เอ.อาร์.มั่นใจคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2009 ดันยอดได้ 4 พันล้านบาท ท่ามกลางคนชมงาน 1 ล้านคน ส่งตลาดไอทีรวมปิดท้ายปลายปีได้เฉียดฉิว ฟากคู่ค้ายังคงเล่นสงครามราคากันอย่างดุเดือดหวังปิดยอดส่งท้ายปีสวยหรูเช่นกัน
นายปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ.อาร์.อินฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด ผู้จัดงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า จากผลสำรวจทางด้านเศรษฐกิจหลายๆสำนักบอกตรงกันว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังไปได้ดี กำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีคงมีอยู่ เพียงแต่ยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจจับจ่ายมากนัก โดยตลาดไอทีรวมตอนนี้อยู่ที่ 4-6% งานนี้จะเป็นดัชนีชี้วัดช่วงโค้งสุดท้ายของปี ถ้าจบได้สวยตัวเลขตลาดไอทีรวมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
"งานครั้งนี้ยังมั่นใจว่าจะมียอดผู้เข้าชมงานตลอด 4 วันทะลุ 1 ล้านคน เนื่องจากเป็นจังหวะที่มีทั้งระบบปฏิบัติการและสินค้าไอทีใหม่เปิดตัวพร้อมๆกัน ซึ่งทั้งหมดได้มาบรรจบกันที่งานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2009 พอดี ประกอบกับเป็นช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น และมีการอัดฉีดงบกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายไทยเข้มแข็งจากรัฐบาลสู่ภาคประชาชน"
นายปฐมกล่าวต่อว่า ที่มั่นใจยอดใช้จ่ายสินค้าไอทีในงานรวมสูงถึง 4 พันล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมาผู้บริโภคอั้นกำลังซื้อมานาน และคาดว่ากำลังซื้อส่วนใหญ่ในงานจะมาจากทั้งส่วนที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก กับผู้บริโภคทั่วไปในสัดส่วนที่ไม่แตกต่างกันมากนัก โดยโน้ตบุ๊กเป็นสินค้าเด่นที่คาดว่าจะครองอันดับหนึ่งของยอดขายตลอดงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2009 ทั้ง 4 วัน
"ตลาดตอนซูเมอร์โดยรวมทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 5 - 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งงานนี้คิดเป็น 10%ของตลาดรวมคอนซูเมอร์รวมทั้งหมด โดยระดับราคาโน้ตบุ๊กที่คาดว่าผู้บริโภคสนใจจะอยู่ที่ช่วงระดับราคา 23,000 - 25,000 บาท ไม่เกินจากนี้ และส่วนหนึ่งที่ทำให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจดีขึ้นนอกเหนือจากการปิดยอดให้ได้ภายในสิ้นปีของผู้ค้าแล้ว นโยบายไทยเข้มแข็งของรัฐบาลก็มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในงานนี้ด้วย"
ทั้งนี้ เนื่องด้วยความสามารถในการใช้งานที่สูงขึ้นสวนทางกับราคาที่ต่ำลงเป็นอย่างมากจากแรงกดดันของการเร่งทำตลาดเน็ตบุ๊ก ส่วนสินค้าไอทีใหม่ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในงานนี้ คือ คอมพิวเตอร์ระบบทัชสกรีนที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น ปัจจัยหลักมาจากการที่ระบบปฏิบัติการ Windows 7 สามารถรองรับการทำงานหน้าจอระบบสัมผัสได้ ในส่วนของเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปนั้น คาดว่าจะยังคงได้รับความนิยมเช่นกัน แต่จะเน้นความสนใจไปที่ออล อิน วัน พีซี มากขึ้น เพื่อให้เข้ากับที่พักอาศัยที่มีพื้นที่จำกัด เช่น คอนโดมิเนียม ขณะเดียวกันคาดว่ากล้องดิจิตอลจะยังคงได้รับความนิยมไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีกล้องดิจิตอล 3 มิติซึ่งจะเปิดตัวในงานนี้ด้วยราคาที่สามารถแข่งขันได้
"ยอมรับความจริงว่างานนี้ผู้ค้าต้องใช้ราคาเป็นตัวดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค โดยการให้เน็ตบุ๊กซึ่งมีราคาต่ำที่สุดเป็นตัวชูเพื่อให้บริโภคเดินเข้ามาในร้าน เมื่อผู้บริโภคเข้ามาภายในร้านบางรายก็ไม่ได้ซื้อเน็ตบุ๊ก หรือโน้ตบุ๊กราคาต่ำเสมอไป แต่จะหันไปเลือกรุ่นที่มีเทคโนโลยี และสเปกที่ดีกว่าแทน"
ส่วนเรื่องเทคโนโลยี 3G ของทีโอทีที่มีการเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ลองไปสัมผัสใช้ในงาน ผู้จัดงานให้ความเห็นว่า ปัจจุบันดิจิตอลคอนเทนต์(Digital Content) ที่เปิดใช้บริการ 3G ได้แก่ IP TV, Video Clip, เกมออนไลน์ และอื่นอีกมากมาย ล้วนเข้าถึงด้วยอุปกรณ์ไอทีทุกประเภท แต่หากเครือข่ายไร้สายไม่สามารถรองรับดิจิตอลคอนเทนต์เหล่านี้ได้ก็เปล่าประโยชน์ เครือข่าย 3G ของทีโอที จึงแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการใช้งานของระบบสื่อสารในยุคหน้า และจะสร้างประสบการณ์ใหม่กับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี และถ้าเทคโนโลยี 3G มาเมื่อไรจะสามารถช่วยกระตุ้นจีดีพีได้ 0.3 - 1% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
ด้านผู้ค้าไอทีพร้อมใจนำสินค้าใหม่เข้าร่วมงานกว่า 50 รุ่น ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในประวัติการณ์ของงานคอมมาร์ต ทั้งยังเป็นเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อการใช้งานในวงการมากขึ้น เช่น ระบบปฏิบัติการวินโดว์ส 7 และวินโดว์ส โฟน 6.5 ที่จะวางขายครั้งแรกในไทย, เทคโนโลยีซีพียูล่าสุดอินเทล เนฮาเล็ม Core i7 รวมทั้งการเปิดบูธจำหน่ายเครื่องเล่นเพลย์สเตชั่น 3 ครั้งแรกของบริษัท โซนี่ภายในงาน ส่วนราคาโน้ตบุ๊กที่น่าเลือกซื้อต่างประสานเสียงเดียวกันว่าอยู่ที่ระดับราคาไม่เกิน 25,000 บาท โดยเอเซอร์หวังยอดขายภายในงาน 1 หมื่นเครื่อง,โตชิบา 8,000 เครื่อง และเดลล์ 2,500 เครื่อง
นอกจากนี้ในงาน “คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2009” ยังมีการแสดงเทคโนโลยีและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น การมอบรางวัล Computer Today Award 2009, กิจกรรม Commart Auction ร่วมประมูลสินค้าไอที, Commart Buyer’s Guide Corner แนะนำการเลือกซื้อ ตรวจสเปก เช็กเครื่อง เช็กราคา โดยทีมบรรณาธิการนิตยสารคอมมาร์ต กิจกรรม Commart Big Bonus ช้อปสินค้าครบ 3,000 บาท รับคูปองลุ้นโชครับรถยนต์เชฟโรเลต อาวีโอ มูลค่ากว่า 5 แสนบาท พิเศษสุด เพียงแสดงใบเสร็จรับเงิน สามารถซื้อ Cyberdict 10 จากราคา 11900 เพียง 9900 และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
ส่วนกิจกรรมเสวนา และ workshop ที่น่าสนใจ ได้แก่ 3G ใช้อย่างไรให้คุ้มค่า พบกับ 3G Pavilion ที่เปิดอาณาจักรมือถือระบบ 3G หลากหลายแบรนด์ พร้อมเสวนาอัปเดตเทคโนโลยี พร้อมรับระบบ 3G ในเมืองไทย , แกะกล่องลองใช้กับ Windows 7 โอเอสในฝันของทุกคน กับเวิร์กชอปที่เข้าถึงทุกการใช้งาน พร้อมตอบทุกคำถามที่ค้างคาใจ พิเศษ! ลุ้นรับ Click.today 7.0 ฟรี , Windows Phone 6.5 ท้าให้ลอง ทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ ตอบทุกคำถามที่คุณสงสัย โดยบรรณาธิการ Computer.today, Commart และ WM, รวยด้วย SEO ขั้นเทพ เผยทุกความลับของการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อการโปรโมตเว็บไซต์ ทำ E-marketing
งาน "คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2009" จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2552 เวลา 10.00 - 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
นายปฐม อินทโรดม ผู้จัดการทั่วไป บริษัท เอ.อาร์.อินฟอร์เมชัน แอนด์ พับลิเคชัน จำกัด ผู้จัดงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ เปิดเผยว่า จากผลสำรวจทางด้านเศรษฐกิจหลายๆสำนักบอกตรงกันว่า เศรษฐกิจของประเทศไทยกำลังไปได้ดี กำลังซื้อของผู้บริโภคยังมีคงมีอยู่ เพียงแต่ยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจจับจ่ายมากนัก โดยตลาดไอทีรวมตอนนี้อยู่ที่ 4-6% งานนี้จะเป็นดัชนีชี้วัดช่วงโค้งสุดท้ายของปี ถ้าจบได้สวยตัวเลขตลาดไอทีรวมจะดีขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
"งานครั้งนี้ยังมั่นใจว่าจะมียอดผู้เข้าชมงานตลอด 4 วันทะลุ 1 ล้านคน เนื่องจากเป็นจังหวะที่มีทั้งระบบปฏิบัติการและสินค้าไอทีใหม่เปิดตัวพร้อมๆกัน ซึ่งทั้งหมดได้มาบรรจบกันที่งานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2009 พอดี ประกอบกับเป็นช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น และมีการอัดฉีดงบกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายไทยเข้มแข็งจากรัฐบาลสู่ภาคประชาชน"
นายปฐมกล่าวต่อว่า ที่มั่นใจยอดใช้จ่ายสินค้าไอทีในงานรวมสูงถึง 4 พันล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมาผู้บริโภคอั้นกำลังซื้อมานาน และคาดว่ากำลังซื้อส่วนใหญ่ในงานจะมาจากทั้งส่วนที่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก กับผู้บริโภคทั่วไปในสัดส่วนที่ไม่แตกต่างกันมากนัก โดยโน้ตบุ๊กเป็นสินค้าเด่นที่คาดว่าจะครองอันดับหนึ่งของยอดขายตลอดงานคอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2009 ทั้ง 4 วัน
"ตลาดตอนซูเมอร์โดยรวมทั้งปีอยู่ที่ประมาณ 5 - 6 หมื่นล้านบาท ซึ่งงานนี้คิดเป็น 10%ของตลาดรวมคอนซูเมอร์รวมทั้งหมด โดยระดับราคาโน้ตบุ๊กที่คาดว่าผู้บริโภคสนใจจะอยู่ที่ช่วงระดับราคา 23,000 - 25,000 บาท ไม่เกินจากนี้ และส่วนหนึ่งที่ทำให้มั่นใจว่าเศรษฐกิจดีขึ้นนอกเหนือจากการปิดยอดให้ได้ภายในสิ้นปีของผู้ค้าแล้ว นโยบายไทยเข้มแข็งของรัฐบาลก็มีส่วนสำคัญในการกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคในงานนี้ด้วย"
ทั้งนี้ เนื่องด้วยความสามารถในการใช้งานที่สูงขึ้นสวนทางกับราคาที่ต่ำลงเป็นอย่างมากจากแรงกดดันของการเร่งทำตลาดเน็ตบุ๊ก ส่วนสินค้าไอทีใหม่ที่คาดว่าจะได้รับความนิยมในงานนี้ คือ คอมพิวเตอร์ระบบทัชสกรีนที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานมากขึ้น ปัจจัยหลักมาจากการที่ระบบปฏิบัติการ Windows 7 สามารถรองรับการทำงานหน้าจอระบบสัมผัสได้ ในส่วนของเครื่องคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อปนั้น คาดว่าจะยังคงได้รับความนิยมเช่นกัน แต่จะเน้นความสนใจไปที่ออล อิน วัน พีซี มากขึ้น เพื่อให้เข้ากับที่พักอาศัยที่มีพื้นที่จำกัด เช่น คอนโดมิเนียม ขณะเดียวกันคาดว่ากล้องดิจิตอลจะยังคงได้รับความนิยมไม่เปลี่ยนแปลงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีกล้องดิจิตอล 3 มิติซึ่งจะเปิดตัวในงานนี้ด้วยราคาที่สามารถแข่งขันได้
"ยอมรับความจริงว่างานนี้ผู้ค้าต้องใช้ราคาเป็นตัวดึงดูดความสนใจของผู้บริโภค โดยการให้เน็ตบุ๊กซึ่งมีราคาต่ำที่สุดเป็นตัวชูเพื่อให้บริโภคเดินเข้ามาในร้าน เมื่อผู้บริโภคเข้ามาภายในร้านบางรายก็ไม่ได้ซื้อเน็ตบุ๊ก หรือโน้ตบุ๊กราคาต่ำเสมอไป แต่จะหันไปเลือกรุ่นที่มีเทคโนโลยี และสเปกที่ดีกว่าแทน"
ส่วนเรื่องเทคโนโลยี 3G ของทีโอทีที่มีการเปิดให้ผู้ใช้งานทั่วไปได้ลองไปสัมผัสใช้ในงาน ผู้จัดงานให้ความเห็นว่า ปัจจุบันดิจิตอลคอนเทนต์(Digital Content) ที่เปิดใช้บริการ 3G ได้แก่ IP TV, Video Clip, เกมออนไลน์ และอื่นอีกมากมาย ล้วนเข้าถึงด้วยอุปกรณ์ไอทีทุกประเภท แต่หากเครือข่ายไร้สายไม่สามารถรองรับดิจิตอลคอนเทนต์เหล่านี้ได้ก็เปล่าประโยชน์ เครือข่าย 3G ของทีโอที จึงแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพการใช้งานของระบบสื่อสารในยุคหน้า และจะสร้างประสบการณ์ใหม่กับผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี นับว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี และถ้าเทคโนโลยี 3G มาเมื่อไรจะสามารถช่วยกระตุ้นจีดีพีได้ 0.3 - 1% ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
ด้านผู้ค้าไอทีพร้อมใจนำสินค้าใหม่เข้าร่วมงานกว่า 50 รุ่น ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในประวัติการณ์ของงานคอมมาร์ต ทั้งยังเป็นเทคโนโลยีที่มีผลกระทบต่อการใช้งานในวงการมากขึ้น เช่น ระบบปฏิบัติการวินโดว์ส 7 และวินโดว์ส โฟน 6.5 ที่จะวางขายครั้งแรกในไทย, เทคโนโลยีซีพียูล่าสุดอินเทล เนฮาเล็ม Core i7 รวมทั้งการเปิดบูธจำหน่ายเครื่องเล่นเพลย์สเตชั่น 3 ครั้งแรกของบริษัท โซนี่ภายในงาน ส่วนราคาโน้ตบุ๊กที่น่าเลือกซื้อต่างประสานเสียงเดียวกันว่าอยู่ที่ระดับราคาไม่เกิน 25,000 บาท โดยเอเซอร์หวังยอดขายภายในงาน 1 หมื่นเครื่อง,โตชิบา 8,000 เครื่อง และเดลล์ 2,500 เครื่อง
นอกจากนี้ในงาน “คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2009” ยังมีการแสดงเทคโนโลยีและกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย เช่น การมอบรางวัล Computer Today Award 2009, กิจกรรม Commart Auction ร่วมประมูลสินค้าไอที, Commart Buyer’s Guide Corner แนะนำการเลือกซื้อ ตรวจสเปก เช็กเครื่อง เช็กราคา โดยทีมบรรณาธิการนิตยสารคอมมาร์ต กิจกรรม Commart Big Bonus ช้อปสินค้าครบ 3,000 บาท รับคูปองลุ้นโชครับรถยนต์เชฟโรเลต อาวีโอ มูลค่ากว่า 5 แสนบาท พิเศษสุด เพียงแสดงใบเสร็จรับเงิน สามารถซื้อ Cyberdict 10 จากราคา 11900 เพียง 9900 และรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
ส่วนกิจกรรมเสวนา และ workshop ที่น่าสนใจ ได้แก่ 3G ใช้อย่างไรให้คุ้มค่า พบกับ 3G Pavilion ที่เปิดอาณาจักรมือถือระบบ 3G หลากหลายแบรนด์ พร้อมเสวนาอัปเดตเทคโนโลยี พร้อมรับระบบ 3G ในเมืองไทย , แกะกล่องลองใช้กับ Windows 7 โอเอสในฝันของทุกคน กับเวิร์กชอปที่เข้าถึงทุกการใช้งาน พร้อมตอบทุกคำถามที่ค้างคาใจ พิเศษ! ลุ้นรับ Click.today 7.0 ฟรี , Windows Phone 6.5 ท้าให้ลอง ทุกเรื่องที่คุณอยากรู้ ตอบทุกคำถามที่คุณสงสัย โดยบรรณาธิการ Computer.today, Commart และ WM, รวยด้วย SEO ขั้นเทพ เผยทุกความลับของการทำ SEO (Search Engine Optimization) เพื่อการโปรโมตเว็บไซต์ ทำ E-marketing
งาน "คอมมาร์ต คอมเทค ไทยแลนด์ 2009" จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2552 เวลา 10.00 - 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
