xs
xsm
sm
md
lg

เอ็น.ซี.ซี.แห่ชิงสิทธิ์บริหาร ศูนย์ประชุมเชียงใหม่-ภูเก็ต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เอ็น.ซี.ซี. ลั่นพร้อมดวลประมูลสิทธิ์ บริหารศูนย์ประชุมนานาชาติอีก 2 แห่ง ที่ เชียงใหม่ และ ภูเก็ต มั่นใจชนะคู่แข่งขันขาดลอย ด้วยผลงานการันตี 4 ศูนย์ประชุม ที่บริหารอยู่ในมือขณะนี้ ล่าสุดมหาวิทยาลัยขอนแก่น ปลื้มผลประกอบการศูนย์ประชุมฯ 12 ปี โตต่อเนื่อง ยอมต่อสัญญา กับเอ็น.ซี.ซี. ขึ้นปีที่ 12 ขณะที่แผนธุรกิจปีหน้า เกาะกระแสโลกตื่นรักษ์สิ่งแวดล้อม ชูคอนเซปต์กรีนมิตติ้ง ทิ้งห่างคู่แข่งขันในตลาดศูนย์การประชุม โกยรายได้ปีหน้าโตอีก 5%

ม.ร.ว.สวัสดิวุฒิ สวัสดิวัตน์ รองประธานกรรมการอาวุโส บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้ดำเนินธุรกิจรับบริหารศูนย์ประชุมและการจัดงานประชุมและนิทรรศการ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาและเตรียมความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลสิทธิ์บริหารศูนย์การประชุมนานาชาติ อยู่ระหว่างรอฟังนโยบายจากหน่วยงานภาครัฐ ในเรื่องของแนวทางการบริหารงานของศูนย์ประชุมนานาชาติ 2แห่ง ได้แก่ ศูนย์การประชุมนานาชาติ จ.เชียงใหม่ และ ศูนย์การประชุมนานาชาติ จ.ภูเก็ต ซึ่งหากรัฐบาลเปิดให้มีการประมูลเมื่อใดก็พร้อมทุกเวลา

ทั้งนี้เบื้องต้นคาดว่า จะเริ่มเปิดประมูลที่ศูนย์การประชุมนานาชาติ จ.เชียงใหม่ก่อน โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ขณะที่ จ.ภูเก็ต รัฐบาลอยู่ระหว่างการศึกษาแผนขั้นสุดท้าย โดยบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถประมูลสิทธิ์การบริหารได้โดยจะนำเสนอภาครัฐจากผลงานที่โดดเด่นของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา โดยเรามีความเชี่ยวชาญและชำนาญงานด้านการบริหารศูนย์ประชุม พร้อมการบริหารจัดงานแบบครบวงจร ซึ่งมีผลงานให้เห็นแล้วใน 4 ศูนย์ประชุม ที่รับบริหารอยู่ ได้แก่ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ, ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น, ศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี และ ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์

“ต้องดูนโยบายจากภาครัฐด้วยว่าต้องการให้ศูนย์ประชุมที่เกิดขึ้นมีประโยชน์ในรูปแบบใด กล่าวคือต้องการให้เป็นแม่เหล็กดึงงานการประชุมเพื่อสร้างรายได้เข้าเมืองให้สังคม โดยมีอุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่อง เช่น โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก ชุมชนได้รับประโยชน์ จากการจับจ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ อย่างศูนย์ประชุมฯของแก่น หรือ
ให้ศูนย์ประชุมอยู่โดยสร้างรายได้และกำไรเป็นของตัวเอง อย่างศูนย์การประชุมฯสิริกิติ์ โดยทุกศูนย์การประชุมที่บริษัทบริหาร ได้สร้างความพอใจให้กับเจ้าของสถานที่เป็นอย่างดีเสมอมา” 

ทั้งนี้การที่รัฐบาลและภาคเอกชนได้ผลักดันให้เกิดศูนย์การประชุมระดับนานาชาติในจังหวัดต่างๆ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมอุตสาหกรรมไมซ์ ด้วยการจัดให้มีการประชุมสัมมนา และเอ็กซิบิชั่น กระจายไปยังพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ถือเป็นการช่วยเสริมนักท่องเที่ยวให้ลงไปในจังหวัดต่างๆในช่วงโลว์ซีซัน ซึ่งทั้งเชียงใหม่และภูเก็ต ต่างก็ประสบปัญหาจำนวนนักท่องเที่ยวน้อยในช่วงโลว์ซีซั่นเช่นกัน

ด้านนายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผย แผนธุรกิจในปี 2553 ว่า บริษัทจะใช้นโยบาย Green Venue for green Meeting and Exhibitionเริ่มที่ศูนย์การประชุมฯสิริกิติ์ เป็นแห่งแรก ซึ่งเป็นเทรนด์ที่อยู่ในกระแสนิยมของตลาดต่างประเทศ ในเรื่องของการใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยรูปแบบการทำงาน จะใช้กลยุทธ์สีเขียว

พร้อมบริการที่สื่อให้เห็นว่า บริษัทร่วมใส่ใจในสิ่งแวดล้อม อาทิ การใช้ถ้วยใส่น้ำตาล สำหรับคอฟฟี่เบรก แทนการใช้น้ำตาลแบบซอง หรือการบริหารจัดการเศษอาหาร โดยจะนำไปทำปุ๋ยหมักชีวภาพ เป็นต้น ขณะเดียวกันอุปกรณ์การจัดงาน เช่น ถ้วย จาน แก้ว จะเน้น สีเขียว เป็นหลัก ซึ่งจากโครงการนี้ ทำให้บริษัทต้องตั้งงบด้านบริหารจัดการเพิ่มจากปี 2552 อีกราว 10-15% แต่สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้ 5% และ จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของศูนย์ฯ ต่อสายตาลูกค้าชาวต่างชาติได้ในระยะยาว

นอกจากนั้น บริษัทยังออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อรองรับกรุ๊ปการประชุมขนาดกลางและเล็ก ไม่เกิน 30 -40 คน ภายใต้แคมเปญ อีฟนิ่ง@ เดอะ เซ็นเตอร์ และมิตติ้ง @ เดอะ เซ็นเตอร์ รองรับการประชุมภายในองค์กร หรือการสังสรรค์ในบริษัท ที่ต้องการจัดปาร์ตี้ในวาระต่างๆ เช่น เทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ โดยคิดอัตราค่าบริการท่านละ 600-8000 บาท ต่อคน โดยต้องมียอดจองขั้นต่ำ 20 คนขึ้นไป

“ เราเป็นศูนย์ประชุมแห่งแรกในประเทศไทย ที่ชูนโยบายกรีนมิตติ้งอย่างจริงจัง ส่วนแคมเปญ อีฟนิ่ง และ มิตติ้ง @ เดอะเซ็นเตอร์ ก็เพื่อขยายฐานลูกค้ากรุ๊ปขนาดกลางและเล็ก สร้างการรับรู้ว่าศูนย์การประชุมสิริกิติ์ สามารถรองรับลูกค้าได้ทั้งงานใหญ่ และงานมิตติ้งขนาดเล็ก ในราคาสมเหตุสมผล การคมนาคมสะดวก ซึ่งทำให้อัตราการใช้บริการห้องประชุมขนาดกลางและเล็ก หรือแพลนนารีฮอลล์ เราได้ใช้อย่างคุ้มค่า โดย ปีหน้า ยอดจองเกือบ 80% แล้ว”

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมปีหน้าตั้งเป้าหมายเติบโต จ 5% จากปีนี้ ที่บริษัทมีรายได้รวมจากทุกธุรกิจ เกือบ 600 ล้านบาท โดยกว่า 50% เป็นรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ที่ศูนย์การประชุมฯสิริกิติ์
กำลังโหลดความคิดเห็น