โตชิบา เปิดตัวโน้ตบุ๊กบางเบารุ่นใหม่อายุใช้งานแบตเตอรี่ 11 ชั่วโมงต่อเนื่อง ราคาเริ่มที่ 23,900 บาท ไม่รวมภาษี มั่นใจเป็นเรือธงนำยอดขายโน้ตบุ๊กแบรนด์โตชิบาได้เกิน 8,000 เครื่อง ในงานคอมมาร์ตที่จะถึงนี้ ยอมรับจากนี้โน้ตบุ๊กบางเบาจะกลืนตลาดเน็ตบุ๊กเต็มตัวในปีหน้า แต่ยังปากแข็งไม่ยอมเผยว่าโตชิบาจะลดราคาเน็ตบุ๊กตัวเล็กลงเท่าใด และเมื่อใด
นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ตระกูล Protege Slim ว่า จำนวนชั่วโมงแบตเตอรี่ 11 ชั่วโมงของโตชิบานี้ ถือว่าเหนือกว่าโน้ตบุ๊กรุ่นใดๆ ในตลาดไทยขณะนี้ และไม่หวั่นใจว่าจะมีข้อครหาเรื่องการอ้างจำนวนชั่วโมงเกินจริง แม้ว่าการใช้งานจริงจะไม่ถึง
“ตัวเลข 11 ชั่วโมงนี้เราได้จากการทดสอบด้วยโปรแกรม MobileMask ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางของการทดสอบแบตเตอรี่ในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเกือบทุกค่ายอยู่แล้ว หากใช้งานแบบไม่มีเงื่อนไข จะได้ประมาณ 7-8 ชั่วโมง”
คุณสมบัติแบตเตอรี่สุดอึดนี้อยู่ในโน้ตบุ๊ก Protege T130 และ T110 ทั้งสองรุ่นมีขนาดบางกว่า 1 นิ้ว เบากว่า 1.58 กิโลกรัม มาพร้อมเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้มีแบตเตอรี่ทนทายาดคือ โปรเซสเซอร์ Intel Ultra-low Voltage หรือ ULV
“โน้ตบุ๊กบางเบากลุ่ม ULV เชื่อว่า จะกินสัดส่วนตลาดโน้ตบุ๊กได้เกิน 25% ในปีหน้า ตลาดเน็ตบุ๊กจะถูกกินไป แต่ถามว่าจะหายไปเลยหรือไม่ยังตอบไม่ได้ 75% ที่เหลือเชื่อว่าจะเป็นโน้ตบุ๊กรุ่นใหญ่ขนาด 14 นิ้วขึ้นไป ซึ่งตอนนี้ในไทยเริ่มมีให้เห็นแล้ว เช่น รุ่นที่มีหน้าจอเกิน 15.6 นิ้วขึ้นไป ซึ่งโตชิบาก็เล่นอยู่ในตลาดนี้” ถกล กล่าว
แม้จะยอมรับว่า ตลาดเน็ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์พกพาตัวเล็กที่มีประสิทธิภาพ และราคาน้อยกว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กนั้นจะลดบทบาทลง แต่ ถกล ไม่ยอมให้รายละเอียดว่า โตชิบาจะลดราคาเน็ตบุ๊กของตัวเองลง เพื่อกระตุ้นตลาด หรือกระจายสินค้า หรือไม่อย่างไร ระบุเพียงว่า จะได้เห็นหลายค่ายหาทางรอดให้ผลิตภัณฑ์เน็ตบุ๊กของตัวเองด้วยการขยายหน้าจอ ลดฟังก์ชัน และลดราคา
“ส่วนแบ่งตลาดของโตชิบาขณะนี้ ตามตัวเลขของไอดีซีเรามีอยู่ประมาณ 8% ปีนี้เรามั่นใจว่าจะเพิ่มได้เป็น 10% และจะดันให้เพิ่มเป็น 15% ในปีหน้า เป็นผู้จำหน่ายพีซีอันดับที่ 3 ให้ได้”
ถกล เชื่อว่า โน้ตบุ๊ก 11 ชั่วโมง จะเปลี่ยนแปลงสัดส่วนรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กของโตชิบาในอนาคต โดยจากรายได้กว่า 90% ของโตชิบาที่มาจากตลาดโน้ตบุ๊ก รายได้จากโน้ตบุ๊กตระกูล Satellite ซึ่งส่วนใหญ่ยังมีขนาดใหญ่และไม่มีคุณสมบัติที่เน้นการพกพาและประหยัดพลังงานมากนัก และตระกูล Protege ที่เน้นการพกพามากกว่านั้นอยู่ในสัดส่วน 80-20 มาตลอด แต่หลังจากนี้ โตชิบาเชื่อว่าสัดส่วนจะเปลี่ยนเป็น 70-30 ตามภาวะตลาดที่เปลี่ยนไป
“โน้ตบุ๊กที่เราเปิดตัวในวันนี้จะไปจำหน่ายในงานคอมมาร์ต วันที่ 5-8 พ.ย.ด้วย เราจับมือกับพันธมิตรค่อนข้างครบ เช่น จับมือกับเอไอเอส ทำโปรโมชันแอร์การ์ด จับมือกับไมโครซอฟท์ทำโปรโมชันโปรแกรมออฟฟิศ เชื่อว่า จะได้รับเสียงตอบรับดี เราหวังเป้ายอดขายโน้ตบุ๊กในงานที่ 8,000 ตัว จากเดิมที่ทำได้ 7,000 กว่าตัวมาตลอด”
T130 หน้าจอ 13.3 นิ้วและ T110 หน้าจอ 11.6 นิ้ว จะมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 7 Home Premuim โปรแกรม Office Professional 2007 และ Norton Internet Security เวอร์ชันทดลองอายุ 2 เดือน
นอกจากเปิดตัวโน้ตบุ๊กบางเบา งานนี้โตชิบายังเปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่น Satellite M500 และ L510 ซึ่งโตชิบาเปิดตัวไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา แต่เพิ่มจำนวนสี ปรับคีย์บอร์ดใหม่ และเพิ่มคุณสมบัติแบตเตอรี่ให้นานขึ้น
ในส่วนธุรกิจอื่นนอกเหนือจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ประชาสัมพันธ์โตชิบา ระบุว่า จะมีการแถลงทิศทางภาพใหญ่ของโตชิบาในปีหน้าอย่างเป็นทางการช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเบื้องต้น ถกล ระบุว่า ผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ของโตชิบาในประเทศไทยจะยังมีอยู่ต่อไป แม้จะวางจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวในขณะนี้
นายถกล นิยมไทย ผู้จัดการประจำประเทศไทย ฝ่ายธุรกิจเทคโนโลยี บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด ให้สัมภาษณ์ระหว่างการเปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่นใหม่ ตระกูล Protege Slim ว่า จำนวนชั่วโมงแบตเตอรี่ 11 ชั่วโมงของโตชิบานี้ ถือว่าเหนือกว่าโน้ตบุ๊กรุ่นใดๆ ในตลาดไทยขณะนี้ และไม่หวั่นใจว่าจะมีข้อครหาเรื่องการอ้างจำนวนชั่วโมงเกินจริง แม้ว่าการใช้งานจริงจะไม่ถึง
“ตัวเลข 11 ชั่วโมงนี้เราได้จากการทดสอบด้วยโปรแกรม MobileMask ซึ่งเป็นมาตรฐานกลางของการทดสอบแบตเตอรี่ในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเกือบทุกค่ายอยู่แล้ว หากใช้งานแบบไม่มีเงื่อนไข จะได้ประมาณ 7-8 ชั่วโมง”
คุณสมบัติแบตเตอรี่สุดอึดนี้อยู่ในโน้ตบุ๊ก Protege T130 และ T110 ทั้งสองรุ่นมีขนาดบางกว่า 1 นิ้ว เบากว่า 1.58 กิโลกรัม มาพร้อมเคล็ดลับสำคัญที่ทำให้มีแบตเตอรี่ทนทายาดคือ โปรเซสเซอร์ Intel Ultra-low Voltage หรือ ULV
“โน้ตบุ๊กบางเบากลุ่ม ULV เชื่อว่า จะกินสัดส่วนตลาดโน้ตบุ๊กได้เกิน 25% ในปีหน้า ตลาดเน็ตบุ๊กจะถูกกินไป แต่ถามว่าจะหายไปเลยหรือไม่ยังตอบไม่ได้ 75% ที่เหลือเชื่อว่าจะเป็นโน้ตบุ๊กรุ่นใหญ่ขนาด 14 นิ้วขึ้นไป ซึ่งตอนนี้ในไทยเริ่มมีให้เห็นแล้ว เช่น รุ่นที่มีหน้าจอเกิน 15.6 นิ้วขึ้นไป ซึ่งโตชิบาก็เล่นอยู่ในตลาดนี้” ถกล กล่าว
แม้จะยอมรับว่า ตลาดเน็ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์พกพาตัวเล็กที่มีประสิทธิภาพ และราคาน้อยกว่าคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กนั้นจะลดบทบาทลง แต่ ถกล ไม่ยอมให้รายละเอียดว่า โตชิบาจะลดราคาเน็ตบุ๊กของตัวเองลง เพื่อกระตุ้นตลาด หรือกระจายสินค้า หรือไม่อย่างไร ระบุเพียงว่า จะได้เห็นหลายค่ายหาทางรอดให้ผลิตภัณฑ์เน็ตบุ๊กของตัวเองด้วยการขยายหน้าจอ ลดฟังก์ชัน และลดราคา
“ส่วนแบ่งตลาดของโตชิบาขณะนี้ ตามตัวเลขของไอดีซีเรามีอยู่ประมาณ 8% ปีนี้เรามั่นใจว่าจะเพิ่มได้เป็น 10% และจะดันให้เพิ่มเป็น 15% ในปีหน้า เป็นผู้จำหน่ายพีซีอันดับที่ 3 ให้ได้”
ถกล เชื่อว่า โน้ตบุ๊ก 11 ชั่วโมง จะเปลี่ยนแปลงสัดส่วนรายได้กลุ่มผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กของโตชิบาในอนาคต โดยจากรายได้กว่า 90% ของโตชิบาที่มาจากตลาดโน้ตบุ๊ก รายได้จากโน้ตบุ๊กตระกูล Satellite ซึ่งส่วนใหญ่ยังมีขนาดใหญ่และไม่มีคุณสมบัติที่เน้นการพกพาและประหยัดพลังงานมากนัก และตระกูล Protege ที่เน้นการพกพามากกว่านั้นอยู่ในสัดส่วน 80-20 มาตลอด แต่หลังจากนี้ โตชิบาเชื่อว่าสัดส่วนจะเปลี่ยนเป็น 70-30 ตามภาวะตลาดที่เปลี่ยนไป
“โน้ตบุ๊กที่เราเปิดตัวในวันนี้จะไปจำหน่ายในงานคอมมาร์ต วันที่ 5-8 พ.ย.ด้วย เราจับมือกับพันธมิตรค่อนข้างครบ เช่น จับมือกับเอไอเอส ทำโปรโมชันแอร์การ์ด จับมือกับไมโครซอฟท์ทำโปรโมชันโปรแกรมออฟฟิศ เชื่อว่า จะได้รับเสียงตอบรับดี เราหวังเป้ายอดขายโน้ตบุ๊กในงานที่ 8,000 ตัว จากเดิมที่ทำได้ 7,000 กว่าตัวมาตลอด”
T130 หน้าจอ 13.3 นิ้วและ T110 หน้าจอ 11.6 นิ้ว จะมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Windows 7 Home Premuim โปรแกรม Office Professional 2007 และ Norton Internet Security เวอร์ชันทดลองอายุ 2 เดือน
นอกจากเปิดตัวโน้ตบุ๊กบางเบา งานนี้โตชิบายังเปิดตัวโน้ตบุ๊กรุ่น Satellite M500 และ L510 ซึ่งโตชิบาเปิดตัวไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา แต่เพิ่มจำนวนสี ปรับคีย์บอร์ดใหม่ และเพิ่มคุณสมบัติแบตเตอรี่ให้นานขึ้น
ในส่วนธุรกิจอื่นนอกเหนือจากคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ประชาสัมพันธ์โตชิบา ระบุว่า จะมีการแถลงทิศทางภาพใหญ่ของโตชิบาในปีหน้าอย่างเป็นทางการช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเบื้องต้น ถกล ระบุว่า ผลิตภัณฑ์โทรศัพท์เคลื่อนที่ของโตชิบาในประเทศไทยจะยังมีอยู่ต่อไป แม้จะวางจำหน่ายเพียงรุ่นเดียวในขณะนี้