ทิก้า เพิ่งตื่น จัดสัมมนาสร้างความรู้ให้แก่สมาชิก หันจับตลาดประชุม อินเซนทีฟ และ แต่งงาน จากประเทศอินเดีย หวังลดความเสี่ยงทางธุรกิจ เหตุตลาดอื่นหดตัวจากวิกฤตเศรษฐกิจ และ การเมืองในประเทศไทย พร้อมฉะหน่วยงาน สสปน.ทำงานไม่เป็นชี้ไม่เคยสร้างสายสัมพันธ์ในต่างประเทศ เพียงแค่โรดโชว์และจัดแคมเปญกระตุ้นตลาดไปวันๆ
นายสุเมธ สุทัศน์ ณ อยุธยา นายกสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ ทิก้า เปิดเผยว่า ต้องการให้สมาชิกขยายตลาดไปจับกลุ่มลูกค้าจัดประชุมสัมมนา และ ตลาดแต่งงาน ที่ประเทศอินเดีย จึงได้มีการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่สมาชิกถึงเทคนิคการเข้าไปทำตลาดในประเทศดังกล่าว
ทั้งนี้ มองว่า อินเดีย เป็นตลาดที่มีศักยภาพด้านการจับจ่าย เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก จึงสามารถเข้ามาเสริม หรือเติมเต็มธุรกิจจัดประชุมสัมมนาและอินเซนที่หดหายไป ให้กลับมาทันในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ กลยุทธ์ที่สำคัญ คือ การเข้าถึงและเข้าใจความต้องการของลูกค้า สามารถตอบโจทย์ที่ลูกค้าต้องการได้ เข้าก็จะเลือกใช้บริการเรา
“เราต้องการให้สมาชิกทิก้า มุ่งไปจับตลาดไฮเอนด์ที่ประเทศอินเดีย ในกลุ่มจัดสัมมนาของผู้บริหารระดับสูง และ กลุ่มแต่งงาน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งมากกว่า 5-6 ล้านบาท ขึ้นไป และตลาดนี้ยังชื่นชอบการชอปปิ้งซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ให้แก่ประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ อินเดีย เป็นตลาดที่ไม่อ่อนไหวกับสถานการณ์ปัญหาทางการเมืองของไทยด้วย เห็นได้จากตัวเลขของนักท่องเที่ยวตลาดนี้ 3 ไตรมาสยังเติบโต ขณะที่ตลาดอื่นๆ ในย่านเดียวกันติดลบมากมาย เช่น จีน ติดลบถึง 30% ยุโรปติดลบ 40% เป็นต้น”
ภาพรวมตลาดไมซ์ปีนี้ คงเป็นไปตามที่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สสปน.) ตั้งเป้าไว้ ว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เดินทางมาประมาณ 5 แสนคน ซึ่งการนำเสนอขายโปรแกรมตอนนี้ ได้ให้สมาชิกใช้กลยุทธ์นำเสนอความคุ้มค่า หากเลือกเดินทางเข้ามาประเทศไทย เพราะจากภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และโรคระบาดไข้หวัด 2009 ทำให้ โรงแรมที่พัก และ สายการบินมีความยืดหยุ่นในเรื่องของราคา ดังนั้น หากตัดสินใจเดินทางเข้ามาจัดสัมมนาที่ไทยในช่วงนี้จะได้ราคาที่ถูกเป็นพิเศษ
****ฉะ สสปน.ทำงานไม่เป็น*****
อย่างไรก็ตาม มองว่า การทำงานของ สสปน.ตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรจนถึงปัจจุบัน ยังไม่ตอบโจทย์เรื่องการบูรณาการอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งระบบอย่างแท้จริง โดยแนวทางการบริหารงาน ไม่ได้เป็นระดับมหภาค ไม่มีการประเมินตลาดในระยะไกล ไม่มีการสร้างสายสัมพันธ์กับองค์กรในต่างประเทศที่มีการจัดประชุมสัมมนา ไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่รัฐไปร่วมงานตามสมาคมในต่างประเทศ ไม่เหมือนกับที่ประเทศอื่นๆ ทำ ดังนั้น เมื่อเกิดสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยลบ จึงถูกบอกยกเลิกงานได้ง่าย แม้จะมีการให้อินเซนทีฟแก่ผู้ที่เดินทางเข้ามาด้วยแพกเกจต่างๆ หรือสนับสนุนวงเงิน ก็ไม่สามารถช่วยสร้างแรงจูงใจได้มากนัก ทุกวันนี้ สสปน.ทำงานแบบผิวเผิน โรดโชว์ และจัดแพกกระตุ้นตลาดไปวันๆ ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ตามที่ได้ยื่นเสนอของบประมาณไป จึงทำให้อุตสาหกรรมนี้ต้องได้รับผลกระทบทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติ
นายสุเมธ สุทัศน์ ณ อยุธยา นายกสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ ทิก้า เปิดเผยว่า ต้องการให้สมาชิกขยายตลาดไปจับกลุ่มลูกค้าจัดประชุมสัมมนา และ ตลาดแต่งงาน ที่ประเทศอินเดีย จึงได้มีการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่สมาชิกถึงเทคนิคการเข้าไปทำตลาดในประเทศดังกล่าว
ทั้งนี้ มองว่า อินเดีย เป็นตลาดที่มีศักยภาพด้านการจับจ่าย เพราะไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก จึงสามารถเข้ามาเสริม หรือเติมเต็มธุรกิจจัดประชุมสัมมนาและอินเซนที่หดหายไป ให้กลับมาทันในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ กลยุทธ์ที่สำคัญ คือ การเข้าถึงและเข้าใจความต้องการของลูกค้า สามารถตอบโจทย์ที่ลูกค้าต้องการได้ เข้าก็จะเลือกใช้บริการเรา
“เราต้องการให้สมาชิกทิก้า มุ่งไปจับตลาดไฮเอนด์ที่ประเทศอินเดีย ในกลุ่มจัดสัมมนาของผู้บริหารระดับสูง และ กลุ่มแต่งงาน ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายต่อครั้งมากกว่า 5-6 ล้านบาท ขึ้นไป และตลาดนี้ยังชื่นชอบการชอปปิ้งซึ่งจะช่วยกระจายรายได้ให้แก่ประเทศไทยได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญ อินเดีย เป็นตลาดที่ไม่อ่อนไหวกับสถานการณ์ปัญหาทางการเมืองของไทยด้วย เห็นได้จากตัวเลขของนักท่องเที่ยวตลาดนี้ 3 ไตรมาสยังเติบโต ขณะที่ตลาดอื่นๆ ในย่านเดียวกันติดลบมากมาย เช่น จีน ติดลบถึง 30% ยุโรปติดลบ 40% เป็นต้น”
ภาพรวมตลาดไมซ์ปีนี้ คงเป็นไปตามที่ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สสปน.) ตั้งเป้าไว้ ว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เดินทางมาประมาณ 5 แสนคน ซึ่งการนำเสนอขายโปรแกรมตอนนี้ ได้ให้สมาชิกใช้กลยุทธ์นำเสนอความคุ้มค่า หากเลือกเดินทางเข้ามาประเทศไทย เพราะจากภาวะเศรษฐกิจ การเมือง และโรคระบาดไข้หวัด 2009 ทำให้ โรงแรมที่พัก และ สายการบินมีความยืดหยุ่นในเรื่องของราคา ดังนั้น หากตัดสินใจเดินทางเข้ามาจัดสัมมนาที่ไทยในช่วงนี้จะได้ราคาที่ถูกเป็นพิเศษ
****ฉะ สสปน.ทำงานไม่เป็น*****
อย่างไรก็ตาม มองว่า การทำงานของ สสปน.ตั้งแต่ก่อตั้งองค์กรจนถึงปัจจุบัน ยังไม่ตอบโจทย์เรื่องการบูรณาการอุตสาหกรรมไมซ์ทั้งระบบอย่างแท้จริง โดยแนวทางการบริหารงาน ไม่ได้เป็นระดับมหภาค ไม่มีการประเมินตลาดในระยะไกล ไม่มีการสร้างสายสัมพันธ์กับองค์กรในต่างประเทศที่มีการจัดประชุมสัมมนา ไม่มีการส่งเจ้าหน้าที่รัฐไปร่วมงานตามสมาคมในต่างประเทศ ไม่เหมือนกับที่ประเทศอื่นๆ ทำ ดังนั้น เมื่อเกิดสถานการณ์ที่เป็นปัจจัยลบ จึงถูกบอกยกเลิกงานได้ง่าย แม้จะมีการให้อินเซนทีฟแก่ผู้ที่เดินทางเข้ามาด้วยแพกเกจต่างๆ หรือสนับสนุนวงเงิน ก็ไม่สามารถช่วยสร้างแรงจูงใจได้มากนัก ทุกวันนี้ สสปน.ทำงานแบบผิวเผิน โรดโชว์ และจัดแพกกระตุ้นตลาดไปวันๆ ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ได้มาซึ่งตัวเลขนักท่องเที่ยวกลุ่มไมซ์ ตามที่ได้ยื่นเสนอของบประมาณไป จึงทำให้อุตสาหกรรมนี้ต้องได้รับผลกระทบทุกครั้งที่มีเหตุการณ์ไม่ปกติ