"เจ้าสัวเจริญ"คุมทัพทีซีซีแลนด์ลุยธุรกิจอสังหาฯ ปี 53 ทุ่มเม็ดเงินกว่า 1 หมื่นล้าน ลุยพัฒนา 30 ทำเลทอง งัดที่ดินผืนงามกว่า 10 แปลง เตรียมปั้นศูนย์การค้า แหล่งรวมร้านอาหาร ธนาคาร ร้านสะดวกซื้อ สถานเสริมความงาม เปิดแบรนด์ใหม่ “ฟู้ด แชนแนล” ทุ่ม 1 หมื่นล้านเปิด 10 สาขาภายใน 3 ปี เจาะแหล่งชุมชนชูกลยุทธขายอาหารดึงลูกค้า นำร่องย่านสีลม เล็งร่วมทุนสิงคโปร์ลุยธุรกิจอสังหา 2 โครงการใหญ่ พร้อมเปิดแผนนิคมฯ บริการ จ.เพชรบุรี อัดทุน 6 หมื่นล้าน ทำฮอลิวู๊ดเมืองไทย
นายโสมพัฒน์ ไตรโสรัส กรรมการรองผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ทีซีซี แลนด์ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธาน บริษัททีซีซี กรุ๊ป ได้เข้ามาดูแลธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ทั้ง โรงแรม ค้าปลีกเองทั้งหมดในบริษัททีซีซี แลนด์ จำกัด ได้ 4-5 เดือนแล้วหลังจากที่ผ่านมาได้ดูแลธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ในบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) จนอยู่ตัวเรียบร้อยแล้ว โดยแนวทางธุรกิจเบื้องต้นจะพุ่งเป้าไปที่ความต้องการของตลาดในประเทศเป็นหลัก
"ธุรกิจอสังหาฯ ของทีซีซี แลนด์ คุณพ่อ (เจริญ สิริวัฒนภักดี) ได้เข้ามาดูแลเองแล้ว ส่วนผมจะดูแลด้านที่อยู่อาศัยที่เป็นโครงการรวมทุนกับแคปปิตอลแลนด์"
สำหรับแผนธุรกิจของทีซีซี แลนด์อาจร่วมทุนกับต่างชาติเป็นโครงการไป ขณะนี้มีการเจรจาร่วมทุนกับฮ่องกง แลนด์ ซึ่งเป็นทุนเดียวกับที่ร่วมทุนในบริษัท เกษร แลนด์ แอสเสส เมเนจเมนต์ จำกัดหรือ(GLAM) โดยบริษัทมีที่ดินประมาณ 20-30 แปลงที่จะนำเสนอให้กับทางฮ่องกงแลนด์เพื่อให้เข้ามาร่วมทุนกับโครงการในอนาคต
ขณะเดียวกันบริษัทจะใช้งบลงทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท พัฒนาศูนย์การค้าไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ แบรนด์ ฟู้ด แชนแนล(ศูนย์รวมอาหารและแหล่งช็อปปิ้ง)ให้ได้ 10 สาขา ภายใน 3 ปี เน้นเจาะแหล่งชุมชนเป็นหลัก ประเดิมสาขาแรกที่สีลม เนื้อที่ 700 ตารางเมตร มูลค่าโครงการราว 150 ล้านบาท แนวคิดมีร้านอาหารให้บริการประมาณ 70% ส่วนอีก 30% ธนาคารพานิชย์ ร้านสะดวกซื้อ ร้านทำผมฯลฯ สาขาดังกล่าวมีสัญญาเช่า 3 ปี และคาดว่าภายใน 6 ปี จะสามารถคืนทุนได้
นอกจากนี้ ในปี 2553 จะเปิดสาขาใหม่เพิ่ม 2 แห่ง ทำเลชานเมือง เนื้อที่ราว 5 ไร่ต่อสาขา คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 1,000 ล้านบาทต่อสาขา ปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเพื่อพัฒนาเป็นศูนย์การค้ารูปแบบดังกล่าวกว่า 10 แห่ง โดยจะทยอยพัฒนาต่อเนื่อง
"ปีนี้ บริษัทจะเน้นพัฒนาโครงการค้าปลีกรูปแบบต่างๆ เป็นหลัก เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายในประเทศ เพราะดีมานด์ยังคงเดิม การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไม่ตกลง ขณะที่การลงทุนด้านธุรกิจท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ได้ชะลอตัวไปเมื่อต้นปี เพราะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติหายหมดเลย ทั้งลูกค้าที่เคยเข้ามาซื้อเพื่อเก็งกำไร และซื้อเพื่ออยู่อาศัยช่วงพักร้อน"
ส่วนแผนธุรกิจภายใต้บริษัท ทีซีซี แคปปิตอล แลนด์ ปี 2553 คาดว่า จะมีการพัฒนาคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาทต่อโครงการ เน้นทำเลเกาะแนวรถไฟฟ้า ขณะเดียวกันได้ปรับรูปขนาดห้องพักให้เล็กลง และราคาขายอยู่ที่ 70,000-80,000 บาทต่อตารางเมตร จากเดิมอยู่ที่ 90,000-120,000 บาทต่อตารางเมตร เพื่อรองรับกำลังซื้อในประเทศ ทั้งนี้ ภายในสิ้นปี 2552 คาดว่าทีซีซี แคปปิตอลฯ จะมีการรับรู้รายได้ราว 6,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มทยอยโอนคอนโดมิเนียมโครงการต่างๆให้ลูกค้าปลายปีนี้ต่อเนื่องถึงปี 2553
สำหรับความคืบหน้าแผนการลงทุนในโครงการมาสเตอร์ แพลน 3 แห่ง ประกอบด้วยโครงการพัฒนาที่ดินย่านเกษตร- นวมินทร์ จำนวน 320 ไร่ โครงการที่หัวหินที่จะพัฒนาเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว และโครงการที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา รวมมูลค่าราว 20,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้เริ่มออกแบบแล้ว หลังจากได้ชะลอแผนการพัฒนาโครงการเมื่อต้นปี ส่วนธุรกิจโรงแรมปีหน้าจะเปิดโรงแรมใหม่อาทิ บันยันทรี สมุย, เดอะ ลักซ์ชัวร์รี่ คอลเล็คชัน สมุย
"ปีหน้า ถือว่าบริษัทจะกลับมาลงทุนในเชิงรุกอีกครั้ง และมีการพัฒนาโครงการใหม่ๆเพิ่มขึ้นกว่าปีนี้ เพราะมองแนวโน้มเศรษฐกิจทั้งของไทยและภูมิภาคเอเชีย เริ่มปรับตัวดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผลกระทบด้านเศรษฐกิจค่อนข้างน้อยกว่าประเทศตะวันตก ประกอบกับเราเคยเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในปี 2540 มาแล้ว ทำให้ระบบธนาคารพานิชย์มีความเข้มแข็งมากขึ้น ส่วนปัจจัยที่ยังกังวลคือ สถานการณ์ทางการเมือง" นายโสมพัฒน์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัท ทีซีซี พีดี 13 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ยังมีโครงการที่จะพัฒนาพื้นที่รองรับธุรกิจด้านสุขภาพ สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ อุทยานพฤกษศาสตร์ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้า และการวิจัยพัฒนา ในนิคมอุตสาหกรรมบริการที่ จ.เพชรบุรี พื้นที่ 13,335 ไร่ โดยล่าสุดมีผู้สร้างภาพยนตร์ระดับโลกจากฮอลลีวูด สนใจเช่าพื้นที่จากกลุ่มทีซีซีฯ เพื่อสร้างภาพยนตร์ในไทยแล้ว
โดยเฟสแรก กลุ่มทีซีซีฯจะพัฒนาพื้นที่ 1,366 ไร่ เพื่อรองรับธุรกิจศูนย์บริการทางการแพทย์และสุขภาพ เช่น บ้านพักคนชรา โรงพยาบาล สปา โรงแรม เป็นต้น ใช้เวลา 2 ปี และอีก 5-10 ปี จะพัฒนาพื้นที่ ซึ่งครอบคลุม ต.บางเก่า ต.หนองศาลา ต.นายาง และ อ.ชะอำ ได้ทั้งหมด
"คาดว่าการสร้างพื้นที่เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์จะอยู่ในโครงการเฟส 2 ของทีซีซีฯ ใช้พื้นที่หลายร้อยไร่ ครอบคลุมพื้นที่สวยงามมากติดทะเลและภูเขา ซึ่งจะช่วยให้อุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยพัฒนาขึ้น เพราะที่ผ่านมาเคยมีภาพยนตร์ระดับโลกมาถ่ายทำที่เมืองไทย เช่น เดอะบีช แต่มีปัญหาถูกต่อต้านจากประชาชน แต่เมื่อมีพื้นที่เฉพาะแล้วเชื่อว่าผู้สร้างภาพยนตร์ระดับโลกจะมาถ่ายทำในไทยมากขึ้น"