การเมืองไทยทำนักท่องเที่ยวต่างชาติกร่อยถอยหนีไม่มาไทยไฮซีซั่นปีนี้ ทำให้ผู้ประกอบการฝันสลาย ยอดจองไม่คึกคัก สงครามราคาและโปรโมชั่น กระทบรายได้โรงแรมวูบ 30% แต่ยังหวังหากการเมืองสงบ ไฮซีซั่นปีหน้าต่างชาติกลับมาแน่
นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวของประเทศไทยน่าจะฟื้นได้ราวไตรมาส 1-2 ของปี 2553 โดยชะลอจากเดิมที่คาดว่าจะฟื้นในปลายปีนี้ ซึ่งเป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมือง การนัดชุมนุมทางการเมืองได้ฉุดความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชะลอการตัดสินใจที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยในช่วงนี้ ซึ่งหากการเมืองในประเทศนิ่งได้คงที่ เชื่อว่าในปลายปีหน้า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาคึกคักเหมือนปี 2549และปี 2550
จากความวุ่นวายทางการเมืองในปีนี้ ทำให้รายได้ของผู้ประกอบการโรงแรมลดลงมาก โดยต้องใช้โปรโมชั่น ลดแจก แถม เข้ามาจูงใจลูกค้า ดังนั้นแม้จะมีอัตราเข้ามาเป็นตัวเลข 30-50%ก็ตาม แต่รายได้จะลดลงกว่าที่ควรจะเป็นถึง 30% ซึ่งหากมองในแง่ดี ก็ถือเป็นโอกาสของคนไทย ที่จะใช้ช่วงเวลาดังกล่าว ท่องเที่ยวประเทศไทยในราคาที่ไม่แพง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ซึ่งมีวันหยุดยาว
ทางด้านนายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้การว่าด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้จับตาดูความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการประเมินสถานการณ์ หากสถานการณ์การเมืองไม่วุ่นวายร้ายแรง มั่นใจว่าไฮซีซั่นปลายปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยก็จะเดินทางกันมาก ซึ่งขณะนี้ยังมั่นใจว่าคนไทยเดินทางในประเทศทั้งปีจะได้ถึง 87 ล้านคนครั้งตามเป้าหมาย สร้างเงินสะพัด 4 แสนล้านบาท
สำหรับแผนงานตลาดในประเทศปีหน้า ยังเดินหน้าแคมเปญ “เที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก” เน้นกิจกรรมต่อยอดจากปีนี้ เป็นการตอกย้ำให้คนไทยออกมาเที่ยวและจับจ่ายใช้สอย โดยจะมีแคมเปญย่อย “เมืองไทย ใครๆก็รัก” เป็นธีมเสริมแยกโปรโมตตามพื้นที่ทั่วประเทศ โดยจัดร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น ในต่างจังหวัด รวมถึงการโปรโมตตลาดประชุมสัมนาโดยขอความร่วมมือองค์กรต่างๆในท้องถิ่น และ หน่วยราชการ จัดสัมมนาในประเทศไทย
นายสุรพงษ์ เตชะหรูวิจิตร อุปนายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวว่า สถานการณ์ท่องเที่ยวของประเทศไทยน่าจะฟื้นได้ราวไตรมาส 1-2 ของปี 2553 โดยชะลอจากเดิมที่คาดว่าจะฟื้นในปลายปีนี้ ซึ่งเป็นเพราะสถานการณ์ทางการเมือง การนัดชุมนุมทางการเมืองได้ฉุดความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ชะลอการตัดสินใจที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยในช่วงนี้ ซึ่งหากการเมืองในประเทศนิ่งได้คงที่ เชื่อว่าในปลายปีหน้า จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะกลับมาคึกคักเหมือนปี 2549และปี 2550
จากความวุ่นวายทางการเมืองในปีนี้ ทำให้รายได้ของผู้ประกอบการโรงแรมลดลงมาก โดยต้องใช้โปรโมชั่น ลดแจก แถม เข้ามาจูงใจลูกค้า ดังนั้นแม้จะมีอัตราเข้ามาเป็นตัวเลข 30-50%ก็ตาม แต่รายได้จะลดลงกว่าที่ควรจะเป็นถึง 30% ซึ่งหากมองในแง่ดี ก็ถือเป็นโอกาสของคนไทย ที่จะใช้ช่วงเวลาดังกล่าว ท่องเที่ยวประเทศไทยในราคาที่ไม่แพง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ซึ่งมีวันหยุดยาว
ทางด้านนายวันเสด็จ ถาวรสุข รองผู้การว่าด้านตลาดในประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) กล่าวว่า ททท.ได้จับตาดูความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างใกล้ชิด เพื่อประกอบการประเมินสถานการณ์ หากสถานการณ์การเมืองไม่วุ่นวายร้ายแรง มั่นใจว่าไฮซีซั่นปลายปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยก็จะเดินทางกันมาก ซึ่งขณะนี้ยังมั่นใจว่าคนไทยเดินทางในประเทศทั้งปีจะได้ถึง 87 ล้านคนครั้งตามเป้าหมาย สร้างเงินสะพัด 4 แสนล้านบาท
สำหรับแผนงานตลาดในประเทศปีหน้า ยังเดินหน้าแคมเปญ “เที่ยวไทยครึกครื้นเศรษฐกิจไทยคึกคัก” เน้นกิจกรรมต่อยอดจากปีนี้ เป็นการตอกย้ำให้คนไทยออกมาเที่ยวและจับจ่ายใช้สอย โดยจะมีแคมเปญย่อย “เมืองไทย ใครๆก็รัก” เป็นธีมเสริมแยกโปรโมตตามพื้นที่ทั่วประเทศ โดยจัดร่วมกับหน่วยงานท้องถิ่น ในต่างจังหวัด รวมถึงการโปรโมตตลาดประชุมสัมนาโดยขอความร่วมมือองค์กรต่างๆในท้องถิ่น และ หน่วยราชการ จัดสัมมนาในประเทศไทย
