“เจ๊วา”สั่งตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง หลังดีเอสไอติงเช่าไซโลฉาวส่อทุจริต ผอ.อคส.ยันทุกขั้นตอนโปร่งใส รัฐได้ประโยชน์ ค่าเช่าถูกกว่าที่คชก.กำหนดไว้ และคงที่ตลอด 30 ปี
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอไอ) ที่ระบุว่าการประมูลจัดหาไซโลขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ส่อไปในทางทุจริต ว่า ได้สั่งการให้นายยงยศ ปาละนิติเสนา รักษาการผู้อำนวยการอคส. รายงานรายละเอียดของการดำเนินการประมูลจัดหาไซโลและการคัดเลือกบริษัท จีจีเอฟ (ประเทศไทย) เป็นผู้ดำเนินการมาให้พิจารณาอีกครั้ง หลังจากที่ได้มีการชี้แจงทางวาจาแล้วว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร และเป็นสัญญาที่รัฐได้ประโยชน์จากการเช่าไซโลเก็บสินค้าในราคาถูก
อย่างไรก็ตาม ได้หารือกับปลัดกระทรวงพาณิชย์ในการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว โดยคงต้องรอผลการสอบสวนออกมาก่อนถึงจะดำเนินการต่อไปได้
“ในการทำงานของอคส. ได้ให้หลักการการทำงานไปแล้ว และไม่ได้ลงไปดูลึกถึงการจัดการ การทำงานตามปกติ หรือขั้นตอนเขาทำกันอย่างไร เพราะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของบอร์ดอคส. แต่เมื่อมีการตั้งข้อสงสัยก็จะเข้าไปดู”นางพรทิวากล่าว
นายยงยศ ปาละนิติเสนา รักษาการผู้อำนวยการอคส. กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับดีเอสไอแล้ว โดยยืนยันว่าได้ดำเนินการอย่างถูกต้องในขบวนการจัดหา ขั้นตอน และประโยชน์สูงสุดที่รัฐจะได้รับ เพราะหากรัฐเช่าไซโลของจีจีเอฟ จะได้อัตราค่าเช่าตันละ 41 บาท/เดือน ดีกว่าอัตราค่าเช่าที่ยึดตามมติคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตกร (คชก.)ที่จ่ายค่าเช่าไซโลตันละ 55 บาท ทำให้รัฐประหยัดถึง 14 บาท/ตัน
“ยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกสัญญา และเอกชนก็ยังไม่มีการบอกเลิกสัญญา แต่หากนโยบายให้ดำเนินการอย่างไรก็จะปฎิบัติตาม ซึ่งในต้นเดือนม.ค.ปีหน้า บอร์ดอคส.ก็จะมีประชุมหารือในเรื่อง”
นายยงยศอธิบายต่อว่า อยากให้ดูถึงประโยชน์ที่รัฐจะได้รับจากการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าไซโล โดยประหยัดได้ถึง 14 บาท/ตัน หากมีการฝากเก็บจริง 2 ล้านตั้น ก็จะประหยัดเงินได้ปีละ 300 กว่าล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี ก็จะประหยัดงบกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ อคส. ได้ขอให้บริษัท จีจีเอฟ ทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดการเพิ่มทุน และความคืบหน้าในการก่อสร้างไซโลมาให้แล้ว โดยเบื้องต้นทราบว่าได้มีการเพิ่มทุนเป็น 500 ล้านบาท และกำลังกู้เงินจากธนาคารเพิ่มอีก 500 ล้านบาท รวมแล้วมีเงินทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างไซโล
สำหรับประเด็นสงสัยทั้ง 6 ประการนั้น ในส่วนของการออกประกาศสั้นและยกเลิกประกาศครั้งแรก เพราะประกาศครั้งแรกมีผู้เสนอมา 2 รายและไม่ผ่านคุณสมบัติ จึงต้องยกเลิก และออกประกาศใหม่ แก้ไขประกาศโดยยกเลิกเงื่อนไขต้องมีหลักประกันซอง เพราะต้องการเปิดกว้างให้ไซโลทุกขนาดได้เข้าประมูล ส่วนระยะเวลาก็เป็นเหมือนที่เคยปฎิบัติมา คุณสมบัติและประสบการณ์ก็ดูตามเงื่อนไขต้องมีสถานที่สร้างไซโลจริง อยู่ในที่ตั้งขนย้ายง่าย และอัตราถูกกว่าปกติ และเดิมกำหนดสัญญาไว้ 10 ปี แต่เมื่อเอกชนเสนอมา 30 ปีในอัตราคงที่และไม่ผูกมัดว่าห้ามเช่าไซโลรายอื่น ก็เห็นว่าเป็นประโยชน์
ส่วนประเด็นบริษัท จีจีเอฟ เป็นผู้ถือหุ้นแทนต่างชาติ (นอมินี) หรือไม่ และมีเงินทุนจริงหรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องเข้าไปตรวจสอบ อคส.ดูในเบื้องต้นว่าเป็นบริษัทไทยจริงหรือไม่ ส่วนเงินทุนก็ดูเอกสารรับรองจากธนาคารเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หากต่อไปมีการตรวจสอบพบว่าเป็นนอมินี ก็สามารถยกเลิกสัญญาได้ทันที เพราะเป็นการแจ้งข้อมูลเท็จกับอคส. ส่วนข้อกล่าวหา มีบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่กรรมการเข้าร่วมการพิจารณา บุคคลนั้นเป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งได้ขอให้มาช่วยดูด้านเทคนิค เพราะชำนาญด้านโลจิสติกส์ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเอกชน
นายยงยศ กล่าวว่า กระแสข่าวดังกล่าว ได้มีผลต่อการชะลอแผนของอคส. ที่เตรียมเสนอแผนงานธุรกิจใหม่ เพื่อหารายได้ หลังมีรายได้จากการรับจำนำหมดไป โดยต้องรอความชัดเจนของการชี้ขาดของดีเอสไอและผลการสอบของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่กำลังตรวจสอบเรื่องการผิดพ.ร.บ.การร่วมทุนหรือไม่ และรัฐได้ประโยชน์จากการทำสัญญาหรือไม่ ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ แต่เบื้องต้นเห็นว่าไม่เข้าข่ายพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เพราะไม่ได้ไปร่วมทำธุรกิจอะไรกับเอกชน
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีการสืบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอไอ) ที่ระบุว่าการประมูลจัดหาไซโลขององค์การคลังสินค้า (อคส.) ส่อไปในทางทุจริต ว่า ได้สั่งการให้นายยงยศ ปาละนิติเสนา รักษาการผู้อำนวยการอคส. รายงานรายละเอียดของการดำเนินการประมูลจัดหาไซโลและการคัดเลือกบริษัท จีจีเอฟ (ประเทศไทย) เป็นผู้ดำเนินการมาให้พิจารณาอีกครั้ง หลังจากที่ได้มีการชี้แจงทางวาจาแล้วว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้ใคร และเป็นสัญญาที่รัฐได้ประโยชน์จากการเช่าไซโลเก็บสินค้าในราคาถูก
อย่างไรก็ตาม ได้หารือกับปลัดกระทรวงพาณิชย์ในการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว โดยคงต้องรอผลการสอบสวนออกมาก่อนถึงจะดำเนินการต่อไปได้
“ในการทำงานของอคส. ได้ให้หลักการการทำงานไปแล้ว และไม่ได้ลงไปดูลึกถึงการจัดการ การทำงานตามปกติ หรือขั้นตอนเขาทำกันอย่างไร เพราะอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของบอร์ดอคส. แต่เมื่อมีการตั้งข้อสงสัยก็จะเข้าไปดู”นางพรทิวากล่าว
นายยงยศ ปาละนิติเสนา รักษาการผู้อำนวยการอคส. กล่าวว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับดีเอสไอแล้ว โดยยืนยันว่าได้ดำเนินการอย่างถูกต้องในขบวนการจัดหา ขั้นตอน และประโยชน์สูงสุดที่รัฐจะได้รับ เพราะหากรัฐเช่าไซโลของจีจีเอฟ จะได้อัตราค่าเช่าตันละ 41 บาท/เดือน ดีกว่าอัตราค่าเช่าที่ยึดตามมติคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตกร (คชก.)ที่จ่ายค่าเช่าไซโลตันละ 55 บาท ทำให้รัฐประหยัดถึง 14 บาท/ตัน
“ยืนยันว่าจะไม่มีการยกเลิกสัญญา และเอกชนก็ยังไม่มีการบอกเลิกสัญญา แต่หากนโยบายให้ดำเนินการอย่างไรก็จะปฎิบัติตาม ซึ่งในต้นเดือนม.ค.ปีหน้า บอร์ดอคส.ก็จะมีประชุมหารือในเรื่อง”
นายยงยศอธิบายต่อว่า อยากให้ดูถึงประโยชน์ที่รัฐจะได้รับจากการประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าไซโล โดยประหยัดได้ถึง 14 บาท/ตัน หากมีการฝากเก็บจริง 2 ล้านตั้น ก็จะประหยัดเงินได้ปีละ 300 กว่าล้านบาท ระยะเวลา 30 ปี ก็จะประหยัดงบกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ อคส. ได้ขอให้บริษัท จีจีเอฟ ทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดการเพิ่มทุน และความคืบหน้าในการก่อสร้างไซโลมาให้แล้ว โดยเบื้องต้นทราบว่าได้มีการเพิ่มทุนเป็น 500 ล้านบาท และกำลังกู้เงินจากธนาคารเพิ่มอีก 500 ล้านบาท รวมแล้วมีเงินทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างไซโล
สำหรับประเด็นสงสัยทั้ง 6 ประการนั้น ในส่วนของการออกประกาศสั้นและยกเลิกประกาศครั้งแรก เพราะประกาศครั้งแรกมีผู้เสนอมา 2 รายและไม่ผ่านคุณสมบัติ จึงต้องยกเลิก และออกประกาศใหม่ แก้ไขประกาศโดยยกเลิกเงื่อนไขต้องมีหลักประกันซอง เพราะต้องการเปิดกว้างให้ไซโลทุกขนาดได้เข้าประมูล ส่วนระยะเวลาก็เป็นเหมือนที่เคยปฎิบัติมา คุณสมบัติและประสบการณ์ก็ดูตามเงื่อนไขต้องมีสถานที่สร้างไซโลจริง อยู่ในที่ตั้งขนย้ายง่าย และอัตราถูกกว่าปกติ และเดิมกำหนดสัญญาไว้ 10 ปี แต่เมื่อเอกชนเสนอมา 30 ปีในอัตราคงที่และไม่ผูกมัดว่าห้ามเช่าไซโลรายอื่น ก็เห็นว่าเป็นประโยชน์
ส่วนประเด็นบริษัท จีจีเอฟ เป็นผู้ถือหุ้นแทนต่างชาติ (นอมินี) หรือไม่ และมีเงินทุนจริงหรือไม่นั้น ไม่ใช่ประเด็นที่ต้องเข้าไปตรวจสอบ อคส.ดูในเบื้องต้นว่าเป็นบริษัทไทยจริงหรือไม่ ส่วนเงินทุนก็ดูเอกสารรับรองจากธนาคารเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม หากต่อไปมีการตรวจสอบพบว่าเป็นนอมินี ก็สามารถยกเลิกสัญญาได้ทันที เพราะเป็นการแจ้งข้อมูลเท็จกับอคส. ส่วนข้อกล่าวหา มีบุคคลภายนอกที่ไม่ใช่กรรมการเข้าร่วมการพิจารณา บุคคลนั้นเป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น ซึ่งได้ขอให้มาช่วยดูด้านเทคนิค เพราะชำนาญด้านโลจิสติกส์ ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับเอกชน
นายยงยศ กล่าวว่า กระแสข่าวดังกล่าว ได้มีผลต่อการชะลอแผนของอคส. ที่เตรียมเสนอแผนงานธุรกิจใหม่ เพื่อหารายได้ หลังมีรายได้จากการรับจำนำหมดไป โดยต้องรอความชัดเจนของการชี้ขาดของดีเอสไอและผลการสอบของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่กำลังตรวจสอบเรื่องการผิดพ.ร.บ.การร่วมทุนหรือไม่ และรัฐได้ประโยชน์จากการทำสัญญาหรือไม่ ซึ่งน่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้ แต่เบื้องต้นเห็นว่าไม่เข้าข่ายพ.ร.บ.ร่วมทุนฯ เพราะไม่ได้ไปร่วมทำธุรกิจอะไรกับเอกชน
