“กรณ์” ชี้ ผลกระทบคำสั่งระงับ 76 โครงการ ลงทุนมาบตาพุด หากล่าช้าไป 1 ปี “จีดีพี” หดตัว 0.4% พร้อมยอมรับ อาจมีผลกระทบต่อ ศก.ปี 53 แต่ไม่กระทบไทยเข้มแข็ง โดยพร้อมให้ทุกฝ่ายตรวจสอบความโปร่งใส
นายกรณ์ จาติกวณิช รรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวผ่านระบบ skype-in จากนครอิสตันบูล ประเทศตุรกี กรณีศาลปกครองกลางมีคำสั่งระงับ 76 โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จะมีผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ซึ่งจากการประเมินเชื่อว่า หากการลงทุนดังกล่าวล่าช้าไป 1 ปี จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ 0.4% และคงส่งผลต่อประมาณการเศรษฐกิจปี 2553 ไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า การระงับ 76 โครงการลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จะไม่กระทบต่อการลงทุนตามแผนปฎิบัติการไทยเข้มแข็งปี 2553-2554 ที่มีเม็ดเงินจำนวน 240,000 ล้านบาท จากการกู้เงินตาม พ.ร.ก.และ พ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
รมว.คลัง กล่าวว่า รัฐบาลไม่รู้สึกกังวลเรื่องปัญหาโครงการไทยเข้มแข็งที่มีการถูกตรวจสอบเรื่องความไม่โปร่งใสการใช้เงิน ขณะนี้ถือว่าไม่มีการทุจริต เนื่องจากยังไม่มีการเบิกจ่ายงบประมาณ และรัฐบาลยินดีเปิดกว้างให้ทุกหน่วยงานมาตรวจสอบ ทั้งสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สื่อมวลชน ฝ่ายค้าน และธนาคารโลกที่มีประสบการณ์ เข้ามาตรวจสอบการใช้เม็ดเงินลงทุนในโครงการต่างๆ ได้ตลอดเวลา
สำหรับการหารือร่วมกันของกลุ่มประเทศในเอเชีย ต่างเห็นร่วมกันว่า แนวทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของแต่ละประเทศขณะนี้คงต้องพึ่งพาเงินออมที่มีอยู่ในประเทศจำนวนมากเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจ แทนการพึ่งพาการซื้อสินค้าจากประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากประเทศในตะวันตกหรือประเทศที่มีกำลังซื้อสูงมากเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจจนไม่สามารถซื้อสินค้าของประเทศต่างๆ ได้เหมือนเดิม ดังนั้น ประเทศในแถบเอเชียต้องหันมาใช้นโยบายกระตุ้นให้ประชาชนเกิดการบริโภคในประเทศหรือนำเงินออมออกมาลงทุนมากขึ้น จึงเป็นการเปลี่ยนดำเนินนโยบายทางเศรษฐกิจในการลดสัดส่วนการพึ่งพาเงินต่างประเทศ