โอสถสภา ขยายไลน์แบรนด์ทเวลฟ์พลัส สู่ตลาดเครื่องสำอางแป้งพัพภายใต้ซับแบรนด์ “มิราเคิล” หวังยอดขายปีแรก 200 ล้านบาท ช่วยดันทั้งกลุ่มทเวลฟ์พลัสสู่ 1,000 ล้านบาท เตรียมรุกช่องทางขายตรง
นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการตลาด บริษัท โอสถสภา จำกัด กล่าวว่า จากกระแสเทรนด์เกาหลีที่ยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความเป็นผู้นำเทรนด์เกาหลี จึงได้รุกเข้าสู่ตลาดเครื่องสำอาง ด้วยการเปิดตัว ทเวลฟ์ พลัส มิราเคิล บีบี พาวเดอร์ ราคา 259 บาท เป็นสินค้าไลน์ที่ 4 นอกจากแป้งเย็น, โรลออน และโคโลญ พาวเดอร์ใหม่ภายใต้ซับแบรนด์ Miracle
โดยจากผลสำรวจพบว่าเด็กวัยรุ่นมีโอกาสใช้สินค้าประเภทเครื่องสำอางเร็วขึ้นเรื่อยๆ และแป้งทาหน้าผสมรองพื้นเป็นผลิตภัณฑ์อันดับแรกที่จะเริ่มใช้ถึง 70% มูลค่าตลาดแป้งพัพราว 1,000 ล้านบาท โดยแป้งบีบีมีส่วนแบ่งเกือบ 30% ส่วนกลุ่มเป้าหมายหลักของแป้งมิราเคิล บีบี พาวเดอร์ เป็น วัยรุ่นหญิงอายุ 16-22 ปี เพื่อขยายฐานของกลุ่มเป้าหมาย จากฐานลูกค้าเดิมช่วงอายุ 14-18 ปี ตั้งเป้ายอดขายปีแรกไว้ที่ 200 ล้านบาท ส่วนรายได้โดยรวมสิ้นปีคาดว่าจะเป็น 1,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้วราว 5-7%
ครั้งนี้ทเวลฟ์ พลัส ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ไอดอล แอดเวอร์ไทซิ่ง ซึ่งประสพความสำเร็จเป็นอย่างดีตลอด 3 ปีนี้ สร้างการเติบโตให้กับยอดขายของทุกกลุ่มสินค้า อาทิ แป้งเย็น, โรลออน และ โคโลญ ไม่ต่ำกว่า 15% ทุกปี และเป็นการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน โดยการใช้ซูเปอร์สตาร์จากเกาหลี ชอย ชีวอน และลี ทงแฮ เพื่อนในวงซูเปอร์ จูเนียร์ และพรีเซนเตอร์สาวไทยในครั้งนี้ คือ แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ โดยใช้งบโฆษณาสำหรับแป้งตัวใหม่ราว 70-80 ล้านบาท และอีก 10 ล้านบาทสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ทเวลฟ์ พลัส ยังได้เตรียมรุกตลาดด้วยช่องทางการขายที่หลากหลายเช่น การเพิ่มทีมขายโดยมีแผนที่จะทำการตลาดทั้งแบบขายตรง ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทยักษ์ใหญ่ขายตรง และแบบออนไลน์ เพิ่มความสะดวกให้วัยรุ่น และคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า ยอดขายของแป้งตัวใหม่นี้จะโตเป็น 500 ล้านบาท ซึ่งทำให้รายได้รวมของทเวลฟ์ พลัส โตเป็น 2,000 ล้านบาท
นายวิเชียร สันติมหกุลเลิศ ผู้อำนวยการตลาด บริษัท โอสถสภา จำกัด กล่าวว่า จากกระแสเทรนด์เกาหลีที่ยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความเป็นผู้นำเทรนด์เกาหลี จึงได้รุกเข้าสู่ตลาดเครื่องสำอาง ด้วยการเปิดตัว ทเวลฟ์ พลัส มิราเคิล บีบี พาวเดอร์ ราคา 259 บาท เป็นสินค้าไลน์ที่ 4 นอกจากแป้งเย็น, โรลออน และโคโลญ พาวเดอร์ใหม่ภายใต้ซับแบรนด์ Miracle
โดยจากผลสำรวจพบว่าเด็กวัยรุ่นมีโอกาสใช้สินค้าประเภทเครื่องสำอางเร็วขึ้นเรื่อยๆ และแป้งทาหน้าผสมรองพื้นเป็นผลิตภัณฑ์อันดับแรกที่จะเริ่มใช้ถึง 70% มูลค่าตลาดแป้งพัพราว 1,000 ล้านบาท โดยแป้งบีบีมีส่วนแบ่งเกือบ 30% ส่วนกลุ่มเป้าหมายหลักของแป้งมิราเคิล บีบี พาวเดอร์ เป็น วัยรุ่นหญิงอายุ 16-22 ปี เพื่อขยายฐานของกลุ่มเป้าหมาย จากฐานลูกค้าเดิมช่วงอายุ 14-18 ปี ตั้งเป้ายอดขายปีแรกไว้ที่ 200 ล้านบาท ส่วนรายได้โดยรวมสิ้นปีคาดว่าจะเป็น 1,000 ล้านบาท เติบโตจากปีที่แล้วราว 5-7%
ครั้งนี้ทเวลฟ์ พลัส ยังคงเดินหน้าด้วยกลยุทธ์ไอดอล แอดเวอร์ไทซิ่ง ซึ่งประสพความสำเร็จเป็นอย่างดีตลอด 3 ปีนี้ สร้างการเติบโตให้กับยอดขายของทุกกลุ่มสินค้า อาทิ แป้งเย็น, โรลออน และ โคโลญ ไม่ต่ำกว่า 15% ทุกปี และเป็นการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน โดยการใช้ซูเปอร์สตาร์จากเกาหลี ชอย ชีวอน และลี ทงแฮ เพื่อนในวงซูเปอร์ จูเนียร์ และพรีเซนเตอร์สาวไทยในครั้งนี้ คือ แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์ โดยใช้งบโฆษณาสำหรับแป้งตัวใหม่ราว 70-80 ล้านบาท และอีก 10 ล้านบาทสำหรับการพัฒนาผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ทเวลฟ์ พลัส ยังได้เตรียมรุกตลาดด้วยช่องทางการขายที่หลากหลายเช่น การเพิ่มทีมขายโดยมีแผนที่จะทำการตลาดทั้งแบบขายตรง ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับบริษัทยักษ์ใหญ่ขายตรง และแบบออนไลน์ เพิ่มความสะดวกให้วัยรุ่น และคาดว่าในอีก 3 ปีข้างหน้า ยอดขายของแป้งตัวใหม่นี้จะโตเป็น 500 ล้านบาท ซึ่งทำให้รายได้รวมของทเวลฟ์ พลัส โตเป็น 2,000 ล้านบาท
