สภาหอการค้าฯ แนะภาคธุรกิจ อุตสาหกรรม และภาคเกษตร ถึงเวลาต้องปรับโครงสร้างผลิต ก่อนเปิดเสรีการค้า 1 ม.ค.53 ตามกรอบอาฟตา ซึ่งจะลดภาษีเหลือ 0% ถือเป็นสิ่งท้าทายสำหรับสินค้าไทยที่จะต้องมีมาตรฐาน คุณภาพดี รวมทั้งเป็นสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานเสวนา “อนาคตการเกษตรไทยภายใต้ข้อตกลงอาฟต้า” ในงาน “ก้าวสู่ 44 ปี ธ.ก.ส.กับผลิตภัณฑ์ตำบลไทย ความภูมิใจของแผ่นดิน” โดยกล่าวย้ำว่า คนไทยกำลังหวั่นวิตกภายใต้ข้อตกลงต่างๆ โดยเฉพาะอาฟต้าที่จะปรับลดภาษีเหลือร้อยละ 0 วันที่ 1 มกราคม 2553 อาจกระทบต่อภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมการเกษตรของไทย
นายพรศิลป์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงภายใต้ข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรีที่จะลดภาษีเหลือร้อยละ 0 ตั้งแต่ปี 2553 หรือข้อตกลงภายใต้กรอบอื่นๆ ในอีก 10 ปีข้างหน้าก็จะมีผลในทางปฏิบัติในสินค้าทุกกลุ่มเหลือร้อยละ 0 ซึ่งในเรื่องภาษีคนไทยไม่ควรวิตกมากเกินไป เพราะภาษีไม่ใช่อุปสรรค แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าตั้งแต่เกษตรกรจนถึงอุตสาหกรรมต่างๆ จะมีการปรับแนวทางการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้อย่างไร โดยเห็นว่าไทยจะต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตและถึงเวลาที่จะต้องปรับปรุงคุณภาพการผลิตสินค้า การเกษตรและอุตสาหกรรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน เพราะเชื่อว่าแม้สินค้าหลายประเทศจะเข้ามาในไทย หรือสินค้าไทยหลั่งไหลไปในประเทศต่างๆ
สำหรับสิ่งที่ผู้บริโภคควรคำนึงถึง คือ ภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียนจะมีประชากรรวมกันมากกว่า 560 ล้านคน และอีก 10 ปีข้างหน้าภายใต้กรอบอื่นๆ ทั่วโลกก็จะมีประชากรรวมกันกว่า 3,000 ล้านคน จึงเป็นสิ่งท้าทายสำหรับสินค้าไทยที่จะต้องมีมาตรฐาน คุณภาพดี รวมทั้งเป็นสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไทยต้องเร่งปรับปรุงการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานและยั่งยืน และที่สำคัญสินค้าเกษตรไทยจะเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ไทยต้องดูแลทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำ เพราะเป็นขบวนการสำคัญในการผลิตและต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิต โดยไทยจะยึดแบบเดิมในอดีตไม่ได้แล้วต้องตามเทคโนโลยีให้ทัน
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล กรรมการรองเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวในงานเสวนา “อนาคตการเกษตรไทยภายใต้ข้อตกลงอาฟต้า” ในงาน “ก้าวสู่ 44 ปี ธ.ก.ส.กับผลิตภัณฑ์ตำบลไทย ความภูมิใจของแผ่นดิน” โดยกล่าวย้ำว่า คนไทยกำลังหวั่นวิตกภายใต้ข้อตกลงต่างๆ โดยเฉพาะอาฟต้าที่จะปรับลดภาษีเหลือร้อยละ 0 วันที่ 1 มกราคม 2553 อาจกระทบต่อภาคธุรกิจ อุตสาหกรรมการเกษตรของไทย
นายพรศิลป์ กล่าวว่า ข้อเท็จจริงภายใต้ข้อตกลงเปิดเขตการค้าเสรีที่จะลดภาษีเหลือร้อยละ 0 ตั้งแต่ปี 2553 หรือข้อตกลงภายใต้กรอบอื่นๆ ในอีก 10 ปีข้างหน้าก็จะมีผลในทางปฏิบัติในสินค้าทุกกลุ่มเหลือร้อยละ 0 ซึ่งในเรื่องภาษีคนไทยไม่ควรวิตกมากเกินไป เพราะภาษีไม่ใช่อุปสรรค แต่ประเด็นอยู่ที่ว่าตั้งแต่เกษตรกรจนถึงอุตสาหกรรมต่างๆ จะมีการปรับแนวทางการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้อย่างไร โดยเห็นว่าไทยจะต้องเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิตและถึงเวลาที่จะต้องปรับปรุงคุณภาพการผลิตสินค้า การเกษตรและอุตสาหกรรม ให้เป็นไปตามมาตรฐาน เพราะเชื่อว่าแม้สินค้าหลายประเทศจะเข้ามาในไทย หรือสินค้าไทยหลั่งไหลไปในประเทศต่างๆ
สำหรับสิ่งที่ผู้บริโภคควรคำนึงถึง คือ ภายใต้กรอบความร่วมมืออาเซียนจะมีประชากรรวมกันมากกว่า 560 ล้านคน และอีก 10 ปีข้างหน้าภายใต้กรอบอื่นๆ ทั่วโลกก็จะมีประชากรรวมกันกว่า 3,000 ล้านคน จึงเป็นสิ่งท้าทายสำหรับสินค้าไทยที่จะต้องมีมาตรฐาน คุณภาพดี รวมทั้งเป็นสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยไทยต้องเร่งปรับปรุงการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานและยั่งยืน และที่สำคัญสินค้าเกษตรไทยจะเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลก ไทยต้องดูแลทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำ เพราะเป็นขบวนการสำคัญในการผลิตและต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการผลิต โดยไทยจะยึดแบบเดิมในอดีตไม่ได้แล้วต้องตามเทคโนโลยีให้ทัน
