คนอีลิทชักแถวเข้าโครงการลาออกล้นถึง 40 คน ทะลุจากเป้าที่วางไว้ว่าจะขอรับเพียง 26 คน “อุดม” ยันเลือกเข้าโครงการแค่ 26 คน ตามมติบอร์ดทีพีซี ชี้ สาเหตุที่พนักงานพร้อมใจลาออกน่าจะเป็นเพราะเกิดความไม่มั่นใจในอนาคตองค์กร
นายอุดม เมธาธำรงค์ศิริ รักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ประกาศรับพนักงานทีพีซีที่สมัครใจเข้าโครงการลาออกก่อนเกษียณอายุ ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการทีพีซีที่ต้องการปรับลดพนักงาน
ล่าสุด มีพนักงานทั้งระดับผู้บริหารและระดับปฎิบัติการสนใจเสนอตัวเข้าร่วมโครงการนี้จำนวนมากถึง 40 คน จากที่ตั้งไว้ว่าโครงการนี้จะปรับลดเพียง 26 ตำแหน่ง จึงขอยืนยันที่จะเปิดให้พนักงานเข้าร่วมโครงการนี้ตามจำนวนเท่าเดิมที่ตั้งไว้ คือ 26 ตำแหน่ง เน้นเฉพาะบุคคลที่ทางบริษัทคัดเลือกแล้วว่าเป็นพนักงานที่ไม่ผ่านการประเมิน ซึ่งก็ได้แจ้งโดยตรงกับผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินไปแล้ว และทั้งหมดก็พร้อมที่จะลาออก
สาเหตุที่พนักงานทีพีซีสนใจเข้าร่วมโครงการลาออกในครั้งนี้จำนวนมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ น่าจะเป็นเพราะเป็นการลาออกที่มีเงื่อนไขว่าจะได้รับเงินชดเชยตามสิทธิประโยชน์ทางกฏหมายทุกประการ และเป็นเรื่องของความไม่มั่นใจในอนาคตด้วยว่าหากมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้งอาจจะไม่ได้รับการชดเชยมากเท่านี้
เพราะต้องยอมรับว่าถึงขณะนี้เองก็ยังไม่มีใครทราบถึงแนวทางการดำเนินงานของทีพีซีว่าจะออกมาชัดเจนได้เมื่อใดแน่ และหากอนาคตเกิดมีมติว่าจะนำองค์กรทีพีซีไปเป็นหน่วยงานหนึ่งของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็ไม่รู้แน่ว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงานไปในรูปแบบใดอีกบ้าง
“ทีพีซีมีพนักงาน 129 คน แบ่งเป็นพนักงานประจำ 82 ตำแหน่ง และลูกจ้างประจำอีก 47 คน การตัดสินใจแห่เข้าร่วมโครงการลาออกครั้งนี้น่าจะเป็นเพราะเห็นว่าน่าจะเป็นทางเลือกดีกว่าที่จะอยู่ต่อไป”
นายอุดม กล่าวอีกว่า กรณีการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของทีพีซี เช่น โครงการ เช่าระบบไอทีสำหรับใช้ในระบบสำนักงานอัตโนมัติ และระบบสำรองผ่านระบบออนไลน์ กับสัญญาเช่าใช้ระบบบริหารสมาชิกสัมพันธ์ และการเชื่อมโยงระบบสารสนเทศ กับบริษัทแอดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด(มหาชน) หรือ เอไอที และโครงการเช่าพื้นที่โฆษณาในสนามบินสุวรรณภูมิกับบริษัท เจซี เดอโก ได้กำชับให้คณะกรรมการตรวจสอบซึ่งมีนางสาวเมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธาน ตรวจสอบเอกสารหลักฐานทั้งหมดให้ชัดเจนก่อนสรุปผลแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของ ทีพีซี เตรียมเอกสารเกี่ยวกับโครงการทั้งหมดไว้ให้พร้อมด้วย เบื้องต้นพบว่าโครงการ เช่าระบบไอที เป็นโครงการที่ส่อไปในทางทุจริตอย่างเห็นได้ชัด เพราะเอกสารสัญญาที่ทำไว้พบว่าทีพีซี เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เพราะแม้บอกเลิกสัญยาก็ต้องเสียเงินค่าปรับเต็มจำนวน ซึ่งคงต้องศึกษาลงลึกในรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป
นายอุดม เมธาธำรงค์ศิริ รักษาการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด (ทีพีซี) ผู้บริหารโครงการบัตรไทยแลนด์ อีลิท การ์ด เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้ประกาศรับพนักงานทีพีซีที่สมัครใจเข้าโครงการลาออกก่อนเกษียณอายุ ซึ่งเป็นไปตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการทีพีซีที่ต้องการปรับลดพนักงาน
ล่าสุด มีพนักงานทั้งระดับผู้บริหารและระดับปฎิบัติการสนใจเสนอตัวเข้าร่วมโครงการนี้จำนวนมากถึง 40 คน จากที่ตั้งไว้ว่าโครงการนี้จะปรับลดเพียง 26 ตำแหน่ง จึงขอยืนยันที่จะเปิดให้พนักงานเข้าร่วมโครงการนี้ตามจำนวนเท่าเดิมที่ตั้งไว้ คือ 26 ตำแหน่ง เน้นเฉพาะบุคคลที่ทางบริษัทคัดเลือกแล้วว่าเป็นพนักงานที่ไม่ผ่านการประเมิน ซึ่งก็ได้แจ้งโดยตรงกับผู้ที่ไม่ผ่านการประเมินไปแล้ว และทั้งหมดก็พร้อมที่จะลาออก
สาเหตุที่พนักงานทีพีซีสนใจเข้าร่วมโครงการลาออกในครั้งนี้จำนวนมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ น่าจะเป็นเพราะเป็นการลาออกที่มีเงื่อนไขว่าจะได้รับเงินชดเชยตามสิทธิประโยชน์ทางกฏหมายทุกประการ และเป็นเรื่องของความไม่มั่นใจในอนาคตด้วยว่าหากมีการปรับเปลี่ยนอีกครั้งอาจจะไม่ได้รับการชดเชยมากเท่านี้
เพราะต้องยอมรับว่าถึงขณะนี้เองก็ยังไม่มีใครทราบถึงแนวทางการดำเนินงานของทีพีซีว่าจะออกมาชัดเจนได้เมื่อใดแน่ และหากอนาคตเกิดมีมติว่าจะนำองค์กรทีพีซีไปเป็นหน่วยงานหนึ่งของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ก็ไม่รู้แน่ว่าจะต้องมีการปรับเปลี่ยนการทำงานไปในรูปแบบใดอีกบ้าง
“ทีพีซีมีพนักงาน 129 คน แบ่งเป็นพนักงานประจำ 82 ตำแหน่ง และลูกจ้างประจำอีก 47 คน การตัดสินใจแห่เข้าร่วมโครงการลาออกครั้งนี้น่าจะเป็นเพราะเห็นว่าน่าจะเป็นทางเลือกดีกว่าที่จะอยู่ต่อไป”
นายอุดม กล่าวอีกว่า กรณีการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงในโครงการจัดซื้อจัดจ้างของทีพีซี เช่น โครงการ เช่าระบบไอทีสำหรับใช้ในระบบสำนักงานอัตโนมัติ และระบบสำรองผ่านระบบออนไลน์ กับสัญญาเช่าใช้ระบบบริหารสมาชิกสัมพันธ์ และการเชื่อมโยงระบบสารสนเทศ กับบริษัทแอดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด(มหาชน) หรือ เอไอที และโครงการเช่าพื้นที่โฆษณาในสนามบินสุวรรณภูมิกับบริษัท เจซี เดอโก ได้กำชับให้คณะกรรมการตรวจสอบซึ่งมีนางสาวเมธาวี ตันวัฒนะพงษ์ โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเป็นประธาน ตรวจสอบเอกสารหลักฐานทั้งหมดให้ชัดเจนก่อนสรุปผลแล้ว
ขณะเดียวกัน ยังได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของ ทีพีซี เตรียมเอกสารเกี่ยวกับโครงการทั้งหมดไว้ให้พร้อมด้วย เบื้องต้นพบว่าโครงการ เช่าระบบไอที เป็นโครงการที่ส่อไปในทางทุจริตอย่างเห็นได้ชัด เพราะเอกสารสัญญาที่ทำไว้พบว่าทีพีซี เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เพราะแม้บอกเลิกสัญยาก็ต้องเสียเงินค่าปรับเต็มจำนวน ซึ่งคงต้องศึกษาลงลึกในรายละเอียดเพิ่มเติมต่อไป