เอเอฟพี - ประธานของฮุนได มอเตอร์ หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ของแดนโสมขาว ยังคงรอดพ้นการติดคุกเมื่อวันอังคาร (3) โดยศาลอุทธรณ์เกาหลีใต้ยังคงพิพากษายืนให้รอการลงอาญาโทษจำคุกของเขา ทว่าก็ออกคำสั่งเพิ่มโทษในเรื่องการต้องไปทำงานรับใช้ชุมชนของเขาให้เข้มงวดขึ้นนิดหน่อย นั่นคือ จะต้องมีการใช้แรงงานทางกายด้วย ไม่ใช่แค่การไปบรรยายหรือเขียนบทความ
คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์วานนี้ บอกว่า ประธานชุงมองคู ซึ่งถูกอัยการตั้งข้อหาว่าก่อตั้งกองทุนลับขึ้นเพื่อติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐบาล นักการเมืองและนายธนาคารเพื่อให้เขาและฮุนไดได้รับผลประโยชน์ทางธุรกิจนั้น ถูกตัดสินลงโทษจำคุก 3 ปี แต่ให้รอการลงอาญาไว้ก่อน
ขณะเดียวกัน คำพิพากษาคราวนี้ยังกำหนดให้เขาต้องรับโทษทำงานบริการชุมชนเป็นเวลา 300 ชั่วโมง โดยเป็นงานเกี่ยวกับการใช้แรงงานทางกายเพื่อการกุศลหรือเพื่อพิทักษ์สิ่งแวดล้อม หลังจากที่คำพิพากษาคราวก่อนถูกมองว่าอ่อนเกินไป
บรรดาผู้พิพากษาของเกาหลีใต้มีประวัติมายาวนาน ในเรื่องลงโทษผู้นำของ"แชโบล"หรือกลุ่มธุรกิจที่ดำเนินงานแบบครอบครัวขนาดยักษ์ ตลอดจนพวกที่กระทำความผิดคดีอาญาทางเศรษฐกิจอื่นๆ แบบผ่อนปรนไม่หนักหน่วงนัก
หลายคนเชื่อว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะสังคมเกาหลีใต้เห็นว่าคนเหล่านี้เป็นวีรบุรุษของสังคมที่ทำให้เศรษฐกิจของเกาหลีใต้ขยายตัวอย่างรวดเร็วและสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้อย่างเคียงบ่าเคียงไหล่
ชุงในวัย 69 ถูกศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 3ปี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ในข้อหาละเมิดความไว้วางใจของประชาชน และยักยอกเงิน 90,000 ล้านวอน (87.4 ล้านดอลลาร์) จากกองทุนของบริษัทโดยวิธีการทางบัญชี
แต่ศาลอุทธรณ์ก็มาเปลี่ยนการลงโทษจำคุก ให้เป็นรอลงอาญาไว้ 3 ปี โดยให้เหตุผลว่าการจำคุกเขาจะทำให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้เกิดความเสียหาย
นอกจากนี้ศาลอุทธรณ์ยังสั่งให้เขาต้องไปบรรยายและเขียนบทความเกี่ยวกับจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจลงในสื่อท้องถิ่น รวมทั้งอนุมัติตามคำขอของชุงที่จะบริจาคเงิน 840,000 ล้านวอนให้กับองค์การกุศลต่าง ๆ
หลังจากนั้นอัยการได้ร้องต่อศาลสูงสุด โต้แย้งว่าการลงโทษด้วยการบรรยายและเขียนบทความนั้นเบาเกินไป และเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ศาลสูงสุดก็สั่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาคำตัดสินเสียใหม่เพราะเห็นด้วยกับคำร้องของอัยการ และเมื่อศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วก็จึงประกาศเปลี่ยนคำพิพากษาในที่สุด
ทางด้านฮุนไดมอเตอร์แสดงความยินดีต่อคำพิพากษาของศาล โดยกล่าวว่า บริษัทโล่งใจมากว่าในที่สุดคดีนี้ก็จบลงได้หลังจากผ่านไป 2 ปี ตอนนี้บริษัทก็จะสามารถหันไปทุ่มเทให้กับการทำให้บริษัทกลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของโลก
ฮุนได กรุ๊ปซึ่งเมื่อรวมกับเกีย มอเตอร์สที่เป็นบริษัทลูก สามารถครองตลาดรถยนต์ของเกาหลีใต้อยู่ 70% และมีผลผลิตคิดเป็นประมาณ 5.4% ของจีดีพีของประเทศ ชุงมงคูนั้นประกาศอย่างมั่นคงว่าเขาจะทำให้ฮุนไดเลื่อนจากบริษัทรถยนต์อันดับ 6 ของโลกมาเป็นอันดับ 5 ให้ได้
