จีเอ็มเอ็ม บุกตลาดโชว์บิซเซ็กเมนต์ใหม่ ผุดหน่วย “แมชรูม” สยายปีกสู่โชว์บิซอินเทรนด์อิเลกทรอนิกส์ มิวสิก ตั้ง “ฟ้าใหม่” ลูกอากู๋ คุมทัพ ดึง มีเดียวิชั่น เสริมทัพด้านไลต์แอนด์ซาวนด์
นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม บุตรชายคนโตของ นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธาน จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ในฐานะผู้จัดการโครงการแมชรูม (Mashroom) บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งหน่วยงานธุรกิจ (Business Unit) ขึ้นมาใหม่ ชื่อว่า แมชรูม (Mashroom) เพื่อดำเนินธุรกิจโชว์บิซในรูปแบบใหม่ในลักษณะ อิเลกทรอนิกส์ มิวสิก (Electronic Music Showbiz) ซึ่งไมใช่เป็นการแสดงคอนเสิร์ต แต่เป็นการโชว์ความสามารถและเส้นทางด้านดนตรี บวกกับแสง สี เสียง ที่สมบูรณ์แบบ
ปัจจุบันนี้ตลาดโชว์บิซไทย มีการเติบโตที่ดีและมีแนวโน้มที่จะเติบโตอีกมากในอนาคต รวมทั้งโอกาสในการขยายตลาดโชว์บิซรูปแบบใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งการโชว์ประเภท อิเลกทรอนิกส์ มิวสิก ถือเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงและได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรป รวมทั้งอเมริกา และในเอเชียบางประเทศ ที่มีการจัดโชว์แบบนี้ขึ้นมาและได้รับความนิยมกลายเป็นงานระดับชาติด้วย
โดยประเทศต่างๆ ที่มีการจัดโชว์แบบนี้ เช่น งาน Zoukout ที่สิงคโปร์, งาน House Nation ที่ญี่ปุ่น, งาน Love Parade ที่เยอรมนี, งาน Electric Daisy ที่ลอสแองเจลิส และงาน Mouster Massive ที่ลอสแองเจลิส เป็นต้น
ในขณะที่ตลาดในประเทศไทยก็เริ่มมีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นเช่นกัน แต่ว่าส่วนใหญ่ที่ผ่านมายังเป็นการทำตลาดเฉพาะกลุ่มคนระดับกลาง ที่เสนอการขับร้องของศิลปินเป็นหลัก หรือยังไม่มีความสมบูรณ์มาเพียงพอ และยังเป็นการจัดลักษณะเล็กๆ เท่านั้น ผู้จัดงานแบบนี้มีน้อยราย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของสถานประกอบการที่ใช้สถานที่เดิมของตนเองจัดโชว์
ทั้งนี้ อิเลกทรอนิกส์ มิวสิก คือ การโชว์รูปแบบใหม่ที่เน้นการเล่นแผ่นสดโดยดีเจชั้นนำ ทั้งไทย และต่างชาติ ซึ่งจุดเด่นของแมชรูม คือ 1.การเชิญดีเจทั้งไทยและต่างชาติที่ชื่อเสียงมาโชว์ 2.การมีพันธมิตรด้านสินค้าและโปรดักชัน คือ บริษัท มีเดียวิชั่น จำกัด ที่ดูแลด้านแสง สี เสียง 3.การเปลี่ยนสถานที่การจัดโชว์ไปตลอด ไม่จำกัดรูปแบบ เช่น ฮอลล์ใหญ่ พื้นที่กลางแจ้ง ในผับ หรือ โกดัง เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะเน้นการจัดทำแบบเทลเลอร์โชว์บิซ จับกลุ่มเป้าหมายระดับบน มีรสนิยมการฟังเพลงทันสมัยและอินเทรนด์
สำหรับงานแรกในปีนี้ คือ การเชิญMarcus Schossow ดีเจระดับโลกที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับ 1 ของยุโรปเหนือมาเปิดการแสดง ที่ มายา ทองหล่อ 10 ซึ่งเพิ่งเปิดใหม่ ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ขายบัตรจำนวน 700 ใบ ราคาใบละ 500 บาท โดยมีสปอนเซอร์หลัก คือ เครื่องดื่มแอบโซลูท
บริษัทวางเป้าหมายในการจัดโชว์แบบนี้ประมาณ 2 เดือนต่อครั้ง มีทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ จุผู้ชมเฉลี่ย 500-1,000 คน และคาดว่า จะมีรายได้จากการจัดโชว์ แต่ละครั้งประมาณ 1 ล้านบาท รายได้มาจากการขายบัตรและสปอนเซอร์ ซึ่งหากได้รับความสำเร็จมีแผนที่จะหาพันธมิตรจากต่างประเทศเข้ามาร่วมธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอีกด้วย
“Mashroom ถือว่าเป็นโครงการนำร่องของการสร้างแนวทางดนตรีใหม่ให้กับแกรมมี่ และตลาดเมืองไทย เพื่อครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่มากยิ่งขึ้น ซึ่งหากในอนาคตได้รับความนิยมมากขึ้นมีแผนที่จะขยายรูปแบบการโช์วเป็นการผลิตในรูปแบบซีดี วีซีดี และดีวีดี ออกมารองรับตลาดของคนฟังเพลงที่เปิดรับแนวทางเพลงใหม่ๆ ด้วย”
สำหรับโครงการนี้ นายฟ้าใหม่ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นมาจากความที่ตัวเองเป็นคนที่ชอบดนตรีในแนวนี้อยู่แล้ว สัมผัสมมาตั้งแต่ครั้งศึกษาที่ต่างประเทศ ทำให้เห็นรูปแบบที่โดดเด่นของดนตรีรูปแบบนี้ และเมื่อไทยเริ่มรับตลาดเพลงประเภทนี้มากขึ้น จึงได้คิดโครงการขึ้นมา และได้ปรึกษากับทางผู้ใหญ่ของจีเอ็มเอ็ม รวมทั้งการได้รับคำแนะนำในทางธุรกิจกับคุณพ่อ และได้มีโอกาสในการทำโครงการนี้ขึ้นมา
นายฟ้าใหม่ ดำรงชัยธรรม บุตรชายคนโตของ นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธาน จีเอ็มเอ็มแกรมมี่ ในฐานะผู้จัดการโครงการแมชรูม (Mashroom) บริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งหน่วยงานธุรกิจ (Business Unit) ขึ้นมาใหม่ ชื่อว่า แมชรูม (Mashroom) เพื่อดำเนินธุรกิจโชว์บิซในรูปแบบใหม่ในลักษณะ อิเลกทรอนิกส์ มิวสิก (Electronic Music Showbiz) ซึ่งไมใช่เป็นการแสดงคอนเสิร์ต แต่เป็นการโชว์ความสามารถและเส้นทางด้านดนตรี บวกกับแสง สี เสียง ที่สมบูรณ์แบบ
ปัจจุบันนี้ตลาดโชว์บิซไทย มีการเติบโตที่ดีและมีแนวโน้มที่จะเติบโตอีกมากในอนาคต รวมทั้งโอกาสในการขยายตลาดโชว์บิซรูปแบบใหม่ๆ ที่หลากหลายมากขึ้น ซึ่งการโชว์ประเภท อิเลกทรอนิกส์ มิวสิก ถือเป็นเทรนด์ใหม่ที่มาแรงและได้รับความนิยมอย่างมากในยุโรป รวมทั้งอเมริกา และในเอเชียบางประเทศ ที่มีการจัดโชว์แบบนี้ขึ้นมาและได้รับความนิยมกลายเป็นงานระดับชาติด้วย
โดยประเทศต่างๆ ที่มีการจัดโชว์แบบนี้ เช่น งาน Zoukout ที่สิงคโปร์, งาน House Nation ที่ญี่ปุ่น, งาน Love Parade ที่เยอรมนี, งาน Electric Daisy ที่ลอสแองเจลิส และงาน Mouster Massive ที่ลอสแองเจลิส เป็นต้น
ในขณะที่ตลาดในประเทศไทยก็เริ่มมีแนวโน้มความต้องการมากขึ้นเช่นกัน แต่ว่าส่วนใหญ่ที่ผ่านมายังเป็นการทำตลาดเฉพาะกลุ่มคนระดับกลาง ที่เสนอการขับร้องของศิลปินเป็นหลัก หรือยังไม่มีความสมบูรณ์มาเพียงพอ และยังเป็นการจัดลักษณะเล็กๆ เท่านั้น ผู้จัดงานแบบนี้มีน้อยราย ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของสถานประกอบการที่ใช้สถานที่เดิมของตนเองจัดโชว์
ทั้งนี้ อิเลกทรอนิกส์ มิวสิก คือ การโชว์รูปแบบใหม่ที่เน้นการเล่นแผ่นสดโดยดีเจชั้นนำ ทั้งไทย และต่างชาติ ซึ่งจุดเด่นของแมชรูม คือ 1.การเชิญดีเจทั้งไทยและต่างชาติที่ชื่อเสียงมาโชว์ 2.การมีพันธมิตรด้านสินค้าและโปรดักชัน คือ บริษัท มีเดียวิชั่น จำกัด ที่ดูแลด้านแสง สี เสียง 3.การเปลี่ยนสถานที่การจัดโชว์ไปตลอด ไม่จำกัดรูปแบบ เช่น ฮอลล์ใหญ่ พื้นที่กลางแจ้ง ในผับ หรือ โกดัง เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะเน้นการจัดทำแบบเทลเลอร์โชว์บิซ จับกลุ่มเป้าหมายระดับบน มีรสนิยมการฟังเพลงทันสมัยและอินเทรนด์
สำหรับงานแรกในปีนี้ คือ การเชิญMarcus Schossow ดีเจระดับโลกที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอันดับ 1 ของยุโรปเหนือมาเปิดการแสดง ที่ มายา ทองหล่อ 10 ซึ่งเพิ่งเปิดใหม่ ในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ ขายบัตรจำนวน 700 ใบ ราคาใบละ 500 บาท โดยมีสปอนเซอร์หลัก คือ เครื่องดื่มแอบโซลูท
บริษัทวางเป้าหมายในการจัดโชว์แบบนี้ประมาณ 2 เดือนต่อครั้ง มีทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ จุผู้ชมเฉลี่ย 500-1,000 คน และคาดว่า จะมีรายได้จากการจัดโชว์ แต่ละครั้งประมาณ 1 ล้านบาท รายได้มาจากการขายบัตรและสปอนเซอร์ ซึ่งหากได้รับความสำเร็จมีแผนที่จะหาพันธมิตรจากต่างประเทศเข้ามาร่วมธุรกิจเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจอีกด้วย
“Mashroom ถือว่าเป็นโครงการนำร่องของการสร้างแนวทางดนตรีใหม่ให้กับแกรมมี่ และตลาดเมืองไทย เพื่อครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่มากยิ่งขึ้น ซึ่งหากในอนาคตได้รับความนิยมมากขึ้นมีแผนที่จะขยายรูปแบบการโช์วเป็นการผลิตในรูปแบบซีดี วีซีดี และดีวีดี ออกมารองรับตลาดของคนฟังเพลงที่เปิดรับแนวทางเพลงใหม่ๆ ด้วย”
สำหรับโครงการนี้ นายฟ้าใหม่ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นมาจากความที่ตัวเองเป็นคนที่ชอบดนตรีในแนวนี้อยู่แล้ว สัมผัสมมาตั้งแต่ครั้งศึกษาที่ต่างประเทศ ทำให้เห็นรูปแบบที่โดดเด่นของดนตรีรูปแบบนี้ และเมื่อไทยเริ่มรับตลาดเพลงประเภทนี้มากขึ้น จึงได้คิดโครงการขึ้นมา และได้ปรึกษากับทางผู้ใหญ่ของจีเอ็มเอ็ม รวมทั้งการได้รับคำแนะนำในทางธุรกิจกับคุณพ่อ และได้มีโอกาสในการทำโครงการนี้ขึ้นมา