xs
xsm
sm
md
lg

ชี้ ศก.ไทยเริ่มโงหัวขึ้น พานาฯรุกกล้องดิจิตอล

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พานาโซนิค ยิ้มรับเศรษฐกิจไทยมีสัญญาณเริ่มฟื้นตัวแล้ว ด้านการส่งออกชิ้นส่วนก็เริ่มคึกคัก ทั้งปีรายได้รวมทะลุ 8,300 ล้านบาทแล้ว พร้อมรุกตลาดกล้องดิจิตอลอีกคำรบ สร้างตลาดใหม่กระตุ้นการขาย

นายฮิโรทากะ มุรคามิ ซีอีโฮ ของกลุ่มบริษัท พานาโซนิคในประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมของเอเชียเริ่มกลับมาดีขึ้นบ้างแล้ว มีสัญญาณเริ่มเป็นบวก ต่างจากประเทศสหรัฐอเมริกา หรือประเทศในแถบยุโรป ที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก โดยบริษัทสังเกตจากออเดอร์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะอินเดียกับญี่ปุ่นที่เริ่มมีเข้ามามากขึ้น ทำให้ตลาดส่งออกของพานาโซนิคกระเตื้องขึ้น

“ตอนนี้ที่ญี่ปุ่นสั่งซื้อเครื่องอีทีซี ที่ใช้กับรถที่เข้าใช้ระบบทางด่วน มีออเดอร์สูงขึ้น 3 เท่า หรือในส่วนของชิ้นส่วนเครื่องซักผ้า ชิ้นส่วนตู้เย็นก็มีออเดอร์จากอินเดียเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% แล้ว เป็นต้น”

ขณะที่ในไทยนั้น บริษัทก็ยังมีแผนรุกตลาดต่อเนื่อง ทั้งการออกสินค้าใหม่ และการรุกจัดกิจกรรมในแต่ละกลุ่มสินค้า ด้วยการเน้นสินค้าที่เป็นแฟลกชิปโมเดล ล่าสุด บริษัทรุกทำตลาดกล้องดิจิตอลและกล้องวิดีโอ ด้วยการส่งรุ่นใหม่ลงตลาดมากกว่า 10 รุ่นในช่วงไตรมาสที่สี่นี้

ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา ยอดขายโดยรวมของกลุ่มพานาโซนิค มีประมาณ 8,300 ล้านบาท โดยกลุ่มเอวีมีการเติบโตประมาณ 10% กลุ่มเอชเอเติบโต 10% เช่นกัน ส่วนกลุ่มโอเอยังทรงตัวอยู่

นายภิญโญ ภิรมย์ฐาน ผู้จัดการผลิตภัณฑ์กล้องภาพนิ่งดิจิตอลและกล้องวิดีโอดิจิตอล บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดกล้องโดยรวมในช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ตกลงประมาณ 20% ในขณะที่ของพานาโซนิคก็ตกลง 20% เช่นเดียวกัน เป็นผลกระทบมาจากภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดี และปัญหาการเมือง ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่หายไปจากเมืองไทยจำนวนหนึ่ง

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมทั้งปีของปี 2552 นี้ ยังเชื่อมั่นว่า ตลาดรวมจะยังมีโอกาสเติบโตขึ้นได้อีก 10% ทั้งปี หรือมีจำนวนประมาณ 1,100,000 ยูนิต เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีประมาณ 1,000,000 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันผู้นำตลาดกล้องดิจิตอลตามตัวเลขที่จีเอฟเคระบุก็ยังคงเป็น ของโซนี่ รองลงมา ก็คือ แคนนอน ซัมซุง โอลิมปัส พานาโซนิค และอื่นๆ ตามลำดับ โดยพานาโซนิคมีแชร์ขณะนี้ประมาณ 4% แต่ตั้งเป้าหมายการเติบโตในปีนี้ว่าจะสามารถมีแชร์เพิ่มขึ้นเป็น 10% ตามปีงบประมาณของบริษัทซึ่จะจบในเดือนมีนาคม 2553

โดยแผนตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 นี้ บริษัทรุกตลาดด้วยการเปิดตัวกล้องรุ่นใหม่ถึง 10 รุ่น ทั้งคอมแพคและดีเอสแอลอาร์ โดยวางงบการตลาดไว้ที่ 50-100 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วประมาณ 10-15%

ทั้งนี้ แผนรุกตลาดบริษัทฯจะสร้างตลาดขึ้นมาใหม่อีกกลุ่ม คือ ตลาดที่อยู่ระหว่างผู้ใช้กล้องคอมแพกต์และกล้องดีเอสแอลอาร์ คือ ผู้ที่ใช้กล้องคอมแพคอยู่แล้วแต่ต้องการขยับขึ้นไปใช้กล้องที่มีคุณสมบัติสูงกว่าและมีราคาไม่แพงมากนัก เช่นเดียวกับที่ผู้ใช้กล้องดีเอสแออาร์หรือมือโปรอยู่แล้วต้องการมีกล้องอีกตัวที่ระดับราคาต่ำกว่า แต่มีคุณสมบัติที่คุ้มค่ามากกว่ากล้องคอมแพกต์ทั่วไป

“ตลาดกล้องแข่งขันกันสูงมากทั้งเรื่องของราคาและฟังก์ชัน ครึ่งปีหลังเราจึงได้ส่งกล้องรุ่นใหม่ประมาณ 10 รุ่น ไฮไลต์อยู่ที่การเปิดตัว รุ่น GF1 กล้องภาพนิ่งดิจิตอลซิงเกิลเลนส์ในระบบไมโคร โฟร์ เธิร์ด ที่เปลี่ยนเลนส์ได้ ตอบสนองการใช้งานได้ทั้งมือสมัครเล่นและมือโปร เพิ่มการทำงานของระบบไฮบริดไปด้วย ทำให้กล้องดิจิตอลซิงเกิลเลนส์กลายเป็นกล้องวิดีโอได้ในเครื่องเดียวกัน”

ปัจจุบันตลาดกล้องแบ่งเป็นกล้องคอมแพกต์มากกว่า 90% ส่วนอีก 10% เป็นกล้องดีเอสแอลอาร์ ซึ่งคาดหวังว่าจากการรุกทำตลาดด้วยกลยุทธ์สร้างตลาดใหม่นี้ จะทำให้กล้องดีเอสแอลอาร์เพิ่มสัดส่วนเป็น 15% ได้ในอนาคต
กำลังโหลดความคิดเห็น