ธุรกิจโมบายคอนเท้นต์เติบโตสูง “อีเมจิเนชั่น” เพิ่มลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูน “โดราเอมอน” ดันยอด พร้อมลุยตลาดต่างประเทศ ทั้งอินโดนีเซียและสิงคโปร์ มั่นใจรายได้ปีนี้โตแบบก้าวกระโดดอีกครั้ง จาก 50 ล้านบาทในปีก่อน ทะลุ 150 ล้านบาท
นายชาญวิทย์ วิทยสัมฤทธิ์ ประธานกรรมการบริษัท อีเมจิเนชั่น จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดตัวบริษัทฯขึ้นมาดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโมบายคอนเท้นต์ ในกลุ่มอะนิเมชั่นมากกว่า 2 ปี พบว่าแต่ละปีมีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดจาก 5-10 ล้านบาทในปีแรกในปี 2549 สู่ 50 ล้านบาทในปี2550 เนื่องจากบริษัทฯได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ด้านดิจิตอล คอนเท้นต์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ จากบริษัทฯที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นค่ายหนังอย่าง Warner Bros, Sony Pictures, Paramount Pictures รวมถึงค่ายหนังของไทย อย่าง สหมงคลฟิล์ม
นอกจากนี้บริษัทฯยังเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนชื่อดังอีกหลายตัว เช่น Hello Kitty จากค่าย Sanrio,Crayon Shinchan, San-X, Snoopy และล่าสุดกับ โดราเอมอน ที่เพิ่มได้ลิขสิทธิ์ในปีนี้ ซึ่งทางบริษัทฯได้ร่วมกับทางเอไอเอส ให้เป็นเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเอ็กซ์คลูซีฟเป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับให้ลูกค้าเอไอเอสสามารถดาวน์โหลดคอนเท้นต์ต่างๆบนมือถือที่เกี่ยวข้องกับโดราเอนมอนได้ ซึ่งทั้งบริษัทฯและเอไอเอสได้ใช้งบประมาณทางการประชาสัมพันธ์รวมไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท หลังจากนั้นบริษัทฯจะมีการพูดคุยเพิ่มจำนวนพันธมิตรเพื่อให้ผู้ใช้โทรทัศน์มือถือเครือข่ายอื่นสามารถดาวน์โหลดโดราเอมอนได้ต่อไป
“ที่ผ่านมา Hello Kitty เป็นตัวการ์ตูนที่สร้างรายได้ให้บริษัทฯมากกว่า 50% ของธุรกิจดิจิตอลคอนเท้นต์บนมือถือ ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายจะเป็นผู้หญิง แต่หลังจากที่บริษัทฯได้ลิขสิทธิ์โดราเอมอนมาครั้งนี้ คาดว่าภายในสิ้นปี โดราเอมอนจะสร้างรายได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแทน เพราะตัวการ์ตูนดังกล่าวเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างกว้าง เพราะมีอายุกว่า 30 ปี จึงมีทั้งกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบ”
นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังมีการเจรจาที่จะเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนด้านดิจิตอล คอนเท้นต์บนมือถืออีกหลายตัวในปีนี้ เช่น นารุโตะ และเคโรโระ ส่วนภาพยนตร์นั้น ปีนี้กำลังเจรจาภาพยนตร์เรื่อง อินเดียน่าโจนส์ และเทอร์มิเนเตอร์4 อีกด้วย มั่นใจว่าทั้งปีบริษัทฯจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจาก 50 ล้านบาทในปีก่อน เป็น 100 ล้านบาทในปีนี้ ภายใต้งบการตลาดประมาณ 40-50 ล้านบาท โดยเฉพาะการโปรโมตโดราเอมอนครั้งนี้
อย่างไรก็ตามปีนี้ยังเป็นปีแรกที่บริษัทฯขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งมีความชัดเจนแล้ว 2 ประเทศ คือ อินโดนีเซียและสิงคโปร์ คาดว่าอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรมากกว่าไทย 4 เท่า จำนวนกว่า 240 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ คาดว่าปีแรกน่าจะมีรายได้ที่ 50 ล้านบาท ส่วนสิงคโปร์เป็นตลาดที่เล็ก คาดว่าน่าจะมีรายได้ในปีแรกประมาณ 10 ล้านบาท ภายใต้งบการตลาดรวมกันกว่า 30 ล้านบาท โดยใช้ในอินโดนีเซียมากกว่า นอกจากนี้ทางบริษัทฯเตรียมที่จะเข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้นด้วย เช่น เวียดนามคาดว่า 2-3 เดือนข้างหน้านี้จะเริ่มเข้าไปทำตลาดได้
นายชาญวิทย์ วิทยสัมฤทธิ์ ประธานกรรมการบริษัท อีเมจิเนชั่น จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้เปิดตัวบริษัทฯขึ้นมาดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับโมบายคอนเท้นต์ ในกลุ่มอะนิเมชั่นมากกว่า 2 ปี พบว่าแต่ละปีมีอัตราการเติบโตที่ก้าวกระโดดจาก 5-10 ล้านบาทในปีแรกในปี 2549 สู่ 50 ล้านบาทในปี2550 เนื่องจากบริษัทฯได้ร่วมมือกับพันธมิตรในการเป็นตัวแทนลิขสิทธิ์ด้านดิจิตอล คอนเท้นต์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ จากบริษัทฯที่มีชื่อเสียงระดับโลก ไม่ว่าจะเป็นค่ายหนังอย่าง Warner Bros, Sony Pictures, Paramount Pictures รวมถึงค่ายหนังของไทย อย่าง สหมงคลฟิล์ม
นอกจากนี้บริษัทฯยังเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนชื่อดังอีกหลายตัว เช่น Hello Kitty จากค่าย Sanrio,Crayon Shinchan, San-X, Snoopy และล่าสุดกับ โดราเอมอน ที่เพิ่มได้ลิขสิทธิ์ในปีนี้ ซึ่งทางบริษัทฯได้ร่วมกับทางเอไอเอส ให้เป็นเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเอ็กซ์คลูซีฟเป็นระยะเวลา 3 เดือน สำหรับให้ลูกค้าเอไอเอสสามารถดาวน์โหลดคอนเท้นต์ต่างๆบนมือถือที่เกี่ยวข้องกับโดราเอนมอนได้ ซึ่งทั้งบริษัทฯและเอไอเอสได้ใช้งบประมาณทางการประชาสัมพันธ์รวมไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท หลังจากนั้นบริษัทฯจะมีการพูดคุยเพิ่มจำนวนพันธมิตรเพื่อให้ผู้ใช้โทรทัศน์มือถือเครือข่ายอื่นสามารถดาวน์โหลดโดราเอมอนได้ต่อไป
“ที่ผ่านมา Hello Kitty เป็นตัวการ์ตูนที่สร้างรายได้ให้บริษัทฯมากกว่า 50% ของธุรกิจดิจิตอลคอนเท้นต์บนมือถือ ซึ่งส่วนใหญ่กลุ่มเป้าหมายจะเป็นผู้หญิง แต่หลังจากที่บริษัทฯได้ลิขสิทธิ์โดราเอมอนมาครั้งนี้ คาดว่าภายในสิ้นปี โดราเอมอนจะสร้างรายได้ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งแทน เพราะตัวการ์ตูนดังกล่าวเป็นที่รู้จักและชื่นชอบในกลุ่มเป้าหมายที่ค่อนข้างกว้าง เพราะมีอายุกว่า 30 ปี จึงมีทั้งกลุ่มเด็กและผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบ”
นอกจากนี้ทางบริษัทฯยังมีการเจรจาที่จะเป็นผู้ถือลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนด้านดิจิตอล คอนเท้นต์บนมือถืออีกหลายตัวในปีนี้ เช่น นารุโตะ และเคโรโระ ส่วนภาพยนตร์นั้น ปีนี้กำลังเจรจาภาพยนตร์เรื่อง อินเดียน่าโจนส์ และเทอร์มิเนเตอร์4 อีกด้วย มั่นใจว่าทั้งปีบริษัทฯจะมีรายได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจาก 50 ล้านบาทในปีก่อน เป็น 100 ล้านบาทในปีนี้ ภายใต้งบการตลาดประมาณ 40-50 ล้านบาท โดยเฉพาะการโปรโมตโดราเอมอนครั้งนี้
อย่างไรก็ตามปีนี้ยังเป็นปีแรกที่บริษัทฯขยายธุรกิจไปสู่ต่างประเทศ ซึ่งมีความชัดเจนแล้ว 2 ประเทศ คือ อินโดนีเซียและสิงคโปร์ คาดว่าอินโดนีเซียซึ่งมีประชากรมากกว่าไทย 4 เท่า จำนวนกว่า 240 ล้านคน ซึ่งถือเป็นตลาดใหญ่ คาดว่าปีแรกน่าจะมีรายได้ที่ 50 ล้านบาท ส่วนสิงคโปร์เป็นตลาดที่เล็ก คาดว่าน่าจะมีรายได้ในปีแรกประมาณ 10 ล้านบาท ภายใต้งบการตลาดรวมกันกว่า 30 ล้านบาท โดยใช้ในอินโดนีเซียมากกว่า นอกจากนี้ทางบริษัทฯเตรียมที่จะเข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศอื่นๆเพิ่มขึ้นด้วย เช่น เวียดนามคาดว่า 2-3 เดือนข้างหน้านี้จะเริ่มเข้าไปทำตลาดได้
