เมเจอร์เริ่มถอดใจ หนังดี-โฆษณาเข้า ช่วยอะไรไม่ได้มาก คาดทั้งปีนี้รายได้ทรงตัวเท่าปีก่อน เหตุตัวถ่วงทั้งไข้หวัด 2009 และการเมือง ร่วมฉุดการเติบโต ทำคนดูผวา ไม่กล้าดูหนัง แย้งหนังดิจิตอล ไม่ช่วยอะไรมาก ต่อปีมีหนัง3Dเข้าฉายน้อย แต่อนาคตสดใส เมเจอร์ฯพร้อมลุยเปิดโรงหนังดิจิตอล 3D ต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีโรงหนังดิจิตอลรวม 20 โรง
นายอนวัช องค์วาสิฏฐ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการดำเนินงานในช่วงเวลา 8-9 เดือน ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทสามารถประเมินได้ว่า ปีนี้ทั้งปีบริษัทน่าจะมีรายได้รวมทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา โดยมองว่าทั้งปีจะขายตั๋วหนังได้ประมาณ 30 ล้านใบเท่าปีก่อน ถึงแม้ว่าสถานการณ์อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในปีนี้ จะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ทำเงินจากต่างประเทศเข้ามาฉายตลอดปี ซึ่งถือได้ว่าปีนี้เป็นปีที่มีหน้าหนังดีที่สุดอีกปีหนึ่ง บวกกับสื่อในโรงภาพยนตร์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องก็ตามนั้น แต่กลับไม่ช่วยให้รายได้รวมเติบโตได้
เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาประเทศไทยเจอสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความวุ่นวายในช่วงสงกรานต์ และกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ล้วนแต่เป็นปัจจัยลบที่ฉุดให้ลูกค้าชะลอการเข้ามาชมภาพยนตร์แทบทั้งสิ้น ถึงแม้ช่วงเวลานั้นจะมีภาพยนตร์ที่น่าสนใจก็ตาม
สำหรับเมเจอร์ปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั่วประเทศกว่า 46 สาขา และมีโรงภาพยนตร์ทั้งสิ้น 372 โรง โดยในจำนวนดังกล่าว เป็นโรงภาพยนตร์ระบบดิจิตอล 20โรง และสามารถฉายภาพยนตร์ 3D ดิจิตอล ได้ 12 โรง โดยเดือนที่ผ่านมาบริษัทได้นำเอาระบบ 3D ดิจิตอล เข้าไปติดตั้งอีก 1 จอในพารากอน ทำให้ปัจจุบันพารากอนมีโรงภาพยนตร์ที่ฉายหนังระบบ3D ดิจอตอล เพิ่มเป็น 2 จอ พร้อมกันนี้เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทยังได้นำเอาระบบ3D ดิจิตอล เข้าไปเพิ่มที่เมเจอร์ สาขาเชียงใหม่อีก 1 แห่ง
นายอนวัช กล่าวต่อว่า กระแสภาพยนตร์ 3D ดิจิตอลนั้น กำลังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ภาพยนตร์ที่จะนำมาสร้างเป็นระบบดังกล่าว จะต้องเป็นเรื่องที่มีเหตุผลที่จะทำเป็น 3D ดิจิตอลได้ ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกเรื่อง เช่น ภาพยนตร์อะนิเมชั่น และแอกชั่น-ไซไฟ จะทำ3Dได้ง่ายกว่าภาพยนตร์แนวรักโรแมนติก ส่งผลให้ต่อปีมีจำนวนภาพยนตร์ที่ถูกผลิตขึ้นมาในระบบ 3D ดิจิตอลน้อยมาก โดยปีนี้มีเพียง 6-7 เรื่อง ขณะที่ปี 2553 บริษัทคาดว่าจะนำเข้ามาได้ประมาณ 10 กว่าเรื่อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตลาดต่างประเทศที่จะผลิต ซึ่งสัดส่วนภาพยนตร์ 3D นี้ มีเพียง 3% ของอุตาหกรรมภาพยนตร์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กระแสภาพยนตร์ 3D กำลังมีแนวโน้มที่ดี เพราะต้นทุนการขนส่งจะถูกลง ดังนั้นอนาคตแนวโน้มที่ภาพยนตร์จะผลิตในลักษณะนี้ จะดียิ่งขึ้น ในส่วนของเมเจอร์เอง ก็พร้อมที่จะลงทุนติดตั้งจอเพื่อตอบรับเทคโนโลยีใหม่นี้อย่างแน่นอนถึงแม้ว่าการลงทุนสร้างโรงหนัง 3D ดิจิตอล จะสูงกว่าโรงหนังปกติก็ตาม ซึ่งบอกไม่ได้ว่าความเหมาะสมของการโรง 3D นี้ควรจะอยู่แค่ไหน ขึ้นอยู่กับโลเกชัน และความต้องการของผู้ชมมากกว่า
นายอนวัช องค์วาสิฏฐ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการดำเนินงานในช่วงเวลา 8-9 เดือน ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทสามารถประเมินได้ว่า ปีนี้ทั้งปีบริษัทน่าจะมีรายได้รวมทรงตัวเท่าปีที่ผ่านมา โดยมองว่าทั้งปีจะขายตั๋วหนังได้ประมาณ 30 ล้านใบเท่าปีก่อน ถึงแม้ว่าสถานการณ์อุตสาหกรรมภาพยนตร์ในปีนี้ จะมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ทำเงินจากต่างประเทศเข้ามาฉายตลอดปี ซึ่งถือได้ว่าปีนี้เป็นปีที่มีหน้าหนังดีที่สุดอีกปีหนึ่ง บวกกับสื่อในโรงภาพยนตร์ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องก็ตามนั้น แต่กลับไม่ช่วยให้รายได้รวมเติบโตได้
เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาประเทศไทยเจอสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้อยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความวุ่นวายในช่วงสงกรานต์ และกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 ล้วนแต่เป็นปัจจัยลบที่ฉุดให้ลูกค้าชะลอการเข้ามาชมภาพยนตร์แทบทั้งสิ้น ถึงแม้ช่วงเวลานั้นจะมีภาพยนตร์ที่น่าสนใจก็ตาม
สำหรับเมเจอร์ปัจจุบันมีจำนวนสาขาทั่วประเทศกว่า 46 สาขา และมีโรงภาพยนตร์ทั้งสิ้น 372 โรง โดยในจำนวนดังกล่าว เป็นโรงภาพยนตร์ระบบดิจิตอล 20โรง และสามารถฉายภาพยนตร์ 3D ดิจิตอล ได้ 12 โรง โดยเดือนที่ผ่านมาบริษัทได้นำเอาระบบ 3D ดิจิตอล เข้าไปติดตั้งอีก 1 จอในพารากอน ทำให้ปัจจุบันพารากอนมีโรงภาพยนตร์ที่ฉายหนังระบบ3D ดิจอตอล เพิ่มเป็น 2 จอ พร้อมกันนี้เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาบริษัทยังได้นำเอาระบบ3D ดิจิตอล เข้าไปเพิ่มที่เมเจอร์ สาขาเชียงใหม่อีก 1 แห่ง
นายอนวัช กล่าวต่อว่า กระแสภาพยนตร์ 3D ดิจิตอลนั้น กำลังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง แต่ภาพยนตร์ที่จะนำมาสร้างเป็นระบบดังกล่าว จะต้องเป็นเรื่องที่มีเหตุผลที่จะทำเป็น 3D ดิจิตอลได้ ไม่ใช่ว่าจะทำได้ทุกเรื่อง เช่น ภาพยนตร์อะนิเมชั่น และแอกชั่น-ไซไฟ จะทำ3Dได้ง่ายกว่าภาพยนตร์แนวรักโรแมนติก ส่งผลให้ต่อปีมีจำนวนภาพยนตร์ที่ถูกผลิตขึ้นมาในระบบ 3D ดิจิตอลน้อยมาก โดยปีนี้มีเพียง 6-7 เรื่อง ขณะที่ปี 2553 บริษัทคาดว่าจะนำเข้ามาได้ประมาณ 10 กว่าเรื่อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตลาดต่างประเทศที่จะผลิต ซึ่งสัดส่วนภาพยนตร์ 3D นี้ มีเพียง 3% ของอุตาหกรรมภาพยนตร์เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม กระแสภาพยนตร์ 3D กำลังมีแนวโน้มที่ดี เพราะต้นทุนการขนส่งจะถูกลง ดังนั้นอนาคตแนวโน้มที่ภาพยนตร์จะผลิตในลักษณะนี้ จะดียิ่งขึ้น ในส่วนของเมเจอร์เอง ก็พร้อมที่จะลงทุนติดตั้งจอเพื่อตอบรับเทคโนโลยีใหม่นี้อย่างแน่นอนถึงแม้ว่าการลงทุนสร้างโรงหนัง 3D ดิจิตอล จะสูงกว่าโรงหนังปกติก็ตาม ซึ่งบอกไม่ได้ว่าความเหมาะสมของการโรง 3D นี้ควรจะอยู่แค่ไหน ขึ้นอยู่กับโลเกชัน และความต้องการของผู้ชมมากกว่า