ททท.หนุน ส.เรือไทย จัดโปรโมชั่น เด็กเที่ยวฟรี ผู้ใหญ่ 199 บาทถึงสิ้นเดือนนี้ ระบุสมาชิก 11 ราย ที่ยื่นกู้โครงการสินเชื่อเอสเอ็มอีแบงก์ถูกปฎิเสธทั้งหมด อ้างเรือไม่ใช่ทรัพย์สินมั่นคง เตรียมยื่นจดหมายอ้อนนายกฯมาร์ก ขอที่จอดรสบัสและท่าเรือท่องเที่ยว
นายประสิทธิ์ วิชัยสุชาติ เลขาธิการสมาคมเรือไทย เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการเรือ ต้องช่วยเหลือตัวเองมาตลอด ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตในช่วงใด เพราะไม่มีหน่วยงานใดเป็นเจ้าภาพเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง ทั้ง กรุงเทพมหานคร หรือแม้แต่กระทรวงการท่องเที่ยว ล่าสุด จากโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ สมาชิกของสมาคมเรือไทย ยื่นขอไป 11 รายๆละ 5 ล้านบาทโดยยื่นผ่านสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ไม่มีรายใดได้รับอนุมัติเลย โดยถูกธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(เอ็กซิมแบงก์) ปฎิเสธด้วยเหตุผลว่า ”เรือไม่ใช่ทรัพย์สินที่มั่นคง“
“ที่ให้เอสเอ็มอีแบงก์ผ่อนปรนเงื่อนไขปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกอบการที่เป็นNPL แต่เงื่อนไขอื่นๆก็ยังมีอยู่ โดยเฉพาะการค้ำประกัน ซึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการเรือ ถูกปฎิเสธ โดยบอกว่า เรือไม่ใช่สินทรัพย์ที่มั่นคง ดังนั้นแม้เราจะเซ็นค้ำประกันไขว้กันเองก็ไม่มีผล เราก็ต้องทำใจ เพราะที่ผ่านมากิจการเรือถูกจัดอยู่ในข้อยกเว้นที่จะใช้เรือเป็นหลักทรัพย์ไม่ได้เพราะถูกตัดสินว่าไม่มั่นคง แม้เรือจะมีมูลค่ามาก ทำเงินได้มากก็ตาม”
***เตรียมส่งจม.ร้องนายกฯ****
อย่างไรก็ตาม สมาคมอยู่ระหว่างร่างหนังสือขอความช่วยเหลือ ส่งให้นายกรัฐมนตรี ประเด็นหลักที่ต้องการให้รัฐช่วยเหลือ คือ หาพื้นที่ ทำลานจอดรถบัส และท่าจอดเรือ สำหรับรับ-ส่งนักท่องเที่ยวท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ซึ่งได้ผลักดันมานานกับหลายหน่วยงานแต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ
ทั้งที่การท่องเที่ยวทางน้ำต่อปีสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นเม็ดเงินกว่า 5 พันล้านบาท เพราะ 70-75% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มาเที่ยวกรุงเทพฯจะเที่ยวเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย แต่สำหรับปีนี้สถานการณ์ลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดลง ตามสัดส่วนของตลาด ทำให้ทั้งปีคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเที่ยวทางน้ำจะลดลง กว่า 40% โดย 3 เดือนที่ผ่านมาไม่มียอดจองล่วงหน้า ขณะที่ 2 เดือนสุดท้ายปีนี้ มียอดจองเข้ามาเพียง 25% เทียบกับปี 2550
**จัดแพคเกจเที่ยวทางน้ำราคาถูก
นายประสิทธิ์กล่าวว่า สมาคมได้จับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยได้รับงบสนับสนุนวงเงิน 2 แสนบาท จัดโครงการ “สายน้ำ สายวัฒนธรรม” โดยนำเสนอแพกเกจท่องเที่ยวทางน้ำเพื่อชมวิถีชีวิต 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และ คลองในละแวกใกล้เคียงช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ในราคาคนละ 199 บาท พร้อมอาหาร 1 มื้อ โดยผู้ร่วมเดินทางสามารถ พาเด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ร่วมเดินทางด้วยได้อีก 4-5 คน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
จุดประสงค์โครงการนี้ก็เพื่อต้องการเจาะตลาดคนไทยและกลุ่มครอบครัว ได้ใช้โอกาสเศรษฐกิจในช่วงขาลงนี้ เดินทางท่องเที่ยวและพาบุตรหลายเดินทางทัศนะศึกษาวิถีชีวิตคนไทย 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งโครงการนี้เริ่มตั้งแต่ 31 ต.ค.- สัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ย.นี้ เส้นทางนำเที่ยว นำเสนอ 3 พื้นที่ไฮไลท์ เช่น ศาลเจ้าพ่อกวนอู-สวนสมเด็จย่า ,ชุมชนกุฎีจีน โบสถ์ซานตาครูส วัดกัลยาณมิตร มัสยิดอิสลาม และ อู่เรือพระราชพิธี เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมที่จัดขึ้นนี้ เพื่อโปรโมตตลาดในประเทศ มาชดเชยตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป โดยสมาคมตั้งเป้าถึงสิ้นปีนี้ สัดส่วนนักท่องเที่ยวคนไทย จะเป็น 65-70% นักท่องเที่ยวต่างชาติ 30-35% จากในอดีตนักท่องเที่ยวคนไทยจะประมาณ 50-55% ต่างชาติ 45-50%
“โครงการนี้หวังได้คนไทยเป็นทูตในการโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำให้แก่สมาคม โดยมองว่ากลยุทธ์แบบบอกต่อยังสามารถใช้ได้ผลดี และ ถึงกลุ่มผู้บริโภคได้จริง ซึ่งผู้ประกอบการนำเรือมาวิ่งให้ฟรี เพราะปกติก็ไม่มีลูกค้าอยู่แล้ว ส่วนสมาคมนำงบที่ได้จาก ททท.มาจ่ายค่าน้ำมันและอาหารให้ ซึ่งต่อเที่ยวประมาณ 1 หมื่นบาท “
นายประสิทธิ์ วิชัยสุชาติ เลขาธิการสมาคมเรือไทย เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการเรือ ต้องช่วยเหลือตัวเองมาตลอด ไม่ว่าจะเกิดวิกฤตในช่วงใด เพราะไม่มีหน่วยงานใดเป็นเจ้าภาพเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง ทั้ง กรุงเทพมหานคร หรือแม้แต่กระทรวงการท่องเที่ยว ล่าสุด จากโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจ สมาชิกของสมาคมเรือไทย ยื่นขอไป 11 รายๆละ 5 ล้านบาทโดยยื่นผ่านสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ไม่มีรายใดได้รับอนุมัติเลย โดยถูกธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(เอ็กซิมแบงก์) ปฎิเสธด้วยเหตุผลว่า ”เรือไม่ใช่ทรัพย์สินที่มั่นคง“
“ที่ให้เอสเอ็มอีแบงก์ผ่อนปรนเงื่อนไขปล่อยกู้ให้แก่ผู้ประกอบการที่เป็นNPL แต่เงื่อนไขอื่นๆก็ยังมีอยู่ โดยเฉพาะการค้ำประกัน ซึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการเรือ ถูกปฎิเสธ โดยบอกว่า เรือไม่ใช่สินทรัพย์ที่มั่นคง ดังนั้นแม้เราจะเซ็นค้ำประกันไขว้กันเองก็ไม่มีผล เราก็ต้องทำใจ เพราะที่ผ่านมากิจการเรือถูกจัดอยู่ในข้อยกเว้นที่จะใช้เรือเป็นหลักทรัพย์ไม่ได้เพราะถูกตัดสินว่าไม่มั่นคง แม้เรือจะมีมูลค่ามาก ทำเงินได้มากก็ตาม”
***เตรียมส่งจม.ร้องนายกฯ****
อย่างไรก็ตาม สมาคมอยู่ระหว่างร่างหนังสือขอความช่วยเหลือ ส่งให้นายกรัฐมนตรี ประเด็นหลักที่ต้องการให้รัฐช่วยเหลือ คือ หาพื้นที่ ทำลานจอดรถบัส และท่าจอดเรือ สำหรับรับ-ส่งนักท่องเที่ยวท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ซึ่งได้ผลักดันมานานกับหลายหน่วยงานแต่ก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ
ทั้งที่การท่องเที่ยวทางน้ำต่อปีสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นเม็ดเงินกว่า 5 พันล้านบาท เพราะ 70-75% ของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มาเที่ยวกรุงเทพฯจะเที่ยวเส้นทางแม่น้ำเจ้าพระยาด้วย แต่สำหรับปีนี้สถานการณ์ลูกค้าที่เป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ ลดลง ตามสัดส่วนของตลาด ทำให้ทั้งปีคาดว่านักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเที่ยวทางน้ำจะลดลง กว่า 40% โดย 3 เดือนที่ผ่านมาไม่มียอดจองล่วงหน้า ขณะที่ 2 เดือนสุดท้ายปีนี้ มียอดจองเข้ามาเพียง 25% เทียบกับปี 2550
**จัดแพคเกจเที่ยวทางน้ำราคาถูก
นายประสิทธิ์กล่าวว่า สมาคมได้จับมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยได้รับงบสนับสนุนวงเงิน 2 แสนบาท จัดโครงการ “สายน้ำ สายวัฒนธรรม” โดยนำเสนอแพกเกจท่องเที่ยวทางน้ำเพื่อชมวิถีชีวิต 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา และ คลองในละแวกใกล้เคียงช่วงวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ในราคาคนละ 199 บาท พร้อมอาหาร 1 มื้อ โดยผู้ร่วมเดินทางสามารถ พาเด็กและเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 15 ปี ร่วมเดินทางด้วยได้อีก 4-5 คน โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น
จุดประสงค์โครงการนี้ก็เพื่อต้องการเจาะตลาดคนไทยและกลุ่มครอบครัว ได้ใช้โอกาสเศรษฐกิจในช่วงขาลงนี้ เดินทางท่องเที่ยวและพาบุตรหลายเดินทางทัศนะศึกษาวิถีชีวิตคนไทย 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งโครงการนี้เริ่มตั้งแต่ 31 ต.ค.- สัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ย.นี้ เส้นทางนำเที่ยว นำเสนอ 3 พื้นที่ไฮไลท์ เช่น ศาลเจ้าพ่อกวนอู-สวนสมเด็จย่า ,ชุมชนกุฎีจีน โบสถ์ซานตาครูส วัดกัลยาณมิตร มัสยิดอิสลาม และ อู่เรือพระราชพิธี เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม กิจกรรมที่จัดขึ้นนี้ เพื่อโปรโมตตลาดในประเทศ มาชดเชยตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่หายไป โดยสมาคมตั้งเป้าถึงสิ้นปีนี้ สัดส่วนนักท่องเที่ยวคนไทย จะเป็น 65-70% นักท่องเที่ยวต่างชาติ 30-35% จากในอดีตนักท่องเที่ยวคนไทยจะประมาณ 50-55% ต่างชาติ 45-50%
“โครงการนี้หวังได้คนไทยเป็นทูตในการโปรโมตเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำให้แก่สมาคม โดยมองว่ากลยุทธ์แบบบอกต่อยังสามารถใช้ได้ผลดี และ ถึงกลุ่มผู้บริโภคได้จริง ซึ่งผู้ประกอบการนำเรือมาวิ่งให้ฟรี เพราะปกติก็ไม่มีลูกค้าอยู่แล้ว ส่วนสมาคมนำงบที่ได้จาก ททท.มาจ่ายค่าน้ำมันและอาหารให้ ซึ่งต่อเที่ยวประมาณ 1 หมื่นบาท “