กรมประชาสัมพันธ์เร่งแผนของบไทยเข้มแข็ง 200 ล้านบาท เตรียมลุยทีวีดาวเทียม 3 ช่องใน 2 ปี หวังใช้เป็นบ่อทอง หากต้องเสียช่อง 11 ไปสู่การเป็นองค์กรมหาชนในอนาคต ล่าสุดมุ่งพัฒนาบุคลากรด้านข่าว จับมือเคเบิลทีวี 10 ช่อง เสนอข่าวต้นชั่วโมง อีก 2 เดือนข้างหน้า
นายกฤษณพร เสริมพาณิช อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ที่ผ่านมา ได้เร่งแผนการดำเนินงานที่เตรียมไว้รับมือกับสถานการณ์ต่างๆที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในกรณีที่ หากช่อง11หรือเอ็นบีที จะก้าวสู่การเป็นองค์กรมหาชน ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ช่อง11ก็จะไม่ขึ้นตรงกับกรมประชาสัมพันธ์อีกต่อไป บุคลากรบางส่วนก็จะต้องมีการปรับตัวในการทำงานใหม่
ดังนั้นเบื้องต้นในส่วนของบุคลากร ทางกรมประชาสัมพันธ์ได้เร่งพัฒนาให้บุคคลากรกลุ่มนี้ ได้ใช้ความรู้ความสามารถให้มากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของคอนเท้นท์ข่าว ซึ่งขณะนี้กำลังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ทั้งบุคลากรในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค กับสถานีข่าวภูมิภาคที่มีอยู่ 11 สถานี โดยในเดือนม.ค.ปีหน้า จะเริ่มทดลองการทำงานใหม่กับคอนเท้นท์ข่าวนี้ผ่านการนำเสนอข่าวในสถานีโทรทัศน์ช่อง 11, คลื่นวิทยุในเครือที่มีอยู่ และเคเบิลทีวีอีก 10 ช่อง ในกลุ่มของ เท็นมีเดีย ซึ่งจะเป็นการนำเสนอข่าวต้นชั่วโมงเป็นครั้งแรกในเคเบิลทีวี
อย่างไรก็ตามหากประสบความสำเร็จจากการนำเสนอข่าวครั้งนี้ อีก 2 เดือนนับจากนี้ ทางกรมประชาสัมพันธ์ก็พร้อมที่จะเดินหน้าเปิดสถานีทีวีดาวเทียม เปิดช่องเคเบิลทีวี 1 ช่อง โดยจะเลือกเอาสถานีโทรทัศน์ในส่วนภูมิภาคมา 1 ช่อง มาปรับวิธีการส่งสัญญาณและรูปแบบคอนเท้นท์ สู่การเป็นทีวีดาวเทียม จาก 11 สถานีที่มีอยู่ทั่วประเทศ
โดยเบื้องต้นในการทำสถานีทีวีดาวเทียมครั้งนี้ ทางกรมได้ยื่นของบไปทางโครงการ ไทยเข้มแข็ง ประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อนำมาพัฒนาช่องทีวีดาวเทียม 3 ช่อง มุ่งเน้นซื้ออุปกรณ์การส่งสัญญาณเป็นหลัก ขณะนี้กำลังรอการตอบรับเรื่องงบอยู่ ขณะที่ในส่วนของกรมประชาสัมพันธ์ยังเดินหน้าดำเนินการแผนนี้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับทีวีดาวเทียมช่องแรกที่จะทำนั้น จะเป็นสถานีโทรทัศน์ส่วนภูมิภาค จังหวัดขอนแก่น วางโพซิชั่นนิ่งให้เป็นสถานีข่าว เน้นข่าวท้องถิ่น โดยจะมีรายการท้องถิ่น 6 ชม. ที่เหลือเป็นคอนเท้นท์ต่างๆ ที่รวบรวมมานำเสนอ ส่วนอีก 2 สถานีนั้น กำลังร่างแผนอยู่ เบื้องต้นน่าจะเป็นช่องเกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น
ทั้งนี้ยังมองว่า การที่มีรูปแบบช่องทีวีดาวเทียมที่หลากหลาย ถือเป็นทางเลือกให้เอเจนซี่โฆษณาได้เลือกใช้สื่อให้เหมาะสมกับรูปแบบสินค้าเอเจนซี่ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐบ้างแล้ว ขณะที่ทีวีดาวเทียมไม่น่าเป็นห่วงในแง่ของการหารายได้ เพราะเดิมก็มีการหารายได้โฆษณาจากส่วนท้องถิ่นอยู่แล้ว ดังนั้นการทำเป็นทีวีดาวเทียมก็น่าจะช่วยเพิ่มช่องทางหารายได้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจากหน่วยงานภาครัฐอย่าง กระทรวงวัฒนธรรม หรือ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
นายกฤษณพร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันช่อง11 ยังขึ้นตรงกับทางกรมประชาสัมพันธ์อยู่ ดังนั้นในช่วงต้นปีหน้า สำหรับช่อง11 กำลังจะมีการปรับการดำเนินงานและการนำเสนอคอนเท้นท์รายการให้ดียิ่งขึ้น เบื้องต้นจะเน้นในส่วนของคอนเท้นท์รายการกีฬา ในช่วง 17.00-19.00น. จะปรับให้เป็นช่วงรายการสดสำหรับคอนเท้นท์กีฬาโดยเฉพาะ เริ่มจากการถ่ายทอดสด การแข่งขันกีฬาซีเกมส์
หลังจากนั้นก็จะร่วมกับทางการกีฬาแห่งประเทศไทย ในการดึงเอาการแข่งขันต่างๆในประเทศมานำเสนออย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี 2553 ขณะเดียวกัน สำหรับรายการข่าว จะให้ความสำคัญกับรายการข่าวภูมิภาคมากขึ้น เชื่อว่าน่าจะทำให้ช่อง 11 มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น