ฟันคาแรคเตอร์ส ปรับทิศสู้ตลาดลิขสิทธิ์คาแรคเตอร์ส ชะลอตัวตามเศรษฐกิจ มุ่งช่องทางโมเดิร์นเทรด เหตุราคาต่ำกว่า เพิ่มไลน์สินค้า พร้อมออกตัวใหม่ปลายปี กระตุ้นตลาด เผยปรับเป้าเติบโตลดลงจากเดิมเหลือ 12%
นางสาวอนิษฐ์ฑิตา บัวทรัพย์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัท ฟัน คาแรคเตอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารลิขสิทธิ์ดีสนีย์ในประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาและปัญหาความขัดแย้งการเมืองไทยได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจลิขสิทธ์โดยรวมเช่นกัน ในขณะที่บริษัทฯเองต้องปรับลดเป้าอัตราการเติบโตลงเหลือ 12%ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนแต่ก็ยังโตมากกว่าตลาดรวม จากเดิมที่ตั้งเป้าที่ 16%
ปัจจุบันตลาดรวมของลิขสิทธิ์ในไทยมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยมีค่ายดีสนีย์ฯเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 62% หรือมูลค่า 6,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ที่มาจากคาแรคเตอร์สของมิคกี้เมาส์และหมีพูห์ 75% ดีสนีย์ปริ้นเซส 15% ที่เหลือเป็นรายได้จากคาแรคเตอร์สอื่นๆ
อย่างไรก็ตามคาดว่าปีนี้ตลาดรวมของคาแรคเตอร์สคงจะอยู่ในภาวะชะลอตัวเล็กน้อยตามสภาพเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาซึ่งในส่วนของผู้ซื้อไลเซ่นส์เดิมมีการปรับกลยุทธ์ การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ และเพิ่มความถี่ในการออกคอลเลคชั่นใหม่สู่ตลาด เพื่อกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภค
นางสาวอนิษฐ์ฑิตา กล่าวว่า บริษัทฯได้ปรับแผนดำเนินการใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของช่องทางจำหน่ายจากเดิมที่เน้นช่องทางห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนประมาณ 40% จากยอดขายรวมของบริษัทฯ ช่องทางโมเดิร์เทรดสัดส่วน 30% และช่องทางอื่นๆ 30% แต่บริษัทฯจะหันมามุ่งเน้นช่องทางโมเดิร์นเทรดมากขึ้น เพราะช่องทางนี้เติบโตมากกว่า 100% ตามสภาพเศรษฐกิจเพราะช่องทางนี้สินค้าจะมีราคาต่ำกว่าช่องทางห้างสรรพสินค้า ด้วยการเพิ่มไลน์สินค้า ในช่องทางโมเดิร์นเทรดมากขึ้น จากเดิมมีประมาณ 100 เอสเคยู จะเพิ่มเป็น 1,000 เอสเคยู
นอกจากนั้นจะต้องเน้นกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเมอร์ชันไดส์มากขึ้น (Value Add) ไม่เพียงแค่ขายลิขสิทธิ์ไปให้กับผู้ที่สนใจเพื่อไปผลิตเมอร์ชันไดส์เท่านั้น แต่อาจจะมีลูกเล่นมากขึ้นกับตัวสินค้านั้นและจะต้องคำนึงถึงเทรนด์ให้มากขึ้นว่า ทิศทางตลาดจะไปในทางใด สินค้ากลุ่มไหนที่เหมาะกับคาแรคเตอร์ใด เพื่อสร้างแรงจูงใจในการซื้อ เพราะที่ผ่านมา ผู้บริโภคชะลอการซื้อและลดปริมาณการซื้อลงเช่นเดียวกัน โดยสินค้าที่มียอดขายเติบโตมากที่สุดคือ กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน ส่วนกลุ่มที่ซบเซามากที่สุดคือ กลุ่มสินค้าอีเลคโทรนิคส์
ขณะเดียวกันในปลายปีนี้จะมีสินค้าคาแรคเตอร์สใหม่ ออกมาทำตลาดอีก คือ ลิโล่สติทช์ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่สนใจซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตสินค้าเมอร์ชันไดส์ และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มฐานกลุ่มลูกค้าผู้ชายมากขึ้นจากปัจจุบันมี 10% และเป็นกลุ่มผู้หญิงมากถึง 90%
นางสาวอนิษฐ์ฑิตา กล่าวต่อว่า ในปีหน้านโยบายของบริษัทแม่ที่วางไว้ ส่วนหนึ่งคือ การฟื้นคาแรคเตอร์ส ทอยส์สตรอรี่ กลับมาทำตลาดใหม่ หลังจากที่เงียบหายไปนานกว่า 10 ปีแล้ว โดยตามแผนงานนั้น จะมีการรวมเอาภาค 1 และ 2 มาสร้างเป็นหนังสามมิติ โดยในประเทศไทยจะเปิดตัวเดือนตุลาคมปีหน้า ส่วนอเมริกาเปิดตัวเดือนกรกฎาคมปีหน้า ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถกระตุ้นตลาดได้อีกแรงหนึ่ง เพราะเป็นคาแรคเตอร์ที่ได้รับความนิยมมากในอดีต
“ปีนี้เราตั้งงบการตลาดไว้ที่ 50 ล้านบาท เพื่อลุยเต็มที่ ล่าสุดคือการร่วมมือกับ พาร์ทเนอร์คือ อีเวนท์เฮ้าส์ ในการจัด “ดีสนีย์ฟันตาซี 2009 มหัศจรรย์ความสุขและจินตนาการ” นำเสนอ 3 คาแรคเตอร์สดังคือ มิคกี้เมาส์-หมีพูห์-ปริ้นเซส มาโชว์ วันที่ 9-11 ต.ค.ศกนี้ที่อิมแพคเมืองทองธานี มีสปอนเซอร์หลักคือ โอวัลติน กระเบื้องคอตโต้ แบงก์ไทยพาณิชย์ ทรูวิชั่นส์ รักลูกกรุ๊ป คาดคนเข้าชมไม่ต่ำกว่า 150,000 คน” นางสาวอนิษฐ์ฑิตา กล่าวในที่สุด
นางสาวอนิษฐ์ฑิตา บัวทรัพย์ ผู้อำนวยการประจำประเทศไทย บริษัท ฟัน คาแรคเตอร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้บริหารลิขสิทธิ์ดีสนีย์ในประเทศไทย เปิดเผยว่า จากสภาพเศรษฐกิจที่ซบเซาและปัญหาความขัดแย้งการเมืองไทยได้ส่งผลกระทบต่อธุรกิจลิขสิทธ์โดยรวมเช่นกัน ในขณะที่บริษัทฯเองต้องปรับลดเป้าอัตราการเติบโตลงเหลือ 12%ซึ่งต่ำกว่าปีก่อนแต่ก็ยังโตมากกว่าตลาดรวม จากเดิมที่ตั้งเป้าที่ 16%
ปัจจุบันตลาดรวมของลิขสิทธิ์ในไทยมีมูลค่าประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยมีค่ายดีสนีย์ฯเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งกว่า 62% หรือมูลค่า 6,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ที่มาจากคาแรคเตอร์สของมิคกี้เมาส์และหมีพูห์ 75% ดีสนีย์ปริ้นเซส 15% ที่เหลือเป็นรายได้จากคาแรคเตอร์สอื่นๆ
อย่างไรก็ตามคาดว่าปีนี้ตลาดรวมของคาแรคเตอร์สคงจะอยู่ในภาวะชะลอตัวเล็กน้อยตามสภาพเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาซึ่งในส่วนของผู้ซื้อไลเซ่นส์เดิมมีการปรับกลยุทธ์ การพัฒนาสินค้าใหม่ๆ และเพิ่มความถี่ในการออกคอลเลคชั่นใหม่สู่ตลาด เพื่อกระตุ้นการซื้อของผู้บริโภค
นางสาวอนิษฐ์ฑิตา กล่าวว่า บริษัทฯได้ปรับแผนดำเนินการใหม่ โดยเฉพาะในส่วนของช่องทางจำหน่ายจากเดิมที่เน้นช่องทางห้างสรรพสินค้าเป็นหลัก โดยมีสัดส่วนประมาณ 40% จากยอดขายรวมของบริษัทฯ ช่องทางโมเดิร์เทรดสัดส่วน 30% และช่องทางอื่นๆ 30% แต่บริษัทฯจะหันมามุ่งเน้นช่องทางโมเดิร์นเทรดมากขึ้น เพราะช่องทางนี้เติบโตมากกว่า 100% ตามสภาพเศรษฐกิจเพราะช่องทางนี้สินค้าจะมีราคาต่ำกว่าช่องทางห้างสรรพสินค้า ด้วยการเพิ่มไลน์สินค้า ในช่องทางโมเดิร์นเทรดมากขึ้น จากเดิมมีประมาณ 100 เอสเคยู จะเพิ่มเป็น 1,000 เอสเคยู
นอกจากนั้นจะต้องเน้นกลยุทธ์การเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าเมอร์ชันไดส์มากขึ้น (Value Add) ไม่เพียงแค่ขายลิขสิทธิ์ไปให้กับผู้ที่สนใจเพื่อไปผลิตเมอร์ชันไดส์เท่านั้น แต่อาจจะมีลูกเล่นมากขึ้นกับตัวสินค้านั้นและจะต้องคำนึงถึงเทรนด์ให้มากขึ้นว่า ทิศทางตลาดจะไปในทางใด สินค้ากลุ่มไหนที่เหมาะกับคาแรคเตอร์ใด เพื่อสร้างแรงจูงใจในการซื้อ เพราะที่ผ่านมา ผู้บริโภคชะลอการซื้อและลดปริมาณการซื้อลงเช่นเดียวกัน โดยสินค้าที่มียอดขายเติบโตมากที่สุดคือ กลุ่มสินค้าตกแต่งบ้าน ส่วนกลุ่มที่ซบเซามากที่สุดคือ กลุ่มสินค้าอีเลคโทรนิคส์
ขณะเดียวกันในปลายปีนี้จะมีสินค้าคาแรคเตอร์สใหม่ ออกมาทำตลาดอีก คือ ลิโล่สติทช์ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ที่สนใจซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิตสินค้าเมอร์ชันไดส์ และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มฐานกลุ่มลูกค้าผู้ชายมากขึ้นจากปัจจุบันมี 10% และเป็นกลุ่มผู้หญิงมากถึง 90%
นางสาวอนิษฐ์ฑิตา กล่าวต่อว่า ในปีหน้านโยบายของบริษัทแม่ที่วางไว้ ส่วนหนึ่งคือ การฟื้นคาแรคเตอร์ส ทอยส์สตรอรี่ กลับมาทำตลาดใหม่ หลังจากที่เงียบหายไปนานกว่า 10 ปีแล้ว โดยตามแผนงานนั้น จะมีการรวมเอาภาค 1 และ 2 มาสร้างเป็นหนังสามมิติ โดยในประเทศไทยจะเปิดตัวเดือนตุลาคมปีหน้า ส่วนอเมริกาเปิดตัวเดือนกรกฎาคมปีหน้า ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถกระตุ้นตลาดได้อีกแรงหนึ่ง เพราะเป็นคาแรคเตอร์ที่ได้รับความนิยมมากในอดีต
“ปีนี้เราตั้งงบการตลาดไว้ที่ 50 ล้านบาท เพื่อลุยเต็มที่ ล่าสุดคือการร่วมมือกับ พาร์ทเนอร์คือ อีเวนท์เฮ้าส์ ในการจัด “ดีสนีย์ฟันตาซี 2009 มหัศจรรย์ความสุขและจินตนาการ” นำเสนอ 3 คาแรคเตอร์สดังคือ มิคกี้เมาส์-หมีพูห์-ปริ้นเซส มาโชว์ วันที่ 9-11 ต.ค.ศกนี้ที่อิมแพคเมืองทองธานี มีสปอนเซอร์หลักคือ โอวัลติน กระเบื้องคอตโต้ แบงก์ไทยพาณิชย์ ทรูวิชั่นส์ รักลูกกรุ๊ป คาดคนเข้าชมไม่ต่ำกว่า 150,000 คน” นางสาวอนิษฐ์ฑิตา กล่าวในที่สุด