ทอท.จ้าง ICAOn อีก 30.7 ล้านบาทศึกษาใช้ 2 สนามบินเพิ่มเติม หาข้อยุติปัญหา Single Airport เสนอรัฐบาลฟันธง พร้อมเตรียมลงทุนสร้างโรงผลิตไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 700-800 ล้านบาท ร่วมทุน กฟภ.49%
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ทอท.ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธานเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ว่าที่ประชุมได้เห็นชอบให้ทอท.สัญญาว่าจ้างองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือICAO เพื่อขยายการศึกษาทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองภายใต้แนวคิด Single Airport วงเงิน 30,787,000 บาท ระยะเวลาในการศึกษา 90 วัน โดยผลศึกษาที่ได้จะเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของรัฐบาลในการกำหนดนโยบายบริหารการขนส่งทางอากาศของกรุงเทพมหานครและรักษาการเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศในภูมิภาค (ฮับ) ไว้
“ผลการศึกษาจะได้เสนอให้ครม.พิจารณาต่อไปโดยการศึกษาเพิ่มเติมแบบ Multi Airport ซึ่งครม.เศรษฐกิจให้ดูเพิ่มเติมการใช้สนามบินดอนเมืองแบบบูรณาการ ซึ่งไม่กระทบต่อแผนการใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมืองที่ได้กำหนดไว้”นายเสรีรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ยังได้เห็นชอบในหลักการให้ทอท.นำระบบ Radio Frequency Identification (RFID) มาติดตั้งใช้งานร่วมกับระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแทนระบบ Barcode เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเพิ่มความรวดเร็วและความถูกต้องแม่นยำมากกว่า 99% ในขณะที่การจัดการกระเป๋าจากระบบ Barcode ปัจจุบันมีความแม่นยำประมาณ 70% ซึ่งทำให้ยังเป็นปัญหาในการให้บริการและเที่ยวบินล่าช้า ซึ่งทอท.จะใช้เวลาในการศึกษาการลงทุนและติดตั้งประมาณ 2 ปี
นายเสรีรัตน์กล่าวว่า จากนโยบายบอร์ดที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ทอท.จึงมีแผนที่จะลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงินลงทุนประมาณ700-800 ล้านบาท คืนทุนภายใน 7 ปี โดยเบื้องต้นทอท.ตั้งบริษัทร่วมทุนจะถือหุ้นร่วมกับ การไฟฟ้าส่วนถูมิภาคในสัดส่วน 49% เพื่อไม่ให้เป็นรัฐวิสาหกิจส่วนอีก51%ที่เหลือจะให้เอกชนที่ทำธุรกิจด้านโซลาเซลล์เข้ามาถือหุ้น โดยจะเริ่มศึกษาในเดือนธ.ค. 52 ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนสามารถสรุปรูปแบบที่ชัดเจนและรายละเอียดการลงทุนเสนอบอร์ดพิจารณาได้
“คาดว่าจะลงทุนได้ในปี 53 โดยจะใช้พื้นที่ประมาณ 100 ไร่ที่ สนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้ใช้ประโยชน์ โครงการนี้จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 6 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 25% ของไฟฟ้าที่สนามบินสุวรรณภูมิใช้ใน 1 ปี “นายเสรีรัตน์กล่าว
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ทอท.ที่มีนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต เป็นประธานเมื่อวันที่ 28 พ.ย.ว่าที่ประชุมได้เห็นชอบให้ทอท.สัญญาว่าจ้างองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ หรือICAO เพื่อขยายการศึกษาทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและท่าอากาศยานดอนเมืองภายใต้แนวคิด Single Airport วงเงิน 30,787,000 บาท ระยะเวลาในการศึกษา 90 วัน โดยผลศึกษาที่ได้จะเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของรัฐบาลในการกำหนดนโยบายบริหารการขนส่งทางอากาศของกรุงเทพมหานครและรักษาการเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศในภูมิภาค (ฮับ) ไว้
“ผลการศึกษาจะได้เสนอให้ครม.พิจารณาต่อไปโดยการศึกษาเพิ่มเติมแบบ Multi Airport ซึ่งครม.เศรษฐกิจให้ดูเพิ่มเติมการใช้สนามบินดอนเมืองแบบบูรณาการ ซึ่งไม่กระทบต่อแผนการใช้ประโยชน์ท่าอากาศยานดอนเมืองที่ได้กำหนดไว้”นายเสรีรัตน์กล่าว
นอกจากนี้ยังได้เห็นชอบในหลักการให้ทอท.นำระบบ Radio Frequency Identification (RFID) มาติดตั้งใช้งานร่วมกับระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิแทนระบบ Barcode เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพเพิ่มความรวดเร็วและความถูกต้องแม่นยำมากกว่า 99% ในขณะที่การจัดการกระเป๋าจากระบบ Barcode ปัจจุบันมีความแม่นยำประมาณ 70% ซึ่งทำให้ยังเป็นปัญหาในการให้บริการและเที่ยวบินล่าช้า ซึ่งทอท.จะใช้เวลาในการศึกษาการลงทุนและติดตั้งประมาณ 2 ปี
นายเสรีรัตน์กล่าวว่า จากนโยบายบอร์ดที่ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน ทอท.จึงมีแผนที่จะลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ภายในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ วงเงินลงทุนประมาณ700-800 ล้านบาท คืนทุนภายใน 7 ปี โดยเบื้องต้นทอท.ตั้งบริษัทร่วมทุนจะถือหุ้นร่วมกับ การไฟฟ้าส่วนถูมิภาคในสัดส่วน 49% เพื่อไม่ให้เป็นรัฐวิสาหกิจส่วนอีก51%ที่เหลือจะให้เอกชนที่ทำธุรกิจด้านโซลาเซลล์เข้ามาถือหุ้น โดยจะเริ่มศึกษาในเดือนธ.ค. 52 ใช้เวลาประมาณ 3 เดือนสามารถสรุปรูปแบบที่ชัดเจนและรายละเอียดการลงทุนเสนอบอร์ดพิจารณาได้
“คาดว่าจะลงทุนได้ในปี 53 โดยจะใช้พื้นที่ประมาณ 100 ไร่ที่ สนามบินสุวรรณภูมิไม่ได้ใช้ประโยชน์ โครงการนี้จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 6 เมกะวัตต์ หรือประมาณ 25% ของไฟฟ้าที่สนามบินสุวรรณภูมิใช้ใน 1 ปี “นายเสรีรัตน์กล่าว