ดี เซเว่น ชูนวัตกรรมแจ้งเกิดตลาดกาแฟพรีเมียม อัดงบ 50 ล้านบาทปีหน้า บุกไตรมาสแรกปั้นแบรนด์ใหม่สร้างมูลค่าเพิ่มทะลวงคนเมือง ลั่น 3 ปีโค่นบัลลังก์คอฟฟี่โอ กวาดแชร์เพิ่มจาก 25% เป็น 50% เท 20 ล้านบาท สร้างภาพลักษณ์กาแฟหรู”ดีเซเว่น เวิลด์ คอลเลกชั่น”โค้งสุดท้าย พร้อมทุ่ม 20 ล้านบาท ขยายกำลังผลิตเพิ่ม
นายพิชญ ส่งศักดิ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยแอทลาสโกลบอล ฟูด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกาแฟสำเร็จรูปดี เซเว่น เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจจากนี้บริษัทโฟกัสธุรกิจกาแฟพร้อมดื่ม โดยมุ่งนำเสนอสินค้านวัตกรรม เพื่อสร้างความแตกต่างจากสินค้าที่อยู่ในตลาด ซึ่งบริษัทดำเนินการตลาดเชิงรุกกาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียม เนื่องจากเป็นตลาดที่เติบโตสูง 25% จากมูลค่า 400 ล้านบาท และคาดว่าในระยะ 3 ปี มูลค่าเพิ่มเป็น 500-600 ล้านบาท ซึ่งบริษัทลงทุนเพิ่ม 20 ล้านบาท สั่งซื้อเครื่องจักรขยายกำลังผลิตรองรับกลุ่มกาแฟระดับพรีเมียม
แผนการตลาดในปีหน้าบริษัทขยายโปรดักส์ไลน์กาแฟพรีเมียมภายใต้แบรนด์ใหม่ แต่ยังคงมีซับแบรนด์ดีเซเว่น โดยเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และยังไม่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย คาดว่าจะเปิดตัวไตรมาสแรก ซึ่งบริษัทวางงบการตลาดกาแฟระดับพรีเมียมปีหน้า 30 ล้านบาท ล่าสุดทุ่มงบ 20 ล้านบาท สร้างแบรนด์กาแฟระดับพรีเมียม”ดีเซเว่น เวิลด์ คอลเลกชั่น ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หลังจากก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวกาแฟคั่วบด สูตรชูการ์ฟรี มีด้วยกัน 3 รสชาติ มิลาโน เอสเปรสโซ,บราซิลเลี่ยน ม็อคค่า และซิทเทิล ลาเต้ ลงสู่ตลาด ขนาด 180 มล. ราคา 25 บาท เจาะกลุ่มเป้าหมายคนเมือง 80% และอีก 20% หัวเมืองต่างจังหวัด
นายพิชญ กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์กาแฟดีเซเว่น เวิลด์ คอลเลกชั่น ”อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์” เนื่องจากมองว่าการนำบุคคลที่มีชื่อเสียงมีส่วนช่วยการจำหน่ายสินค้า พร้อมกันนี้จัดกิจกรรม”One Night Only with” ร่วมรับประทานอาหารกับพรีเซ็นเตอร์กาแฟ พร้อมกันนี้บริษัทวางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ 2-3 รสชาติ ทั้งนี้จากการดำเนินตลาดคาดว่าอีก 3 ปีข้างหน้านี้ กาแฟพรีเมียมภายใต้ซับแบรนด์ดีเซเว่น จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดด้วยการครองส่วนแบ่ง 50% หรือมียอดขายเติบโต 50-100% ต่อเดือน จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 25% เท่ากับกาแฟคอฟฟิโอของโออิชิ
ด้านการทำตลาดกาแฟกระป๋องดี เซเว่น ปีหน้าทุ่มงบ 20 ล้านบาท โดยบริษัทปรับระบบการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น จากปัจจุบันร้านค้าปลีกรายย่อย 2 แสนแห่ง แต่บริษัทสามารถนำสินค้าจำหน่ายเพียง 10% เนื่องจากสินค้าคู่แข่งสกัด ดังนั้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จึงมีการปรับทีมขาย และเน้นสร้างความสัมพันธ์เพื่อผลักดันสินค้าเข้าร้านค้า การดำเนินตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะกาแฟพร้อมดื่มนับว่าเป็นตลาดใหญ่มีมูลค่า 9,000 ล้านบาท แม้ว่าในปีนี้ตลาดจะไม่มีการเติบโต และคาดว่าปีหน้าโตไม่เกิน 5% ก็ตาม โดยปัจจุบันดีเซเว่นมีส่วนแบ่ง 2-3% หรือมีรายได้ 200-300 ล้านบาทตามเป้าหมาย ขณะที่ผู้นำตลาดเบอร์ดี้ ครองส่วนแบ่ง 50-60%
นายพิชญ ส่งศักดิ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท ไทยแอทลาสโกลบอล ฟูด จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกาแฟสำเร็จรูปดี เซเว่น เปิดเผยว่า ทิศทางการดำเนินธุรกิจจากนี้บริษัทโฟกัสธุรกิจกาแฟพร้อมดื่ม โดยมุ่งนำเสนอสินค้านวัตกรรม เพื่อสร้างความแตกต่างจากสินค้าที่อยู่ในตลาด ซึ่งบริษัทดำเนินการตลาดเชิงรุกกาแฟพร้อมดื่มระดับพรีเมียม เนื่องจากเป็นตลาดที่เติบโตสูง 25% จากมูลค่า 400 ล้านบาท และคาดว่าในระยะ 3 ปี มูลค่าเพิ่มเป็น 500-600 ล้านบาท ซึ่งบริษัทลงทุนเพิ่ม 20 ล้านบาท สั่งซื้อเครื่องจักรขยายกำลังผลิตรองรับกลุ่มกาแฟระดับพรีเมียม
แผนการตลาดในปีหน้าบริษัทขยายโปรดักส์ไลน์กาแฟพรีเมียมภายใต้แบรนด์ใหม่ แต่ยังคงมีซับแบรนด์ดีเซเว่น โดยเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่ม และยังไม่มีวางจำหน่ายในประเทศไทย คาดว่าจะเปิดตัวไตรมาสแรก ซึ่งบริษัทวางงบการตลาดกาแฟระดับพรีเมียมปีหน้า 30 ล้านบาท ล่าสุดทุ่มงบ 20 ล้านบาท สร้างแบรนด์กาแฟระดับพรีเมียม”ดีเซเว่น เวิลด์ คอลเลกชั่น ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง หลังจากก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวกาแฟคั่วบด สูตรชูการ์ฟรี มีด้วยกัน 3 รสชาติ มิลาโน เอสเปรสโซ,บราซิลเลี่ยน ม็อคค่า และซิทเทิล ลาเต้ ลงสู่ตลาด ขนาด 180 มล. ราคา 25 บาท เจาะกลุ่มเป้าหมายคนเมือง 80% และอีก 20% หัวเมืองต่างจังหวัด
นายพิชญ กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวพรีเซ็นเตอร์กาแฟดีเซเว่น เวิลด์ คอลเลกชั่น ”อั้ม-อธิชาติ ชุมนานนท์” เนื่องจากมองว่าการนำบุคคลที่มีชื่อเสียงมีส่วนช่วยการจำหน่ายสินค้า พร้อมกันนี้จัดกิจกรรม”One Night Only with” ร่วมรับประทานอาหารกับพรีเซ็นเตอร์กาแฟ พร้อมกันนี้บริษัทวางแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ 2-3 รสชาติ ทั้งนี้จากการดำเนินตลาดคาดว่าอีก 3 ปีข้างหน้านี้ กาแฟพรีเมียมภายใต้ซับแบรนด์ดีเซเว่น จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดด้วยการครองส่วนแบ่ง 50% หรือมียอดขายเติบโต 50-100% ต่อเดือน จากปัจจุบันมีส่วนแบ่ง 25% เท่ากับกาแฟคอฟฟิโอของโออิชิ
ด้านการทำตลาดกาแฟกระป๋องดี เซเว่น ปีหน้าทุ่มงบ 20 ล้านบาท โดยบริษัทปรับระบบการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น จากปัจจุบันร้านค้าปลีกรายย่อย 2 แสนแห่ง แต่บริษัทสามารถนำสินค้าจำหน่ายเพียง 10% เนื่องจากสินค้าคู่แข่งสกัด ดังนั้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จึงมีการปรับทีมขาย และเน้นสร้างความสัมพันธ์เพื่อผลักดันสินค้าเข้าร้านค้า การดำเนินตลาดอย่างต่อเนื่อง เพราะกาแฟพร้อมดื่มนับว่าเป็นตลาดใหญ่มีมูลค่า 9,000 ล้านบาท แม้ว่าในปีนี้ตลาดจะไม่มีการเติบโต และคาดว่าปีหน้าโตไม่เกิน 5% ก็ตาม โดยปัจจุบันดีเซเว่นมีส่วนแบ่ง 2-3% หรือมีรายได้ 200-300 ล้านบาทตามเป้าหมาย ขณะที่ผู้นำตลาดเบอร์ดี้ ครองส่วนแบ่ง 50-60%