ซิงเกอร์พร้อมลุยขายจานดาวเทียม เครื่องปรับอากาศ และตู้แช่ พระเอกสร้างยอดขายไตรมาสสี่และปีหน้า หลังวางรากฐานไว้อย่างแข็งแกร่ง อุดช่องโหว่รอบด้าน ยิ้มรับกำไร 6 เดือนแรก 30 ล้านบาท เป็นปีแรกในรอบ 4 ปี มั่นใจสิ้นปีรายได้ 2,000 ล้านบาท พร้อมเป้าเติบโตอย่างมั่นคงอีกอย่างน้อย 10%
นายบุญยง ตันสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันซิงเกอร์ให้ความสำคัญในการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมามีสินค้า 5 ตัว ที่ทำรายได้หลักให้ คือ เครื่องซักผ้า 35%, ตู้เย็น 20%, โทรทัศน์ 15%, ตู้แช่ 10% และอื่นๆรวมกันอีกประมาณ 10% โดยรายได้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ทำได้กว่า 1,600 ล้านบาท สิ้นปีคาดว่าจะมีรายได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ประมาณ 2,000 ล้านบาท ทรงตัวเท่าปีก่อน โดยไตรมาสแรกมีกำไรแล้ว 30 ล้านบาท ขณะที่ในปีนี้ ถือเป็นปีแรกในรอบ 4 ปี ที่บริษัทเริ่มมีกำไร หลังจากที่ขาดทุน หลังจากนำเอารถจักรยานยนต์เข้ามาผ่อน จนเกิดเป็นหนี้สูญ
อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสสี่นี้ ไปจนถึงปีหน้า บริษัท จะเน้นการจำหน่ายสินค้า 3 ตัว ในการขับเคลื่อนรายได้ เพราะมองเห็นโอกาสในการเติบโต และเจาะกลุ่มลุกค้าใหม่ๆ ได้แก่ 1. จานดาวเทียม ภายใต้แบรนด์ ซิงเกอร์ โดยร่วมกับทางลีโอเท็กซ์ ในการเข้ามาร่วมผลิตให้ ซึ่งเป็นจานดาวเทียมที่รับสัญญาณได้ทั้งซีแบนด์ และเคยูแบนด์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นรากหญ้า ที่อาศัยในชนบท อับสัญญาณ เบื้องต้นได้จัดทำแคมเปญส่งเสริมการขาย โดยจ่ายสดเพียง 4,900 บาท และซื้อในราคาผ่อน เพียง 6,900 บาท ผ่อนจ่ายในระยะเวลา 6 เดือน วางเป้ายอดขายไว้ เดือนละไม่ต่ำกว่า 2,000 จานเป็นอย่างน้อย
ทั้งนี้ที่ผ่านมา บริษัทเคยจำหน่ายจานดาวเทียมให้กับทางสามารถ แต่เกิดปัญหาตามมา ไม่ว่าจะเป็น การคืนสินค้า เนื่องจากการควบคุมสัญญาณได้ไม่ดี และจากการขาดส่งเงินของลูกค้า จึงได้ยกเลิกการขายจานดาวเทียมไประยะหนึ่ง
2.เครื่องปรับอากาศ เดิมเป็นสินค้าที่มีจำหน่ายอยู่แล้ว ต่อปีสามารถขายได้ประมาณ 2,000 เครื่อง แต่หลังจากที่ภาครัฐปรับลดภาษีเครื่องปรับอากาศขนาด 7,200 BTU ทางบริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการหันมากระตุ้นสินค้าตัวนี้มากขึ้น โดยมุ่งเน้นลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลาง อาศัยอยู่ในตัวอำเภอเป็นหลัก โดยจะใช้แคมเปญ “ 900 บาท ซื้อแอร์ซิงเกอร์ได้เลย” มาเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการซื้อผ่อน ในราคาส่งผ่อนเพียงเดือนละ 900 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของเครื่องปรับอากาศได้
3.ตู้แช่ ถือเป็นสินค้าที่ตัวหนึ่ง ที่บริษัทสามารถขายได้เรื่อยๆ โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มียอดการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ทุกปี บริษัทจึงได้หันมาให้ความสำคัญในการกระตุ้นตลาดตู้แช่นี้ จากเดิมที่มีจำหน่าย 3 รุ่น ได้เพิ่มเป็น 10 รุ่น รองรับการแช่ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งแช่น้ำแข็ง เครื่องดื่ม และไอศกรีม โดยมีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 10,000-60,000 บาท เจาะกลุ่มร้านโชวห่วย ที่มีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านรายทั่วประเทศ
นายบุญยง กล่าวต่อว่า หลังจากที่บริษัทมีการปรับองค์กรภายใน และจัดตั้งศูนย์พิจารณาและอนุมัติสินเชื่อ รวมถึงคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงจำนวนร้านซิงเกอร์อีก 180 สาขาทั่วประเทศ และการให้ความสำคัญกับหน่วยขายเคลื่อนที่ ที่มีกว่า 380 หน่วยในปัจจุบัน ในการเข้าไปเคาะประตูบ้านขายสินค้า ถือเป็นช่องทางในการสร้างยอดขายที่แข็งแรง และไม่เสี่ยงต่อการมีหนี้สูญอย่างที่ผ่านมา
ปัจจุบัน ยอดลูกค้าที่มีปัญหาคืนสินค้าเหลือเพียง 10% จากเดิมอยู่ที่ 30% มองว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ แม้ว่ารายได้จะทรงตัวเท่าปีก่อน แต่ก็เป็นตัวเลขที่แข็งแรง ไม่มีความเสี่ยง ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีก็ตาม ซึ่งซิงเกอร์มั่นใจว่าจะมีอัตราการเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% ตลอด 5 ปีหลังจากนี้ นับจากปี 2553 เป็นต้นไป
นายบุญยง ตันสกุล รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิงเกอร์ ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปัจจุบันซิงเกอร์ให้ความสำคัญในการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่งที่ผ่านมามีสินค้า 5 ตัว ที่ทำรายได้หลักให้ คือ เครื่องซักผ้า 35%, ตู้เย็น 20%, โทรทัศน์ 15%, ตู้แช่ 10% และอื่นๆรวมกันอีกประมาณ 10% โดยรายได้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ทำได้กว่า 1,600 ล้านบาท สิ้นปีคาดว่าจะมีรายได้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ประมาณ 2,000 ล้านบาท ทรงตัวเท่าปีก่อน โดยไตรมาสแรกมีกำไรแล้ว 30 ล้านบาท ขณะที่ในปีนี้ ถือเป็นปีแรกในรอบ 4 ปี ที่บริษัทเริ่มมีกำไร หลังจากที่ขาดทุน หลังจากนำเอารถจักรยานยนต์เข้ามาผ่อน จนเกิดเป็นหนี้สูญ
อย่างไรก็ตามในช่วงไตรมาสสี่นี้ ไปจนถึงปีหน้า บริษัท จะเน้นการจำหน่ายสินค้า 3 ตัว ในการขับเคลื่อนรายได้ เพราะมองเห็นโอกาสในการเติบโต และเจาะกลุ่มลุกค้าใหม่ๆ ได้แก่ 1. จานดาวเทียม ภายใต้แบรนด์ ซิงเกอร์ โดยร่วมกับทางลีโอเท็กซ์ ในการเข้ามาร่วมผลิตให้ ซึ่งเป็นจานดาวเทียมที่รับสัญญาณได้ทั้งซีแบนด์ และเคยูแบนด์ โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นรากหญ้า ที่อาศัยในชนบท อับสัญญาณ เบื้องต้นได้จัดทำแคมเปญส่งเสริมการขาย โดยจ่ายสดเพียง 4,900 บาท และซื้อในราคาผ่อน เพียง 6,900 บาท ผ่อนจ่ายในระยะเวลา 6 เดือน วางเป้ายอดขายไว้ เดือนละไม่ต่ำกว่า 2,000 จานเป็นอย่างน้อย
ทั้งนี้ที่ผ่านมา บริษัทเคยจำหน่ายจานดาวเทียมให้กับทางสามารถ แต่เกิดปัญหาตามมา ไม่ว่าจะเป็น การคืนสินค้า เนื่องจากการควบคุมสัญญาณได้ไม่ดี และจากการขาดส่งเงินของลูกค้า จึงได้ยกเลิกการขายจานดาวเทียมไประยะหนึ่ง
2.เครื่องปรับอากาศ เดิมเป็นสินค้าที่มีจำหน่ายอยู่แล้ว ต่อปีสามารถขายได้ประมาณ 2,000 เครื่อง แต่หลังจากที่ภาครัฐปรับลดภาษีเครื่องปรับอากาศขนาด 7,200 BTU ทางบริษัทจึงมองเห็นโอกาสในการหันมากระตุ้นสินค้าตัวนี้มากขึ้น โดยมุ่งเน้นลูกค้าที่มีรายได้ระดับกลาง อาศัยอยู่ในตัวอำเภอเป็นหลัก โดยจะใช้แคมเปญ “ 900 บาท ซื้อแอร์ซิงเกอร์ได้เลย” มาเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการซื้อผ่อน ในราคาส่งผ่อนเพียงเดือนละ 900 บาท ก็สามารถเป็นเจ้าของเครื่องปรับอากาศได้
3.ตู้แช่ ถือเป็นสินค้าที่ตัวหนึ่ง ที่บริษัทสามารถขายได้เรื่อยๆ โดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา มียอดการเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% ทุกปี บริษัทจึงได้หันมาให้ความสำคัญในการกระตุ้นตลาดตู้แช่นี้ จากเดิมที่มีจำหน่าย 3 รุ่น ได้เพิ่มเป็น 10 รุ่น รองรับการแช่ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งแช่น้ำแข็ง เครื่องดื่ม และไอศกรีม โดยมีราคาจำหน่ายตั้งแต่ 10,000-60,000 บาท เจาะกลุ่มร้านโชวห่วย ที่มีไม่ต่ำกว่า 1 ล้านรายทั่วประเทศ
นายบุญยง กล่าวต่อว่า หลังจากที่บริษัทมีการปรับองค์กรภายใน และจัดตั้งศูนย์พิจารณาและอนุมัติสินเชื่อ รวมถึงคอลเซ็นเตอร์ รวมถึงจำนวนร้านซิงเกอร์อีก 180 สาขาทั่วประเทศ และการให้ความสำคัญกับหน่วยขายเคลื่อนที่ ที่มีกว่า 380 หน่วยในปัจจุบัน ในการเข้าไปเคาะประตูบ้านขายสินค้า ถือเป็นช่องทางในการสร้างยอดขายที่แข็งแรง และไม่เสี่ยงต่อการมีหนี้สูญอย่างที่ผ่านมา
ปัจจุบัน ยอดลูกค้าที่มีปัญหาคืนสินค้าเหลือเพียง 10% จากเดิมอยู่ที่ 30% มองว่าเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ แม้ว่ารายได้จะทรงตัวเท่าปีก่อน แต่ก็เป็นตัวเลขที่แข็งแรง ไม่มีความเสี่ยง ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจะไม่ค่อยดีก็ตาม ซึ่งซิงเกอร์มั่นใจว่าจะมีอัตราการเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 10% ตลอด 5 ปีหลังจากนี้ นับจากปี 2553 เป็นต้นไป