“เจ๊วา” ล้างบางโยกคนพาณิชย์ ย้ายคนดีมีฝีมือเข้ากรุ ปรับอธิบดี “ราเชนทร์” นั่งรองปลัด “คณิสสร” โหดสุดมาเป็นผู้ตรวจ พูดสั้นๆ ง่ายๆ เพื่อความเหมาะสม ส่วน “วิจักร-บรรยงค์” ขึ้นชั้นอธิบดีใหม่
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (13 ต.ค.) ได้เห็นชอบรายชื่อการโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และในวันนี้ (14 ต.ค.) จะเรียกประชุมอย่างไม่เป็นทางการกับผู้บริหารระดับสูงทั้งหมด เพื่อมอบนโยบายการปฎิบัติงานที่ต้องปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และต้องการให้มีการบูรณาการการทำงานรวมกันไม่ใช่เป็นการทำงานแบบต่างคนต่างทำและไม่มีทิศทางชัดเจน
“การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ไม่อยากให้ข้าราชการที่ถูกสับเปลี่ยนโยกย้ายน้อยใจ แต่เป็นการเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมและต้องการให้แต่ละคนนำความรู้และประสบการณ์มาทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อกระทรวงและประเทศชาติ ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ซึ่งจะมีการติดตามดูการทำงาน และหลังจากนี้ อาจมีการปรับเปลี่ยนอีกได้” นางพรทิวา กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ได้แก่ โยก น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร จากอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน แทน นายยรรยง พวงราช ที่ไปเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ แต่งตั้ง นายวิจักร วิเศษน้อย ที่ปรึกษาการพาณิชย์ เป็นอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ตั้ง นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก แทน นายราเชนทร์ พจนสุนทร ที่ถูกโยกไปเป็นรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตั้งนายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แทนนายคณิสสร นาวานุเคราะห์ ที่ถูกโยกเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง และตั้ง นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นรองปลัดกระทรวงพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม มีเพียงกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่ไม่มีการโยกย้าย โดย นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ยังคงเป็นอธิบดีอยู่เช่นเดิม ส่วนตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ว่างลงจากการเกษียณ จะเสนอให้ ครม.พิจารณาในการประชุมครั้งหน้า เพราะอยู่ในการดูแลของนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ที่ได้ผลักดันให้ นางปัจฉิมา ธนสันติ รองอธิบดีขึ้นเป็นอธิบดี
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ได้สร้างความฮือฮาให้กับข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์เป็นอย่างมาก โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นการย้ายคนที่ไม่สนองการเมืองออกจากตำแหน่งเดิม และนำคนที่การเมืองสั่งการได้ไปดำรงตำแหน่งแทน
โดย นายราเชนทร์ ถูกการเมืองมองว่าเป็นคนที่แข็ง และไม่ค่อยตอบสนองการจัดทำโครงการต่างๆ สนองการเมือง หรือกระทั่งไม่ช่วยในการแต่งตั้งเด็กฝากจากการเมือง จนทำให้ถูกโยกมาเป็นรองปลัดกระทรวง ขณะที่ นายคณิสสร โดนข้อหาปกปิดข้อมูลบางเรื่องที่นักการเมืองต้องการนำไปใช้ในการโจมตีฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะเรื่องกุหลาบแก้ว ทำให้ถูกลดชั้นมาเป็นผู้ตรวจราชการ ส่วน นางสาวชุติมา ถูกมองว่า ไม่ค่อยรับฟังคำสั่ง และมักจะสายตรงถึงทำเนียบ ทำให้การขายสินค้าเกษตรไม่ได้อย่างใจการเมือง แต่ยังโชคดีที่ครั้งนี้ไม่ถูกโยกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวง และได้ไปเป็นอธิบดีกรมการค้าภายในแทน
สำหรับอธิบดีคนใหม่ นายวิจักร เคยผ่านงานมาทั้งในและต่างประเทศ เคยเป็นทูตพาณิชย์ และเคยทำงานที่กรมการค้าต่างประเทศนานถึง 5 ปี เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเจรจาค้าขายสินค้าเกษตรเป็นอย่างดี ส่วน นายบรรยงค์ เป็นนักกฎหมาย และเคยเป็นลูกหม้อที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และโยกไปอยู่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ในสมัยที่มีการปรับโครงสร้างกระทรวงใหม่
อย่างไรก็ตาม มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับอธิบดีใหม่ ก็คือ งานด้านการส่งออก ที่จะต้องมีการผลักดันให้การส่งออกในปีนี้ติดลบให้น้อยที่สุด และผลักดันให้การส่งออกปีหน้าเป็นบวกให้ได้ งานด้านภายในประเทศ ที่จะต้องมีการดูแลภาวะราคาสินค้าและการช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนในยุคที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว การขายสินค้าเกษตรในสต๊อกรัฐบาล ที่มักจะมีปัญหาความไม่โปร่งใส และการพัฒนาและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการของไทย
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (13 ต.ค.) ได้เห็นชอบรายชื่อการโยกย้ายข้าราชการระดับ 10 ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และในวันนี้ (14 ต.ค.) จะเรียกประชุมอย่างไม่เป็นทางการกับผู้บริหารระดับสูงทั้งหมด เพื่อมอบนโยบายการปฎิบัติงานที่ต้องปรับปรุงให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และต้องการให้มีการบูรณาการการทำงานรวมกันไม่ใช่เป็นการทำงานแบบต่างคนต่างทำและไม่มีทิศทางชัดเจน
“การปรับเปลี่ยนครั้งนี้ ไม่อยากให้ข้าราชการที่ถูกสับเปลี่ยนโยกย้ายน้อยใจ แต่เป็นการเปลี่ยนเพื่อความเหมาะสมและต้องการให้แต่ละคนนำความรู้และประสบการณ์มาทำงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อกระทรวงและประเทศชาติ ไม่ได้มีการกลั่นแกล้ง ซึ่งจะมีการติดตามดูการทำงาน และหลังจากนี้ อาจมีการปรับเปลี่ยนอีกได้” นางพรทิวา กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ได้แก่ โยก น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร จากอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นอธิบดีกรมการค้าภายใน แทน นายยรรยง พวงราช ที่ไปเป็นปลัดกระทรวงพาณิชย์ แต่งตั้ง นายวิจักร วิเศษน้อย ที่ปรึกษาการพาณิชย์ เป็นอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ตั้ง นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก แทน นายราเชนทร์ พจนสุนทร ที่ถูกโยกไปเป็นรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ตั้งนายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แทนนายคณิสสร นาวานุเคราะห์ ที่ถูกโยกเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง และตั้ง นายกฤษฎา เปี่ยมพงศ์สานต์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นรองปลัดกระทรวงพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม มีเพียงกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่ไม่มีการโยกย้าย โดย นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ยังคงเป็นอธิบดีอยู่เช่นเดิม ส่วนตำแหน่งอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่ว่างลงจากการเกษียณ จะเสนอให้ ครม.พิจารณาในการประชุมครั้งหน้า เพราะอยู่ในการดูแลของนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ที่ได้ผลักดันให้ นางปัจฉิมา ธนสันติ รองอธิบดีขึ้นเป็นอธิบดี
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า การแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ ได้สร้างความฮือฮาให้กับข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์เป็นอย่างมาก โดยมีการวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นการย้ายคนที่ไม่สนองการเมืองออกจากตำแหน่งเดิม และนำคนที่การเมืองสั่งการได้ไปดำรงตำแหน่งแทน
โดย นายราเชนทร์ ถูกการเมืองมองว่าเป็นคนที่แข็ง และไม่ค่อยตอบสนองการจัดทำโครงการต่างๆ สนองการเมือง หรือกระทั่งไม่ช่วยในการแต่งตั้งเด็กฝากจากการเมือง จนทำให้ถูกโยกมาเป็นรองปลัดกระทรวง ขณะที่ นายคณิสสร โดนข้อหาปกปิดข้อมูลบางเรื่องที่นักการเมืองต้องการนำไปใช้ในการโจมตีฝ่ายตรงข้าม โดยเฉพาะเรื่องกุหลาบแก้ว ทำให้ถูกลดชั้นมาเป็นผู้ตรวจราชการ ส่วน นางสาวชุติมา ถูกมองว่า ไม่ค่อยรับฟังคำสั่ง และมักจะสายตรงถึงทำเนียบ ทำให้การขายสินค้าเกษตรไม่ได้อย่างใจการเมือง แต่ยังโชคดีที่ครั้งนี้ไม่ถูกโยกย้ายไปเป็นรองปลัดกระทรวง และได้ไปเป็นอธิบดีกรมการค้าภายในแทน
สำหรับอธิบดีคนใหม่ นายวิจักร เคยผ่านงานมาทั้งในและต่างประเทศ เคยเป็นทูตพาณิชย์ และเคยทำงานที่กรมการค้าต่างประเทศนานถึง 5 ปี เป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการเจรจาค้าขายสินค้าเกษตรเป็นอย่างดี ส่วน นายบรรยงค์ เป็นนักกฎหมาย และเคยเป็นลูกหม้อที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และโยกไปอยู่กรมทรัพย์สินทางปัญญา ในสมัยที่มีการปรับโครงสร้างกระทรวงใหม่
อย่างไรก็ตาม มีเรื่องที่น่าเป็นห่วงสำหรับอธิบดีใหม่ ก็คือ งานด้านการส่งออก ที่จะต้องมีการผลักดันให้การส่งออกในปีนี้ติดลบให้น้อยที่สุด และผลักดันให้การส่งออกปีหน้าเป็นบวกให้ได้ งานด้านภายในประเทศ ที่จะต้องมีการดูแลภาวะราคาสินค้าและการช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนในยุคที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว การขายสินค้าเกษตรในสต๊อกรัฐบาล ที่มักจะมีปัญหาความไม่โปร่งใส และการพัฒนาและให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการของไทย