“อัศวอาชา” ม้าศึกตัวใหม่ กระโดดลงสมรภูมิสื่อเอาต์ ออฟ โฮม ประเดิมช่องว่าง ยึดหัวหาดรายแรกเข้าผลิตสื่อบนเรือด่วน ท่าเรือ และเรือข้ามฟาก พร้อมทยอยหว่านเม็ดเงินสร้างความแข็งแกร่ง เบื้องต้น 10 ล้านบาท มั่นใจปีแรกโกยรายได้ไม่ต่ำกว่า 250-300 ล้านบาท
นายฌอน โกว์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัศวอาชา จำกัด ผู้ผลิตสื่อนอกบ้าน เอาต์ ออฟ โฮม เปิดเผยว่า จากความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการผลิตสื่อโฆษณานอกบ้าน หรือ สื่อเอาต์ ออฟ โฮม ที่มีกว่า 8-10 ปี จากการเป็นผู้ผลิตสื่อนอกบ้านในประเทศสิงคโปร์ ได้พบว่า ประเทศไทย สื่อเอาต์ ออฟ โฮม ยังมีช่องว่างและพัฒนาได้อีกมาก จึงได้มีการก่อตั้งบริษัท อัศวราชา ร่วมกับผู้ถือหุ้นอีก 2 คน คือ นายทวีศักดิ์ ทีรฆวงศ์ ประธานกิตติมศักดิ์ และ นายธัชชชัย กรรมการบริหาร ซึ่งถือหุ้นคนละประมาณกว่า 30% เท่าๆ กัน เพื่อเข้ามาดำเนินธุรกิจสื่อเอาต์ ออฟ โฮม จากนี้เป็นต้นไป
โดยช่องทางในการเข้ามารุกธุรกิจนี้ เริ่มจากสื่อเอาต์ ออฟ โฮม กับการร่วมมือกับทาง บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด โดยการเช่าพื้นที่ บนเรือด่วน ท่าเรือ และเรือข้ามฟาก รวมถึงจัดตั้งอุปกรณ์ให้พร้อมรองรับโฆษณาที่จะเกิดขึ้น ภายใต้งบประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งสื่อนี้มีการเปิดตัวตั้งแต่วานนี้ โดยลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อสื่อส่วนใหญ่ มองว่า จะได้รับความสนใจจากสินค้าคอนซูเมอร์เป็นหลัก ภายใต้แพกเกจการขาย 4 แพกเกจหลัก ราคาเริ่มตั้งแต่ 35,000 บาท ต่อลำ ต่อเดือน (เฉพาะเรือด่วน) มองว่า ลูกค้าส่วนใหญ่จะเลือกใช้สื่อนี้ราว 3-6 เดือนเป็นอย่างน้อย ต่อโฆษณา 1 ชิ้น คาดว่า ยอดรายได้จากโฆษณาเฉพาะเรือด่วน อย่างน้อยต่อเดือนน่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ดังนั้น 1 ปีนับจากนี้ มั่นใจว่า จะมีรายได้จากสื่อบนเรือไม่ต่ำกว่า 250-300 ล้านบาท
จากปัจจุบันมองว่า จะมีผู้บริโภคไม่ต่ำกว่า 200,000 คนต่อวัน ที่จะสามารถมองสื่อโฆษณาผ่านเรือด่วน ท่าเรือ และเรือข้ามฟาก หรือเมื่อคิดเทียบต่อคนแล้ว ค่าสื่อบนเรือถือว่าถูกมาก อยู่ที่ประมาณ คนละไม่เกิน 2 บาท ขณะที่บริษัททำการเช่าพื้นที่จาก บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ได้สิทธิ์เรือด่วนรวม 45 ลำ เส้นทางจากท่าน้ำนนท์-ราษฎร์บูรณะ และท่าเรือข้ามฟากสาย ท่าช้าง-วัดระฆัง, ท่าช้าง-วังหลัง, ท่าพระจันทร์-วังหลัง, ท่าพระจันทร์-รถไฟ, ท่าพระจันทร์-ปิ่นเกล้า และ ท่าเรือ อย่าง ท่าช้าง วังหลัง ท่าพระจันทร์ และท่าพระอาทิตย์
นายณอน กล่าวต่อว่า บริษัทจะยังคงเดินหน้าการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเฟสต่อไปจากนี้อีก 3 เดือน กำลังมีการศึกษาว่าจะเพิ่มสื่อรูปแบบแอลซีดีทีวี ติดตั้งไปตามท่าเรือ และอาคารพาณิชย์ บริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาต่อไป โดยเชื่อว่าจะใช้งบลงทุนอีกไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีแผนที่จะรุกเข้าไปในสื่อเรือทัวริสต์ต่อไปด้วย และเมื่อสื่อบนเรือประสบความสำเร็จแล้ว บริษัทพร้อมที่จะเข้าไปรุกสื่อเอาต์ ออฟ โฮม ในช่องทางอื่นๆ ต่อไป
แน่นอนว่า โดยส่วนตัวแล้ว ยังมีแผนที่จะต่อยอดธุรกิจนี้ต่อไปอีก โดยทุนส่วนตัว กับแผนโครงการพลาซ่าบริเวณท่าเรือในอีก 2 ปีข้างหน้าด้วย ทั้งนี้ จะต้องเข้าไปพูดคุยกับทางกรมเจ้าท่า เพื่อขอสัมปทานให้ได้เสียก่อน แต่มองว่า น่าจะมีความเป็นไปได้สูงจะเห็นโครงการนี้เกิดขึ้น เบื้องต้นได้วางเป้าหมายที่จะทำทั้งหมด 10 ท่า จากทั้งหมด 38 ท่าเรือที่เปิดให้บริการ โดยแต่ละท่า มองว่า จะใช้งบลงทุนราว 10 ล้านบาท รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
นายฌอน โกว์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัศวอาชา จำกัด ผู้ผลิตสื่อนอกบ้าน เอาต์ ออฟ โฮม เปิดเผยว่า จากความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการผลิตสื่อโฆษณานอกบ้าน หรือ สื่อเอาต์ ออฟ โฮม ที่มีกว่า 8-10 ปี จากการเป็นผู้ผลิตสื่อนอกบ้านในประเทศสิงคโปร์ ได้พบว่า ประเทศไทย สื่อเอาต์ ออฟ โฮม ยังมีช่องว่างและพัฒนาได้อีกมาก จึงได้มีการก่อตั้งบริษัท อัศวราชา ร่วมกับผู้ถือหุ้นอีก 2 คน คือ นายทวีศักดิ์ ทีรฆวงศ์ ประธานกิตติมศักดิ์ และ นายธัชชชัย กรรมการบริหาร ซึ่งถือหุ้นคนละประมาณกว่า 30% เท่าๆ กัน เพื่อเข้ามาดำเนินธุรกิจสื่อเอาต์ ออฟ โฮม จากนี้เป็นต้นไป
โดยช่องทางในการเข้ามารุกธุรกิจนี้ เริ่มจากสื่อเอาต์ ออฟ โฮม กับการร่วมมือกับทาง บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด โดยการเช่าพื้นที่ บนเรือด่วน ท่าเรือ และเรือข้ามฟาก รวมถึงจัดตั้งอุปกรณ์ให้พร้อมรองรับโฆษณาที่จะเกิดขึ้น ภายใต้งบประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งสื่อนี้มีการเปิดตัวตั้งแต่วานนี้ โดยลูกค้าที่จะเข้ามาซื้อสื่อส่วนใหญ่ มองว่า จะได้รับความสนใจจากสินค้าคอนซูเมอร์เป็นหลัก ภายใต้แพกเกจการขาย 4 แพกเกจหลัก ราคาเริ่มตั้งแต่ 35,000 บาท ต่อลำ ต่อเดือน (เฉพาะเรือด่วน) มองว่า ลูกค้าส่วนใหญ่จะเลือกใช้สื่อนี้ราว 3-6 เดือนเป็นอย่างน้อย ต่อโฆษณา 1 ชิ้น คาดว่า ยอดรายได้จากโฆษณาเฉพาะเรือด่วน อย่างน้อยต่อเดือนน่าจะไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ดังนั้น 1 ปีนับจากนี้ มั่นใจว่า จะมีรายได้จากสื่อบนเรือไม่ต่ำกว่า 250-300 ล้านบาท
จากปัจจุบันมองว่า จะมีผู้บริโภคไม่ต่ำกว่า 200,000 คนต่อวัน ที่จะสามารถมองสื่อโฆษณาผ่านเรือด่วน ท่าเรือ และเรือข้ามฟาก หรือเมื่อคิดเทียบต่อคนแล้ว ค่าสื่อบนเรือถือว่าถูกมาก อยู่ที่ประมาณ คนละไม่เกิน 2 บาท ขณะที่บริษัททำการเช่าพื้นที่จาก บริษัท เรือด่วนเจ้าพระยา จำกัด ได้สิทธิ์เรือด่วนรวม 45 ลำ เส้นทางจากท่าน้ำนนท์-ราษฎร์บูรณะ และท่าเรือข้ามฟากสาย ท่าช้าง-วัดระฆัง, ท่าช้าง-วังหลัง, ท่าพระจันทร์-วังหลัง, ท่าพระจันทร์-รถไฟ, ท่าพระจันทร์-ปิ่นเกล้า และ ท่าเรือ อย่าง ท่าช้าง วังหลัง ท่าพระจันทร์ และท่าพระอาทิตย์
นายณอน กล่าวต่อว่า บริษัทจะยังคงเดินหน้าการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเฟสต่อไปจากนี้อีก 3 เดือน กำลังมีการศึกษาว่าจะเพิ่มสื่อรูปแบบแอลซีดีทีวี ติดตั้งไปตามท่าเรือ และอาคารพาณิชย์ บริเวณริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาต่อไป โดยเชื่อว่าจะใช้งบลงทุนอีกไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีแผนที่จะรุกเข้าไปในสื่อเรือทัวริสต์ต่อไปด้วย และเมื่อสื่อบนเรือประสบความสำเร็จแล้ว บริษัทพร้อมที่จะเข้าไปรุกสื่อเอาต์ ออฟ โฮม ในช่องทางอื่นๆ ต่อไป
แน่นอนว่า โดยส่วนตัวแล้ว ยังมีแผนที่จะต่อยอดธุรกิจนี้ต่อไปอีก โดยทุนส่วนตัว กับแผนโครงการพลาซ่าบริเวณท่าเรือในอีก 2 ปีข้างหน้าด้วย ทั้งนี้ จะต้องเข้าไปพูดคุยกับทางกรมเจ้าท่า เพื่อขอสัมปทานให้ได้เสียก่อน แต่มองว่า น่าจะมีความเป็นไปได้สูงจะเห็นโครงการนี้เกิดขึ้น เบื้องต้นได้วางเป้าหมายที่จะทำทั้งหมด 10 ท่า จากทั้งหมด 38 ท่าเรือที่เปิดให้บริการ โดยแต่ละท่า มองว่า จะใช้งบลงทุนราว 10 ล้านบาท รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท