ชี้ ปัญหาเรื้อรังมานาน เพราะการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ขาดการให้ความสำคัญกับสุขภาพ-คุณภาพชีวิตพลเมือง "กอร์ปศักดิ์" แนะผู้ประกอบการให้เลิกแหกปาก อ้างผลกระทบทาง ศก. แล้วหันหน้าทำงานแก้ปัญหาอย่างจริงจัง โดยใช้ประชาชนเป็นตัวตั้งแทนกำไรสุงสุด ภาคธุรกิจต้องยอมลดกำไรบ้างเพื่อลงทุนเครื่องจักรที่ไม่ก่อมลพิษ ลั่น! ไม่คุ้มค่า หากต้องสูญเสียชีวิตคนแม้เพียงคนเดียวจากการลงทุนของเอกชนที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหามาบตาพุดในส่วนของรัฐบาล โดยระบุว่า ในสัปดาห์หน้าจะเชิญนักธุรกิจญี่ปุ่นที่ได้รับผลกระทบจากการลงทุนในมาบตาพุด มาชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดว่ารัฐบาลกำลังดำเนินการในทุกทาง เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเร่งด่วน และให้ทุกอย่างเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ หลังจากที่เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยแสดงความกังวลในเรื่องนี้
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 22 ธันวาคม 2552 นี้ รัฐบาลจะพิจารณาสถานภาพของโครงการทั้ง 10 โครงการ ที่เปิดดำเนินการไปแล้ว และอีก 29 โครงการ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อย่างละเอียดอีกครั้ง หลังจากที่ได้มอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งไปแจกแจงโครงการให้ชัดเจน
ทั้งนี้ รัฐบาลไม่ได้จะขออุทธรณ์ต่อศาลสูงสุดอีก แต่ตามคำพิพากษาแล้วได้เปิดช่องให้ส่งเรื่องไปพิจารณาใหม่ได้ หากมีข้อมูลเพิ่มเติม จึงได้ขอให้กระทรวงอุตสาหกรรมแยกแยะรายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อที่รัฐบาลจะนำข้อมูลทั้งหมดมาพิจารณา
ขณะเดียวกัน ก็จะเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามาชี้แจงข้อเท็จจริง และความเดือดร้อนที่ได้รับ เพื่อรวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไปหารือร่วมกับอัยการว่าจะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร เพื่อช่วยเอกชนที่ได้รับผลกระทบ โดยเชื่อมั่นว่าหากมีข้อมูลเพิ่มเติมที่ชัดเจน และสามารถพิสูจน์ได้ว่า โรงงานได้ดำเนินการตามกฎหมาย และผลกระทบที่เกิดขึ้นไม่ได้มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หลังจากที่โครงการเปิดดำเนินการไปแล้วจะเป็นประโยชน์กับเอกชนเอง
“รัฐบาลกำลังพยายามเต็มที่ที่จะแก้ไขปัญหา แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากเอกชนเช่นกัน โดยเฉพาะการเปิดเผยข้อมูลโครงการลงทุนของตนเอง ซึ่งต้องขอร้องให้เอกชนเลิกบ่นเลิกพูดเรื่องความเสียหายและผลกระทบต่อเศรษฐกิจเสียที เพราะไม่คุ้มค่าหากต้องสูญเสียชีวิตคนแม้เพียงคนเดียวจากการลงทุนของเอกชนที่มีผลต่อสิ่งแวดล้อม” นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวสรุปทิ้งท้าย