มีเดีย ออฟ มีเดียส์ พร้อมปรับธุรกิจสื่อ ให้อยู่ภายใต้บริษัทลูกชื่อ “มีเดียสตูดิโอ” กุมบังเหียนโดย “ชาลอต โทณวณิก” ส่วนจะหลุดจากมีเดียส์หรือไม่ ก.พ.นี้รู้ผล ภายหลัง ล่าสุด บริษัทกว้านเข้าซื้อหุ้นและทรัพย์สินหลายรายการจากกลุ่มเจริญกฤษ โฟกัส ลุยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เต็มสูบแทน
นางชาลอต โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมบริษัท เห็นชอบในการเข้าไปซื้อหุ้นและสินทรัพย์โครงการอสังหาริมทรัพย์จากกลุ่มเจริญกฤษนั้น ส่งผลให้ทิศทางการดำเนินธุรกิจของมีเดียส์จะหันไปโฟกัสธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แทน โดยยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจสื่อต่อไป แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูนโยบาย จากคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจนในเดือน ก.พ.2553ว่า จะโฟกัสธุรกิจสื่อนี้ให้ไปทางทิศใด จะยังคงเอาไว้เป็นหนึ่งในธุรกิจของมีเดียส์ต่อไป หรือจะถอดออกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจสื่อจะมีการปรับโครงสร้างการทำงานกันใหม่ จากเดิมก่อนมีเดียส์เข้าไปซื้อหุ้น มีบริษัทในเครือ 4 บริษัท คือ มีเดีย สตูดิโอ ถือหุ้น 100%, เขาเขียว คันทรี่คลับ ถือหุ้น 70.28%, เอ็ม แอนด์ ดี เอนเตอร์เทนเมนท์ ถือหุ้น 80.00% และ อิลูร่า (ประเทศไทย) ถือหุ้น 35% จากนี้ไปธุรกิจสื่อทั้งหมด จะบริหารการทำงาน ภายใต้บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด เพียงบริษัทเดียว ซึ่งตนยังคงโฟกัสการบริหารงานพร้อมผู้บริหารชุดเดิม ส่วนธุรกิจสนามกอล์ฟ ยังคงดำเนินงานภายใต้บริษัท เขาเขียว คันทรี กอล์ฟ จำกัด เช่นเดิม
นางชาลอต กล่าวต่อว่า ถึงแม้ภาพรวมบริษัทจะมุ่งไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ในส่วนของธุรกิจสื่อ ที่ผ่านมา คณะกรรมการชุดเดิมยังเห็นชอบในการลงทุนและมองเห็นความแข็งแกร่งมากขึ้นในธุรกิจสื่อนี้ โดยเฉพาะในปีนี้ ภาพของธุรกิจสื่อมีความแข็งแกร่งขึ้นมาก ทั้งรายการโทรทัศน์ 3 รายการ รวมถึงรายการข่าวอีก 3 รายการ ที่มีเรตติ้งเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งขณะนี้ได้ขอเวลาผลิตรายการเพิ่มอีก 1 รายการ จากทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 7 จะทราบผลภายในเดือน พ.ย.นี้ว่าจะได้หรือไม่ ถ้าได้รายการใหม่นี้จะเริ่มออกอากาศในผังรายการใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป ส่วนรายการข่าว หลังจากที่มีเรตติ้งดี บริษัทเตรียมขอเวลาการออกอากาศเพิ่ม โดยเฉพาะรายการ ประเด็นเด็ด 7 สี จากเดิมออกอากาศ 4 วัน อยากได้เพิ่มอีก 2 วัน รวมเป็น 6 วัน
ทางด้านเคเบิลทีวี ยังคงเห็นทิศทางการเติบโตที่ดีอยู่ ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากเคเบิลทีวี 60 ล้านบาท ซึ่งในปีหน้าจะเพิ่มช่องรายการทางเคเบิลทีวีอีก 1 ช่องด้วย ภายใต้ชื่อ ยู-แคมปัส ชาแนล โดยมองว่าปีหน้าเม็ดเงินโฆษณารวมในสื่อเคเบิลทีวีจะสูงถึง 1,000 ล้านบาท จากปีนี้อยู่ที่ 500 ล้านบาท เกิดจากผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีช่องรายการ ที ชาแนล ซึ่งออกอากาศทางทรูวิชั่นส์ ขณะนี้กำลังเจรจาขอต่อสัญญาผลิตรายการต่อไป เนื่องจากทางทรูวิชั่นส์สามารถมีโฆษณาได้แล้ว
ส่วนแผนการลงทุนนอกเหนือจากที่กล่าวมา ในปีหน้าเตรียมส่งแผนไปยังคณะกรรมการบริษัท ของบสร้างสตูดิโอและสถานที่ตั้งบริษัทใหม่ด้วย แต่ทั้งนี้ ต้องรอดูนโยบายจากทางคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ก่อน อย่างไรก็ตามสำหรับผลประกอบการในกลุ่มธุรกิจสื่อ สิ้นปีนี้ คาดว่าจะเป็นไปตามแผนเดิมที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี กับยอดการเติบโตประมาณ 10-15% คิดเป็นมูลค่า 1,000 กว่าล้านบาท มาจากรายการโทรทัศน์กว่ามากกว่า 80% ที่เหลือมาจากเคเบิลทีวี ส่วนปีหน้าเชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกัน
นางชาลอต โทณวณิก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมบริษัท เห็นชอบในการเข้าไปซื้อหุ้นและสินทรัพย์โครงการอสังหาริมทรัพย์จากกลุ่มเจริญกฤษนั้น ส่งผลให้ทิศทางการดำเนินธุรกิจของมีเดียส์จะหันไปโฟกัสธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์แทน โดยยังคงให้ความสำคัญกับธุรกิจสื่อต่อไป แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูนโยบาย จากคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ ซึ่งน่าจะเห็นความชัดเจนในเดือน ก.พ.2553ว่า จะโฟกัสธุรกิจสื่อนี้ให้ไปทางทิศใด จะยังคงเอาไว้เป็นหนึ่งในธุรกิจของมีเดียส์ต่อไป หรือจะถอดออกหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจสื่อจะมีการปรับโครงสร้างการทำงานกันใหม่ จากเดิมก่อนมีเดียส์เข้าไปซื้อหุ้น มีบริษัทในเครือ 4 บริษัท คือ มีเดีย สตูดิโอ ถือหุ้น 100%, เขาเขียว คันทรี่คลับ ถือหุ้น 70.28%, เอ็ม แอนด์ ดี เอนเตอร์เทนเมนท์ ถือหุ้น 80.00% และ อิลูร่า (ประเทศไทย) ถือหุ้น 35% จากนี้ไปธุรกิจสื่อทั้งหมด จะบริหารการทำงาน ภายใต้บริษัท มีเดีย สตูดิโอ จำกัด เพียงบริษัทเดียว ซึ่งตนยังคงโฟกัสการบริหารงานพร้อมผู้บริหารชุดเดิม ส่วนธุรกิจสนามกอล์ฟ ยังคงดำเนินงานภายใต้บริษัท เขาเขียว คันทรี กอล์ฟ จำกัด เช่นเดิม
นางชาลอต กล่าวต่อว่า ถึงแม้ภาพรวมบริษัทจะมุ่งไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ในส่วนของธุรกิจสื่อ ที่ผ่านมา คณะกรรมการชุดเดิมยังเห็นชอบในการลงทุนและมองเห็นความแข็งแกร่งมากขึ้นในธุรกิจสื่อนี้ โดยเฉพาะในปีนี้ ภาพของธุรกิจสื่อมีความแข็งแกร่งขึ้นมาก ทั้งรายการโทรทัศน์ 3 รายการ รวมถึงรายการข่าวอีก 3 รายการ ที่มีเรตติ้งเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งขณะนี้ได้ขอเวลาผลิตรายการเพิ่มอีก 1 รายการ จากทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 7 จะทราบผลภายในเดือน พ.ย.นี้ว่าจะได้หรือไม่ ถ้าได้รายการใหม่นี้จะเริ่มออกอากาศในผังรายการใหม่ตั้งแต่เดือน ม.ค.ปีหน้าเป็นต้นไป ส่วนรายการข่าว หลังจากที่มีเรตติ้งดี บริษัทเตรียมขอเวลาการออกอากาศเพิ่ม โดยเฉพาะรายการ ประเด็นเด็ด 7 สี จากเดิมออกอากาศ 4 วัน อยากได้เพิ่มอีก 2 วัน รวมเป็น 6 วัน
ทางด้านเคเบิลทีวี ยังคงเห็นทิศทางการเติบโตที่ดีอยู่ ปีนี้คาดว่าจะมีรายได้จากเคเบิลทีวี 60 ล้านบาท ซึ่งในปีหน้าจะเพิ่มช่องรายการทางเคเบิลทีวีอีก 1 ช่องด้วย ภายใต้ชื่อ ยู-แคมปัส ชาแนล โดยมองว่าปีหน้าเม็ดเงินโฆษณารวมในสื่อเคเบิลทีวีจะสูงถึง 1,000 ล้านบาท จากปีนี้อยู่ที่ 500 ล้านบาท เกิดจากผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีช่องรายการ ที ชาแนล ซึ่งออกอากาศทางทรูวิชั่นส์ ขณะนี้กำลังเจรจาขอต่อสัญญาผลิตรายการต่อไป เนื่องจากทางทรูวิชั่นส์สามารถมีโฆษณาได้แล้ว
ส่วนแผนการลงทุนนอกเหนือจากที่กล่าวมา ในปีหน้าเตรียมส่งแผนไปยังคณะกรรมการบริษัท ของบสร้างสตูดิโอและสถานที่ตั้งบริษัทใหม่ด้วย แต่ทั้งนี้ ต้องรอดูนโยบายจากทางคณะกรรมการบริษัทชุดใหม่ก่อน อย่างไรก็ตามสำหรับผลประกอบการในกลุ่มธุรกิจสื่อ สิ้นปีนี้ คาดว่าจะเป็นไปตามแผนเดิมที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี กับยอดการเติบโตประมาณ 10-15% คิดเป็นมูลค่า 1,000 กว่าล้านบาท มาจากรายการโทรทัศน์กว่ามากกว่า 80% ที่เหลือมาจากเคเบิลทีวี ส่วนปีหน้าเชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตใกล้เคียงกัน
