xs
xsm
sm
md
lg

“แอลเอ็มอี” คว้าสิทธิ์เอฟแฟชั่น จ่อขายไลเซนส์เวียดนาม-มาเลเซีย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“แอลเอ็มอี” ไม่หวั่นปัจจัยลบเศรษฐกิจและการเมือง เดินหน้ารุกตลาดต่อเนื่อง เดือนเหน้าเผยโฉมไลเซนส์แบรนด์ใหม่ “เอฟแฟชั่น” เสริมพอร์ตโฟลิโอเป็นแบรนด์ที่ 7 พร้อมลุยขายแฟรนไชส์ไลเซนส์เล็งที่เวียดนามและมาเลเซีย

นางวรวรรณ คงปักไพศาล กรรมการบริหาร บริษัท แอล เอ็ม อี จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแฟชั่น เปิดเผยว่า บริษัทยังคงเดินหน้าทำตลาดต่อเนื่อง แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองในไทยจะไม่ดี และเป็นปัจจัยลบต่อตลาดรวมเสื้อผ้าแฟชั่นนอย่างมากก็ตาม โดยบริษัทจะยังมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้า การเพิ่มแบรนด์ใหม่ๆ การเพิ่มช่องทางการจำหน่าย การบริหารภายในองค์กร การบริหารซัปพลายเชน กิจกรรมทางการตลาด

ส่วนในตลาดต่างประเทศ บริษัทมีเป้าหมายที่จะขายแฟรนไชส์ไลเซนส์เพิ่มขึ้นอีก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ในตลาดใหม่คือ ประเทศเวียดนามและมาเลเซีย จากปัจจุบันที่มีการให้แฟรนไชส์ไลเซ่นส์ไปแล้วที่ ฟิลิปปินส์ เปิดแล้ว 12 สาขา และที่อินโดนีเซีย เปิดแล้ว 4 สาขา

“จริงๆ แล้วตอนนี้ ผู้บริโภคมีเงิน มีกำลังซื้อ เพียงแต่ว่าไม่มีอารมณ์ในการจับจ่ายเท่านั้นเอง เพราะว่าบรรยากาศทั้งเศรษฐกิจและการเมืองก็ยังเป็นปัญหาอยู่ แต่ในแง่ของธุรกิจ เราก็ต้องลงทุนและทำตลาดต่อเนื่อง จะอยู่เฉยไม่ได้” นางวรวรรณ กล่าว ล่าสุด ในเดือนพฤศจิกายนนี้ บริษัทก็เตรียมที่จะเปิดตัวเสื้อผ้าแบรนด์ใหม่ คือ “F Fashion” ที่ได้รับลิขสิทธิ์มาจากฝรั่งเศส โดยผลิตและจำหน่ายในไทยเท่านั้น ส่วนดิสทริบิวเตอร์เอฟแฟชั่นทั่วโลกต้องมาสั่งซื้อจากไทยเท่านั้น แต่เราห้ามเอาไปจำหน่ายเองที่ต่างประเทศ ซึ่งแบรนด์ใหม่นี้เป็นแบรนด์ที่ 7 แล้วในบริษัทเรา

ปัจจุบันบริษัทมีเสื้อผ้าแฟชั่นทำตลาด ประกอบด้วย แบรนด์ที่เป็นของบริษัทเอง 5 แบรนด์ คือ 1.อีเอสพี เสื้อผ้าผู้หญิงและผู้ชายแนวสตรีทลักซ์ชัวรี่ ราคา 1,395-3,995 บาท และราคา 1,395-3,495 บาทตามลำดับ สัดส่วนรายได้ 23% 2.เอสพาด้า เสื้อผ้าผู้หญิงแนวลักซ์ชัวรี่ ราคา 1,690-3,990 บาท สัดส่วนรายได้ 22% 3.อีพี เสื้อผ้าผู้หญิงแนวเออร์เบินชิค ราคา 1,695-3,995 บาท สัดส่วนรายได้ 18% 4.แอลทีดี เสื้อผ้าผู้ชาย แนวสตรีทลักซ์ชัวรี่ ราคา 1,395-3,095 บาท สัดส่วนรายได้ 13% 5.ร็อคเอ็กซ์เพรส ยีนส์ทั้งผู้ชายและผู้หญิง ราคา 1,390-2,690 บาท สัดส่วนรายได้ 10% และ 6.เป็นแบรนด์ที่นำเข้าจากอิสราเอล คือ ฟ๊อกซ์ เสื้อผ้าผู้ชายและผู้หญิง สไตล์สตรีทลักซ์ชัวรี่ ราคา1,490-5,900 บาท และราคา 1,390-4,290 บาท ตามลำดับ สัดส่วนรายได้ 14% ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯได้ทำการปรับราคาขึ้นเพียงแค่ 5% เท่านั้น

นอกจากนั้นแล้ว ในปีนี้ยังได้มีการเปิดจุดขายใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีก ทั้งในรูปแบบคอร์เนอร์ในห้างสรรพสินค้าและชอปอินชอป เช่น ที่เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ เซ็นทรัลพัทยา และสิ้นปี้จะมีที่โรบินสันขอนแก่น เป็นต้น จากปัจจุบันมีจุดขายแบบคอร์เนอร์รวมกันมากกว่า 400-500 จุด และชอปอีกประมาณ 17-20 ชอป ซึ่งในปีหน้าก็ยังมีแผนที่จะเปิดจุดจำหน่ายเพิ่มขึ้นอีกเช่นกันทั้งคอร์เนอร์และชอปอินชอปในศูนย์การค้าที่เปิดใหม่

อีกทั้งยังใช้งบการตลาด 7-10% จากยอดขาย เพื่อทำการตลาด ทั้งการลงสื่ออะโบฟเดอะไลน์ และการทำกิจกรรม บีโลว์เดอะไลน์ ล่าสุด ได้จัดงาน “LME Winter Luxe” เพื่อแนะนำคอลเลคชั่นรับลมหนาวที่ครอบคลุมความต้องการในแถบเอเชีย ยุโรป อเมริกา ซึ่งจะมี 3 กลุ่มหลักคือ เอสพาด้า และ แอลทีดี เป็นกลุ่มแนวหรูคลาสสิคลักซ์ชัวรี่ และกลุ่ม อีพีและฟ๊อกซ์ เป็นกลุ่มทันสมัยเออร์เบินชิค และกลุ่มร็อกซ์เอ็กซ์เพรสและอีเอสพี เป็นกลุ่มเด็กวัยรุ่นสตรีทลักซ์ชัวรี่ และมีจำหน่ายเสื้อผ้าราคาลดสูงสุด 20%

ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่า ในปีนี้จะสามารถทำยอดขายเติบโตได้ประมาณ 15% จากปีที่แล้วที่มีรายได้ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท โดยสัดส่วนยอดขายกมากกว่า 90% มาจากตลาดในประเทศ ส่วนอีก 10% มาจากต่างประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น