บุรีรัมย์ – กลุ่มสภาเกษตรกรไทย 4 อำเภอ จ.บุรีรัมย์ รวมตัวบุกยึด สนง.กองทุนฟื้นฟูฯ สาขาบุรีรัมย์ ประท้วงไม่พอใจไม่ได้รับเงินอุดหนุนจัดอบรมแผนแม่บทเพื่อเข้าสู่ขบวนการขอกู้เงินฟื้นฟูอาชีพ ยันจะไม่กลับหากไม่ได้รับคำตอบ พร้อมร้องย้าย “เสน่ห์ วิชัยวงษ์” หัวหน้ากองทุนฯ สาขาบุรีรัมย์ และ “เถกิง สัทธวงศ์” หัวหน้างานประจำสำนักงานสาขา
วันนี้ (18 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น.นางวาสนา ชาลี ประธานสภาเกษตรกรไทย จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยคณะกรรมการและสมาชิกสภาเกษตรกรไทยจาก 4 อำเภอ ประกอบด้วย อ.เมือง คูเมือง สตึก และ อ.บ้านใหม่ไชยพจน์ กว่า 30 คน ได้นำวัสดุ อุปกรณ์ และเอกสารในการจัดอบรม บุกเข้ายึดสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขาบุรีรัมย์ เนื่องจากไม่พอใจที่ทางสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ ไม่ยอมจ่ายเงินอุดหนุนรอบ 2 เพื่อเป็นค่าดำเนินการซื้อวัสดุ อุปกรณ์ ในการจัดอบรมแผนแม่บทเพื่อเข้าสู่ขบวนการขอกู้เงิน นำมาฟื้นฟูอาชีพเกษตรกร หลังทั้ง 4 อำเภอได้จัดซื้อวัสดุ อุปกรณ์ และจัดอบรมให้กับกลุ่มสมาชิกเสร็จสิ้นไปแล้ว เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งที่ทางสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ ได้โอนเงินอุดหนุนเข้ามาแล้ว แต่ทางสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ สาขาบุรีรัมย์ ยื้อไม่ยอมจ่ายอ้างว่าสำนักงานใหญ่ได้สั่งชะลอจ่ายเงิน เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบการใช้จ่ายเงินของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ในการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนในรอบแรก ทำให้กลุ่มสมาชิกเกษตรกรไม่พอใจ เชื่อว่า น่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง
พร้อมขู่หากสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯสาขา บุรีรัมย์ ไม่ยอมเบิกจ่ายเงินให้ ก็จะพากันปักหลักนอนค้างที่สำนักงานฯแห่งนี้ จนกว่าจะเบิกจ่ายเงินอุดหนุนให้ และจะร่วมกันเข้าไปร้องขอความเป็นธรรมกับนายกรัฐมนตรีต่อไป
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ นายเถกิง สัทธวงศ์ หัวหน้างานประจำสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ สาขาบุรีรัมย์ ได้ออกมาชี้แจงกับกลุ่มชาวบ้านที่มาประท้วงอยู่นั้น นางวาสนา ไม่พอใจ ได้โยนวัสดุ อุปกรณ์ และเอกสารในการจัดประชุมของทั้ง 4 อำเภอที่นำมาประท้วงทิ้งลงพื้นที่ต่อหน้านายเถกิง สร้างความแตกตื่นตกใจให้กับเจ้าหน้าที่ภายในสำนักงานไปตามๆ กัน
นางวาสนา ชาลี ประธานสภาเกษตรกรไทยจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทางกองทุนฟื้นฟูเกษตรกรฯ ได้โอนเงินงวดแรกให้กับทั้ง 4 อำเภอ เพื่อนำไปจัดฝึกอบรมเกษตรกรที่เป็นสมาชิกแล้ว แต่เงินงวดที่ 2 ทางสำนักงานกองทุนฯ กลับไม่ยอมโอนให้ ทั้งๆ ที่ทางสำนักงานใหญ่ได้โอนเงินมาให้ทางสำนักงานกองทุนสาขาแล้ว ทั้ง 3 งวด เป็นเงินรวมกว่า 1,400,000 บาท เพื่อให้ทั้ง 4 อำเภอนำไปดำเนินการจัดอบรมให้กับกลุ่มสมาชิก จนตนและประธานกลุ่มทั้ง 4 อำเภอ รวมถึงคณะกรรมการ ถูกสมาชิกต่อว่าหาว่านำเงินไปใช้ส่วนตัวทั้งที่ไม่เป็นความจริง
จึงได้พากันมาทวงถามที่สำนักงานกองทุนฟื้นฟูเกษตรกรฯ ว่า สาเหตุใดจึงไม่โอนเงินให้ทั้งที่ได้มีการจัดอบรม และรายงานงวดงานงวดเงินในการดำเนินการไปแล้ว แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่บ่ายเบี่ยงและไม่สามารถให้คำตอบกับชาวบ้านได้ จึงสร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านที่มาประท้วง
“พวกเราขอเรียกร้องให้ย้าย นายเสน่ห์ วิชัยวงษ์ หัวหน้าสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ สาขา บุรีรัมย์ และ นายเถกิง สัทธวงศ์ ออกนอกพื้นที่ เพราะเชื่อว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่โปร่งใส และไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกรได้” นางวาสนา กล่าว
นางวาสนา ยังตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมทางสำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ สาขา บุรีรัมย์ จึงไม่โอนเงินให้ทั้ง 4 กลุ่มองค์กร ทั้งที่อำเภออื่นๆ และอีกหลายจังหวัดทั่วประเทศได้รับเงินไปดำเนินการกันหมดแล้ว เชื่อว่าน่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ของเจ้าหน้าที่ จึงอยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงในกรณีดังกล่าวด้วย
ทางด้าน นางวรรณเพ็ญ แดงชาติ คณะกรรมการสภาองค์กรเกษตรกรไทย อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตัวแทนทั้ง 4 องค์กร ที่ยังไม่ได้รับเงินอุดหนุน ก็ได้มาติดตามทวงถามที่สำนักงานกองทุนฟื้นฟูฯ ถึงสาเหตุว่าทำไมจึงยังไม่ได้รับเงิน แต่เจ้าหน้าที่ก็บ่ายเบี่ยงอ้างไม่ทราบตลอด และไม่ยอมชี้แจงให้ทราบด้วยว่าติดปัญหาอะไร และต้องแก้ไขตรงไหน จึงเห็นว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานไม่มีคุณภาพ ไม่ได้สนใจปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้านเลย
ขณะที่ นายเถกิง สัทธวงศ์ หัวหน้างานประจำสำนักงานกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร สาขา บุรีรัมย์ ออกมายืนยันว่า ทางสำนักงานไม่ได้ยื้อจ่ายเงินตามที่ถูกกล่าวหา แต่เนื่องจากทางสำนักงานใหญ่ ได้มีหนังสือสั่งการให้ชะลอการจ่ายเงินอุดหนุนไว้ก่อน จนกว่า สตง.จะมีการตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนในรอบแรกของทั้ง 4 องค์กรแล้วเสร็จ เพราะทั้ง 4 องค์กรมีการใช้เงินอุดหนุนผิดวัตถุประสงค์ หลังจากนั้นจึงจะมีการพิจารณาเบิกจ่ายเงินให้ แต่ตอนนี้ต้องรอการสั่งการจากสำนักงานใหญ่ก่อน