จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ตั้งหน่วยงาน “เกเร” บุกธุรกิจอีเวนต์เทศกาลดนตรี ประเดิมงานแรก “Big Mountain Music Festival” ด้วยงบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท หวังบรรจุอยู่ในปฏิทินงานแสดงเทศกาลดนตรีของโลก
นายยุทธนา บุญอ้อม กรรมการผู้จัดการ สังกัดเกเร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เกเร” เป็นหน่วยงานอีเวนต์ใหม่ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อจัดงานเทศกาลดนตรี (Music Festival) โดยเฉพาะ เพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ที่หันมานิยมการฟังเพลงจากงานเทศกาลดนตรีมากขึ้น
สำหรับการจัดเทศกาลดนตรีครั้งแรก มีชื่อว่า “Big Mountain Music Festival” จะจัดขึ้นในวันที่ 5 – 6 กุมภาพันธ์ 2553 ภายใต้แนวคิด “มัน ใหญ่ มาก” ในงานเฟสติวัล 2 วัน 2 คืน หรือ 48 ชั่วโมงเต็ม กับการละเล่น ดนตรี และกิจกรรมต่างๆ โดยใช้งบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท คาดว่าจะมีผู้เข้าชมกว่า 30,000 คน
ในด้านการแสดงคอนเสิร์ต ได้รวบรวมศิลปินที่มีคุณภาพจากทุกสังกัดทุกแนวเพลง โดยจัดเวที 3 เวทีหลักทั้ง “Forest Stage” เวทีสวนสนุกสำหรับดนตรีในแนว พ๊อพ,ร็อก , เวที “Mountain Stage” – เวทีวัวยักษ์สำหรับดนตรีแนว พ๊อพ , ซอฟท์ , เร็กเก้ ,สกา และ “Dancing Tree” โซนแด๊นซ์ที่ออกแบบเป็นต้นไม้จำลองยักษ์ที่ทำขึ้นพิเศษสำหรับเป็นจุดนัดพบ และดนตรีแนวเทคโนและอิเล็คทรอนิคส์
สำหรับผู้สนับสนุนหลัก Big Mountain Music Festival ครั้งนี้ ประกอบด้วย โนเกีย ยามาฮ่า เป๊ปซี่ ไทยเบฟ เอสแอนด์พี และยังมีผู้สนับสนุนรายอื่นที่อยู่ระหว่างการเจรจา โดยขณะนี้มีผู้สนับสนุนการจัดงานคิดเป็นมูลค่า 30 ล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยปีแรก “เกเร” ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 60 ล้านบาท ส่วนปีต่อไปคาดว่าสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายบัตรจะเพิ่มขึ้น และในอีก 2-3 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายบัตรจะเพิ่มเป็น 80% จากผู้เข้าร่วมงานที่คาดว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ขณะที่รายได้จากผู้สนับสนุนการจัดงานจะอยู่ที่ 20%
สำหรับเป้าหมายการจัดงาน Big Mountain Music Festival ในปีต่อๆไปนั้น แกรมมี่ตั้งใจที่จะให้ Big Mountain Music Festival เป็นเรือธงของการจัดงานเทศกาลดนตรี โดยมีแผนที่จะเชิญศิลปินดังจากประเทศต่างๆเข้ามาร่วมงาน เพื่อยกระดับให้เป็นงานเทศกาลดนตรีนานาชาติที่ถูกบรรจุอยู่ในปฏิทินงานเทศกาลดนตรีของโล นอกจากนี้จะมีการจัดงานเทศกาลดนตรีในรูปแบบอื่นๆ กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆของประเทศด้วย
“ปัจจุบันผู้นำการจัดงานเทศกาลดนตรีของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือสิงคโปร์ ซึ่งเราอยากจะช่วงชิงความเป็นผู้นำของการจัดงานเทศกาลดนตรีมาไว้ที่ประเทศไทย โดยเรามั่นใจว่าด้วยขนาดของอุตสาหกรรมเพลงในบ้านเราที่ใหญ่กว่า รวมทั้งความพร้อมในเรื่องสถานที่จัดงาน น่าจะทำให้ Big Mountain Music Festival ทำหน้าที่ให้กับประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานเทศกาลดนตรีให้กับภูมิภาคนี้ได้” นายยุทธนากล่าว
นายยุทธนา บุญอ้อม กรรมการผู้จัดการ สังกัดเกเร บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “เกเร” เป็นหน่วยงานอีเวนต์ใหม่ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อจัดงานเทศกาลดนตรี (Music Festival) โดยเฉพาะ เพื่อรองรับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ที่หันมานิยมการฟังเพลงจากงานเทศกาลดนตรีมากขึ้น
สำหรับการจัดเทศกาลดนตรีครั้งแรก มีชื่อว่า “Big Mountain Music Festival” จะจัดขึ้นในวันที่ 5 – 6 กุมภาพันธ์ 2553 ภายใต้แนวคิด “มัน ใหญ่ มาก” ในงานเฟสติวัล 2 วัน 2 คืน หรือ 48 ชั่วโมงเต็ม กับการละเล่น ดนตรี และกิจกรรมต่างๆ โดยใช้งบลงทุนกว่า 50 ล้านบาท คาดว่าจะมีผู้เข้าชมกว่า 30,000 คน
ในด้านการแสดงคอนเสิร์ต ได้รวบรวมศิลปินที่มีคุณภาพจากทุกสังกัดทุกแนวเพลง โดยจัดเวที 3 เวทีหลักทั้ง “Forest Stage” เวทีสวนสนุกสำหรับดนตรีในแนว พ๊อพ,ร็อก , เวที “Mountain Stage” – เวทีวัวยักษ์สำหรับดนตรีแนว พ๊อพ , ซอฟท์ , เร็กเก้ ,สกา และ “Dancing Tree” โซนแด๊นซ์ที่ออกแบบเป็นต้นไม้จำลองยักษ์ที่ทำขึ้นพิเศษสำหรับเป็นจุดนัดพบ และดนตรีแนวเทคโนและอิเล็คทรอนิคส์
สำหรับผู้สนับสนุนหลัก Big Mountain Music Festival ครั้งนี้ ประกอบด้วย โนเกีย ยามาฮ่า เป๊ปซี่ ไทยเบฟ เอสแอนด์พี และยังมีผู้สนับสนุนรายอื่นที่อยู่ระหว่างการเจรจา โดยขณะนี้มีผู้สนับสนุนการจัดงานคิดเป็นมูลค่า 30 ล้านบาท และคาดว่าจะมีรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชมในสัดส่วนที่ใกล้เคียงกัน โดยปีแรก “เกเร” ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 60 ล้านบาท ส่วนปีต่อไปคาดว่าสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายบัตรจะเพิ่มขึ้น และในอีก 2-3 ปีข้างหน้าสัดส่วนรายได้จากการจำหน่ายบัตรจะเพิ่มเป็น 80% จากผู้เข้าร่วมงานที่คาดว่าจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ขณะที่รายได้จากผู้สนับสนุนการจัดงานจะอยู่ที่ 20%
สำหรับเป้าหมายการจัดงาน Big Mountain Music Festival ในปีต่อๆไปนั้น แกรมมี่ตั้งใจที่จะให้ Big Mountain Music Festival เป็นเรือธงของการจัดงานเทศกาลดนตรี โดยมีแผนที่จะเชิญศิลปินดังจากประเทศต่างๆเข้ามาร่วมงาน เพื่อยกระดับให้เป็นงานเทศกาลดนตรีนานาชาติที่ถูกบรรจุอยู่ในปฏิทินงานเทศกาลดนตรีของโล นอกจากนี้จะมีการจัดงานเทศกาลดนตรีในรูปแบบอื่นๆ กระจายไปตามพื้นที่ต่างๆของประเทศด้วย
“ปัจจุบันผู้นำการจัดงานเทศกาลดนตรีของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือสิงคโปร์ ซึ่งเราอยากจะช่วงชิงความเป็นผู้นำของการจัดงานเทศกาลดนตรีมาไว้ที่ประเทศไทย โดยเรามั่นใจว่าด้วยขนาดของอุตสาหกรรมเพลงในบ้านเราที่ใหญ่กว่า รวมทั้งความพร้อมในเรื่องสถานที่จัดงาน น่าจะทำให้ Big Mountain Music Festival ทำหน้าที่ให้กับประเทศไทย ในการเป็นศูนย์กลางการจัดงานเทศกาลดนตรีให้กับภูมิภาคนี้ได้” นายยุทธนากล่าว