ไมเนอร์ ดันแบรนด์ทูมี่ เต็มที่โต หวังดันเติบโตไตรมาสสุดท้าย 20% ออกคอลเลกชันใหม่กระตุ้น เดาทางเศรษฐกิจปีหน้าไม่ออก เตรียมส่งสินค้าใหม่ลุย พร้อมอุดช่องว่างแต่ละรุ่น ราคาลง 20%
นายภีม ว่องไพฑูรย์ ผู้จัดการธุรกิจ-ทูมี่แบรนด์ สินค้ากระเป๋าเดินทางจากอเมริกา บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดขายช่วงครึ่งปีแรกของกระเป๋าเดินทางแบรนด์ทูมี่ ไม่มีการเติบโตมากนัก หรืออยู่ในขั้นทรงตัว เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปบ้าง อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตปีนี้ไว้ที่หลักเดียว จากเดิมที่เติบโตเป็นเลขสองหลักมาโดยตลอด
ทั้งนี้ บริษัทจะรุกตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้าย ด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ 4 รุ่น คือ Tumi Light กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ที่มีน้ำหนักเบากว่าเดิม 40% หรือหนัก 3 กิโลกรัม, 4Wheels กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่มี 4 ล้อ, Q Tote กระเป๋าถือสำหรับผู้หญิง และ T-Pass กระเป๋าใส่เอกสารและคอมพิวเตอร์ ซึ่งจับกลุ่มระดับไฮเอนด์ ซึ่งมั่นใจว่าคอลเลคชั่นใหม่นี้จะทำให้ยอดขายไตรมาสที่สี่เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และส่งผลให้ทั้งปีเติบโตตามเป้าหมาย
นายภีม กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการรับมือกับสภาพตลาดในปีหน้าและเศรษฐกิจที่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเป็นอย่างไร บริษัทมีแผนที่จะรุกตลาดและนำสินค้าใหม่พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งปีหน้าจะมีสินค้ารุ่นใหม่ คือ 1.Alpha Bravo อัลฟา บราโว 2.Laredo ลาเรโด 3.T-tech Presidio ทีเทค-เพรสซิดิโอ, Empire เอ็มไพร์, Quest เควส 4.Sundance ซันแดนส์ แฟรบบริค และ 5.Vapor เวเปอร์
ปัจจุบันบริษัทมีรุ่นอัลฟ่า กว่า 40 แบบวางจำหน่าย เป็นลวดลายเบสิคทั่วไป ส่วนอีกรุ่นคือ ที-เทค เป็นสินค้าจับกลุ่มยังเจนเนอเรชั่น ซึ่งมีแผนที่จะนำรุ่น อัลฟ่าบราโวมาทำตลาด เพื่อจับกลุ่มที่อยู่ตรงกลางระหว่างอัลฟาบราโวกับที-เทค จะจับกลุ่มผู้เริ่มทำงานใหม่ๆ มีสไตล์ของตัวเอง ราคาจะต่ำกว่า 40%
สำหรับฐานลูกค้าในขณะนี้มีที่แอคทีฟประมาณ 3,000 ราย แบ่งสัดส่วนลูกค้าออกเป็น คนไทย 50% กลุ่มทัวร์ริสต์ 30% และ กลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวเอง 20% ซึ่งในปีนี้คาดว่ากลุ่มทัวร์ริสต์ จะตกลงประมาณ 15% ส่วนกลุ่มเอ้กซ์แพทจะเพิ่มขึ้น 15% โดยที่กลุ่มสินค้ากระเป๋าผู้หญิงมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 5% จากยอดขายรวม ส่วน 95% เป็นกระเป๋าผู้ชาย
ส่วนช่องทางจำหน่ายนั้น มีชอปแห่งเดียวที่เกษร นอกนั้นเป็นเคาน์เตอร์ 5 แห่ง คือ ที่ พารากอน อิเซตัน เซน เซ็นทรัลชิดลม เอมโพเรี่ยม และปีหน้ามีแผนที่จะรีโนเวตชอปใหม่ให้เป็นไปตามสไตล์ที่บริษัทแม่เริ่มเปลี่ยนแล้วทั่วโลก ในคอนเซปต์ EBONY
ปัจจุบันตลาดกระเป๋าเดินทางในไทยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1,200 ล้านบาท แต่ละปีเติบโตประมาณ 5-10% ซึ่งจำนวนนี้แบ่งออกเป็น ตลาดประหยัด มูลค่า 600 ล้านบาท หรือ50% ของตลาดรวม กลุ่มพรีเมียม 420 ล้านบาท หรือสัดส่วน 35% และกลุ่มไฮเอนด์ มูลค่า 180 ล้านบาทหรือสัดส่วน 15% โดยที่แบรนด์ทูมี่อยู่ในกลุ่มไฮเอนด์มีส่วนแบ่ง 30%
นายภีม ว่องไพฑูรย์ ผู้จัดการธุรกิจ-ทูมี่แบรนด์ สินค้ากระเป๋าเดินทางจากอเมริกา บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ยอดขายช่วงครึ่งปีแรกของกระเป๋าเดินทางแบรนด์ทูมี่ ไม่มีการเติบโตมากนัก หรืออยู่ในขั้นทรงตัว เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี นักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปบ้าง อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตปีนี้ไว้ที่หลักเดียว จากเดิมที่เติบโตเป็นเลขสองหลักมาโดยตลอด
ทั้งนี้ บริษัทจะรุกตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้าย ด้วยการเปิดตัวคอลเลคชั่นใหม่ 4 รุ่น คือ Tumi Light กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ ที่มีน้ำหนักเบากว่าเดิม 40% หรือหนัก 3 กิโลกรัม, 4Wheels กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่มี 4 ล้อ, Q Tote กระเป๋าถือสำหรับผู้หญิง และ T-Pass กระเป๋าใส่เอกสารและคอมพิวเตอร์ ซึ่งจับกลุ่มระดับไฮเอนด์ ซึ่งมั่นใจว่าคอลเลคชั่นใหม่นี้จะทำให้ยอดขายไตรมาสที่สี่เพิ่มขึ้น 20% จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว และส่งผลให้ทั้งปีเติบโตตามเป้าหมาย
นายภีม กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการรับมือกับสภาพตลาดในปีหน้าและเศรษฐกิจที่ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเป็นอย่างไร บริษัทมีแผนที่จะรุกตลาดและนำสินค้าใหม่พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ซึ่งปีหน้าจะมีสินค้ารุ่นใหม่ คือ 1.Alpha Bravo อัลฟา บราโว 2.Laredo ลาเรโด 3.T-tech Presidio ทีเทค-เพรสซิดิโอ, Empire เอ็มไพร์, Quest เควส 4.Sundance ซันแดนส์ แฟรบบริค และ 5.Vapor เวเปอร์
ปัจจุบันบริษัทมีรุ่นอัลฟ่า กว่า 40 แบบวางจำหน่าย เป็นลวดลายเบสิคทั่วไป ส่วนอีกรุ่นคือ ที-เทค เป็นสินค้าจับกลุ่มยังเจนเนอเรชั่น ซึ่งมีแผนที่จะนำรุ่น อัลฟ่าบราโวมาทำตลาด เพื่อจับกลุ่มที่อยู่ตรงกลางระหว่างอัลฟาบราโวกับที-เทค จะจับกลุ่มผู้เริ่มทำงานใหม่ๆ มีสไตล์ของตัวเอง ราคาจะต่ำกว่า 40%
สำหรับฐานลูกค้าในขณะนี้มีที่แอคทีฟประมาณ 3,000 ราย แบ่งสัดส่วนลูกค้าออกเป็น คนไทย 50% กลุ่มทัวร์ริสต์ 30% และ กลุ่มที่เดินทางท่องเที่ยวเอง 20% ซึ่งในปีนี้คาดว่ากลุ่มทัวร์ริสต์ จะตกลงประมาณ 15% ส่วนกลุ่มเอ้กซ์แพทจะเพิ่มขึ้น 15% โดยที่กลุ่มสินค้ากระเป๋าผู้หญิงมีสัดส่วนยอดขายประมาณ 5% จากยอดขายรวม ส่วน 95% เป็นกระเป๋าผู้ชาย
ส่วนช่องทางจำหน่ายนั้น มีชอปแห่งเดียวที่เกษร นอกนั้นเป็นเคาน์เตอร์ 5 แห่ง คือ ที่ พารากอน อิเซตัน เซน เซ็นทรัลชิดลม เอมโพเรี่ยม และปีหน้ามีแผนที่จะรีโนเวตชอปใหม่ให้เป็นไปตามสไตล์ที่บริษัทแม่เริ่มเปลี่ยนแล้วทั่วโลก ในคอนเซปต์ EBONY
ปัจจุบันตลาดกระเป๋าเดินทางในไทยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1,200 ล้านบาท แต่ละปีเติบโตประมาณ 5-10% ซึ่งจำนวนนี้แบ่งออกเป็น ตลาดประหยัด มูลค่า 600 ล้านบาท หรือ50% ของตลาดรวม กลุ่มพรีเมียม 420 ล้านบาท หรือสัดส่วน 35% และกลุ่มไฮเอนด์ มูลค่า 180 ล้านบาทหรือสัดส่วน 15% โดยที่แบรนด์ทูมี่อยู่ในกลุ่มไฮเอนด์มีส่วนแบ่ง 30%