อมารี ทุ่ม 1.5 พันล้านบาท ปรับแผนลงทุน-รีแบรนดิ้งครั้งใหญ่ในรอบ 45 ปี รุกรีโนเวตโรงแรมทั้งหมดในเครือ 11 แห่งในประเทศไทย พร้อมแตกไลน์ธุรกิจรับบริหารจัดการโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ ภายใต้แบรนด์ อมารี และ อมารี เรสซิเดนท์ ตั้งเป้าสัดส่วนรับบริหารจัดการแตะ 90% ของธุรกิจรวม ส่วนบัดเจทโฮเทล อยู่ระหว่างการศึกษาคาดเป็นแผนระยะต่อไปในอนาคต
นายปีเตอร์ เฮนลีย์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครืออมารี เปิดเผยว่า กลุ่มโรงแรมในเครืออมารีเตรียมปรับโครงสร้างการบริหาร การลงทุน และการสร้างแบรนด์ ครั้งใหญ่ในรอบ 45 ปี โดยเบื้องต้นเตรียมงบประมาณไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท สำหรับแผนขยายการลงทุนในอีก 10 ปีนับจากนี้ (2552-2561) จุดประสงค์ของการปรับโครงสร้างครั้งนี้ก็เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนไปอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ปัจจัยด้านการเงิน และ การลงทุน
เบื้องต้นที่วางไว้ จะเดินหน้าปรับปรุง (รีโนเวต) โรงแรมทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศ ให้เป็นภาพลักษณ์ที่ทันสมัย เริ่มจาก อมารีวอเตอร์เกท กรุงเทพฯ และ อมารี คอรัล บีช ภูเก็ต คาดว่า จะแล้วเสร็จปีหน้า ส่วนแผนการลงทุน จะขยายสาขาโรงแรมอมารี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยตลาดในประเทศ จะลงทุนสร้างโรงแรมเองเน้นย่านธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และ เกาะสมุย ในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ ส่วนต่างประเทศ มีแนวคิดว่าจะลงทุนในโมเดลที่เล็กกว่า เน้นย่านเมือธุรกิจและเมืองท่องเที่ยวที่ศักยภาพดี ประเดิมแห่งแรกที่ เมืองนิวเดลี และ มุมไบ ประเทศอินเดีย คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ต้นปีหน้า จากนั้นจะขยายต่อไปที่ประเทศเวียดนาม และ ออสเตรเลีย
“เราจะปรับตัวอักษรอมารีให้มีความสดใสขึ้นด้วยการใช้สีส้มแทนสีแดงในปัจจุบัน พร้อมเพิ่มสัญลักษณ์รูปร่ม สะท้อนถึงความเป็นไทย และเพิ่มคำว่า Colors & Rhythms ต่อท้าย แทนคำว่า Hotel & Resort บ่งบอกถึงการบริการที่มีชีวิตชีวา”
เฉพาะการสร้างแบรนด์ กลุ่มอมารีตั้งงบไว้ 60 ล้านบาท สร้างแบรนด์ให้ติดภายใน 2 ปี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจ้างบริษัท คีน เอเยนซี่ จากประเทศอังกฤษ เพื่อทำตลาดใน อังกฤษ รัสเซีย อินเดีย ฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน โดยจะประกาศแผนนี้อย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ต.ค.นี้ พร้อมออกแคมเปญกระตุ้นตลาดช่วงปลายปี
นอกจากนั้น เครืออมารียังแตกธุรกิจ เปิดให้บริการบริหารจัดการโรงแรมภายใต้แบรนด์ “อมารี” ประเดิมรับลูกค้าในต่างประเทศก่อนค่อยขยายเข้ามาจับตลาดในประเทศ ตั้งเป้ารับจำนวนโรงแรมที่บริหารจัดการมีสัดส่วนมากกว่าโรงแรมที่ลงทุนเอง หรือราว 85-90% ส่วนโรงแรมที่ลงทุนเองสัดส่วน 10-15%
นายปีเตอร์ กล่าวอีกว่า อมารียังรุกเข้าจับธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ในรูปแบบร้บจ้างบริหาร ใช้แบรนด์ “อมารี เรสซิเดนท์” เตรียมเปิดตัว 2 โครงการ โดยกลุ่มอิตัลไทยซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกันเป็นผู้ลงทุน สำหรับรายละเอียดโครงการอมารีเรสซิเดนท์ กรุงเทพ จะมีห้องพัก 128 ห้อง จับตลาดทั้งพำนักระยะสั้นและพำนักระยะยาว รวมถึงลูกค้าต่างประเทศที่เดินทางเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลในเขตกรุงเทพฯ เพราะที่ตั้งของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์นี้อยู่ใกล้ รพ.กรุงเทพ ส่วนสิ้นปีเตรียมเปิดอีก 1 แห่งที่หัวหิน จ.ประจวบฯ
“ตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ มีศักยภาพในการขยายตัวอีกมาก เพราะเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติที่เดินทางมาติดต่อธุรกิจ หรือท่องเที่ยว ทำให้ทุกทำเลของโรงแรมอมารีสามารถขยายเพิ่มเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ได้ทั้งหมด ส่วนตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพดี คือ กลุ่มเอเชียแปซิฟิก อาทิ อินเดีย จีน และ ฟิลิปปินส์”
สำหรับโรงแรมราคาประหยัด หรือ บัดเจ็ท โฮเต็ล เครืออมารี กำลังศึกษาแนวทางการขยายออกไปในธุรกิจนี้ ซึ่งน่าจะเป็นแผนลำดับต่อไปของกลุ่มอมารี เพราะรูปแบบธุรกิจเป็นที่ต้องการของตลาด
นายปีเตอร์ เฮนลีย์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครืออมารี เปิดเผยว่า กลุ่มโรงแรมในเครืออมารีเตรียมปรับโครงสร้างการบริหาร การลงทุน และการสร้างแบรนด์ ครั้งใหญ่ในรอบ 45 ปี โดยเบื้องต้นเตรียมงบประมาณไว้ที่ 1.5 พันล้านบาท สำหรับแผนขยายการลงทุนในอีก 10 ปีนับจากนี้ (2552-2561) จุดประสงค์ของการปรับโครงสร้างครั้งนี้ก็เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนไปอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค ปัจจัยด้านการเงิน และ การลงทุน
เบื้องต้นที่วางไว้ จะเดินหน้าปรับปรุง (รีโนเวต) โรงแรมทั้ง 11 แห่งทั่วประเทศ ให้เป็นภาพลักษณ์ที่ทันสมัย เริ่มจาก อมารีวอเตอร์เกท กรุงเทพฯ และ อมารี คอรัล บีช ภูเก็ต คาดว่า จะแล้วเสร็จปีหน้า ส่วนแผนการลงทุน จะขยายสาขาโรงแรมอมารี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
โดยตลาดในประเทศ จะลงทุนสร้างโรงแรมเองเน้นย่านธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และ เกาะสมุย ในระยะเวลา 3 ปีนับจากนี้ ส่วนต่างประเทศ มีแนวคิดว่าจะลงทุนในโมเดลที่เล็กกว่า เน้นย่านเมือธุรกิจและเมืองท่องเที่ยวที่ศักยภาพดี ประเดิมแห่งแรกที่ เมืองนิวเดลี และ มุมไบ ประเทศอินเดีย คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ต้นปีหน้า จากนั้นจะขยายต่อไปที่ประเทศเวียดนาม และ ออสเตรเลีย
“เราจะปรับตัวอักษรอมารีให้มีความสดใสขึ้นด้วยการใช้สีส้มแทนสีแดงในปัจจุบัน พร้อมเพิ่มสัญลักษณ์รูปร่ม สะท้อนถึงความเป็นไทย และเพิ่มคำว่า Colors & Rhythms ต่อท้าย แทนคำว่า Hotel & Resort บ่งบอกถึงการบริการที่มีชีวิตชีวา”
เฉพาะการสร้างแบรนด์ กลุ่มอมารีตั้งงบไว้ 60 ล้านบาท สร้างแบรนด์ให้ติดภายใน 2 ปี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยจ้างบริษัท คีน เอเยนซี่ จากประเทศอังกฤษ เพื่อทำตลาดใน อังกฤษ รัสเซีย อินเดีย ฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน โดยจะประกาศแผนนี้อย่างเป็นทางการในวันที่ 14 ต.ค.นี้ พร้อมออกแคมเปญกระตุ้นตลาดช่วงปลายปี
นอกจากนั้น เครืออมารียังแตกธุรกิจ เปิดให้บริการบริหารจัดการโรงแรมภายใต้แบรนด์ “อมารี” ประเดิมรับลูกค้าในต่างประเทศก่อนค่อยขยายเข้ามาจับตลาดในประเทศ ตั้งเป้ารับจำนวนโรงแรมที่บริหารจัดการมีสัดส่วนมากกว่าโรงแรมที่ลงทุนเอง หรือราว 85-90% ส่วนโรงแรมที่ลงทุนเองสัดส่วน 10-15%
นายปีเตอร์ กล่าวอีกว่า อมารียังรุกเข้าจับธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ในรูปแบบร้บจ้างบริหาร ใช้แบรนด์ “อมารี เรสซิเดนท์” เตรียมเปิดตัว 2 โครงการ โดยกลุ่มอิตัลไทยซึ่งเป็นบริษัทในเครือเดียวกันเป็นผู้ลงทุน สำหรับรายละเอียดโครงการอมารีเรสซิเดนท์ กรุงเทพ จะมีห้องพัก 128 ห้อง จับตลาดทั้งพำนักระยะสั้นและพำนักระยะยาว รวมถึงลูกค้าต่างประเทศที่เดินทางเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลในเขตกรุงเทพฯ เพราะที่ตั้งของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์นี้อยู่ใกล้ รพ.กรุงเทพ ส่วนสิ้นปีเตรียมเปิดอีก 1 แห่งที่หัวหิน จ.ประจวบฯ
“ตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ มีศักยภาพในการขยายตัวอีกมาก เพราะเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติที่เดินทางมาติดต่อธุรกิจ หรือท่องเที่ยว ทำให้ทุกทำเลของโรงแรมอมารีสามารถขยายเพิ่มเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ได้ทั้งหมด ส่วนตลาดต่างประเทศที่มีศักยภาพดี คือ กลุ่มเอเชียแปซิฟิก อาทิ อินเดีย จีน และ ฟิลิปปินส์”
สำหรับโรงแรมราคาประหยัด หรือ บัดเจ็ท โฮเต็ล เครืออมารี กำลังศึกษาแนวทางการขยายออกไปในธุรกิจนี้ ซึ่งน่าจะเป็นแผนลำดับต่อไปของกลุ่มอมารี เพราะรูปแบบธุรกิจเป็นที่ต้องการของตลาด