน และโคโลญ พาวเดอร์ใหม่ภายใต้ซับแบรนด์มีราเคิล ถือว่าเป็นแบรนด์ที่มีศักยภาพที่จะทำตลาดในรูปแบบดังกล่าว
สำหรับแนวโน้มตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในปีหน้านี้ คาดว่ามีอัตราการเติบโต 5-10% นับว่าเป็นการเติบโตที่ดี เมื่อเทียบกับปีนี้การเติบโตในแง่มูลค่ามากกว่าปริมาณ จากการที่ราคาสินค้าปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามคาดว่าปีหน้านี้การแข่งขันจะมีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่นวัตกรรมใหม่ๆ การแตกไลน์สินค้าให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค และการทำโปรโมชัน ลด แลก แจก แถม
นายวิเชียร กล่าวว่า สำหรับงบการตลาดปีหน้านี้ บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา จากปีนี้บริษัทใช้ 800-1,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อสร้างการรับรู้ในวงกว้างและตอกย้ำแบรนด์แก่ผู้บริโภค สำหรับผลประกอบการสิ้นปีนี้ 6,400 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโต 10% เกินเป้าหมายที่บริษัทตั้งเป้าเติบโต 5% แบ่งเป็นรายได้จากเบบี้มายด์ 20-25% ทเวลฟ์พลัส 20-25% และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย เอ็กซิท 5-8%
