xs
xsm
sm
md
lg

แอลจีอัดงบ 900 ล.บุกหนักปี 53 ชูธง“แอลซีดี-ซักผ้า-แอร์”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“แอลจี” มองบวก ปีหน้าเศรษฐกิจขาขึ้น เดินหน้าโฟกัส 3 สินค้าหลัก ผ่านงบตลาดรวมกว่า 900 ล้านบาท มั่นใจเติบโตได้อีก 10% จากรายได้ 15,000 ล้านบาท ล่าสุดใส่เกียร์ลุย แอร์ เต็มสูบ ชูความเงียบ ครองใจผู้บริโภค หลังเบียดตำแหน่งรองแชมป์แทนพานาโซนิคอย่างสูสี มั่นใจปีหน้ายอดขายแอร์พุ่งโตอีก 15% ขึ้นแท่นอันดับสองแบบขาดลอย ที่ 18%

นายเฮียน วู (ฮาเวิร์ค) ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2553 ที่จะมาถึงนี้ เชื่อว่าภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทยรวมทั้งกลุ่มประเทศในเซาท์อีสต์เอเชียมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยในส่วนของประเทศไทยนั้น หลังจากที่ภาครัฐเทเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการเมกกะโปรเจกต์อย่าง โครงการไทยเข้มแข็ง ถือว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น ขณะเดียวกันในส่วนของซัปพลายเออร์พบว่า มียอดออเดอร์ในการผลิตชิ้นส่วนอิเลกโทรนิกส์สูงขึ้น นั่นถือเป็นเรื่องที่ดี ที่พอจะคาดการณ์ได้ว่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าจะดีขึ้นเช่นเดียวกัน

นายอลงกรณ์ ชูจิตร รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวต่อว่า สำหรับตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ในปีหน้าผลิตภัณฑ์ที่จะแข่งขันกันอย่างรุนแรง คือ จอภาพแอลซีดี ขนาด 32 นิ้ว เนื่องจากมีปัจจัยบวกอย่างการแข่งขันฟุตบอลโลกเข้ามาเสริม ขณะที่แอลจีเอง ปีหน้าเตรียมเม็ดเงินด้านการตลาดรวมทั้งหมดไว้กว่า 800-900 ล้านบาท  พร้อมโฟกัส 3 ผลิตภัณฑ์หลัก คือ 1.แอลซีดี ทีวี โดยจะหันมาทำตลาดที่สูงขึ้น ขนาดใหญ่ และมีฟังก์ชั่นที่สูงขึ้น ซึ่งในส่วน แอลซีดี 32 นิ้วนั้น จะไม่ลงไปแข่งขันราคา ที่ส่วนใหญ่ปีหน้าจะได้เห็น แอลซีดี ทีวี 32 นิ้ว ในท้องตลาดจะมีราคาต่ำกว่า 1 หมื่นบาทแน่นอน

2. เครื่องซักผ้า จากที่เป็นผู้นำในตลาด ปีหน้าจะโฟกัสและพัฒนาสินค้าให้ดียิ่งขึ้น และ3. เครื่องปรับอากาศ ซึ่งในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา สามารถขึ้นมาเป็นที่ 2 ในตลาดด้วยส่วนแบ่งทางการที่ 16% เบียดพานาโซนิค ซึ่งเป็นที่2 อยู่แล้ว และปัจจุบันมีแชร์ที่ 16% ใกล้เคียงกัน จะเดินหน้าทำตลาดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อต้องการสร้างยอดขายและเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดให้ทิ้งห่าง หรือในปีหน้าเชื่อว่า กลุ่มแอร์ จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 18% และในปี 2554 จะขึ้นเป็นผู้นำ ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดไม่ต่ำกว่า 22% จากปัจจุบันมิตซูบิชิเป็นผู้นำตลาด ด้วยส่วนแบ่งที่ 21%

ทั้งนี้ในส่วนของเครื่องปรับอากาศ หลังจากที่ปีนี้ได้เพิ่มงบลงทุน 100 ล้านบาท ในส่วนของโรงงานกำลังการผลิต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตอีกราว 20% จากกำลังการผลิตที่ 1ล้านยูนิต/ปี เพื่อการส่งออก ที่สัดส่วนส่งออก 60% และจำหน่ายในประเทศ 40% ล่าสุดทางบริษัทเร่งเปิดตัวเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ เพื่อทำตลาดในปีหน้ารวมแล้วไม่ต่ำกว่า 16 รุ่น ทั้งแบบ Health+ Inverter และ Health+ Econo ชูเรื่องความเงียบ ประหยัดพลังงาน ดีไซน์ รวมไปถึงสร้างแบรนด์แอมบาสเดอร์ เป็นหลัก ภายใต้งบการตลาดกว่า 400 ล้านบาท เพิ่มจากปีก่อน 100 ล้านบาท เพื่อต้องการผลักดันยอดขาย และสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น มั่นใจว่าปีหน้าจะสามารถก้าวขึ้นแทนอันดับที่ 2 ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 18%

อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของทางจีเอฟเค ปัจจุบันตลาดรวมเครื่องปรับอากาศ มีมูลค่าที่ 13,000 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนที่ 880,000 ยูนิต ในปี2553 คาดว่าภาพรวมตลาดจะเติบโตขึ้นอีก 15% หรือในแง่จำนวนคาดว่าจะมีสูงถึง 1 ล้านยูนิต ส่วนในแง่มูลค่าจะอยู่ที่ราว 15,000 ล้านบาท สำหรับแอลจียอดขายเครื่องปรับอากาศในปี 2552นี้ คาดว่าจะปิดที่ 150,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าที่ 2,100 ล้านบาท โดยในปีหน้า คาดว่าจะมียอดขายเติบโตขึ้น 30% หรือสามารถจำหน่ายได้ไม่ต่ำกว่า 180,000 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,800 ล้านบาท  
กำลังโหลดความคิดเห็น