ครม.ไฟเขียวเว้นภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศเหลือ 0% ส่งผลให้ราคาแอร์ลดลงทันที 10-15% พร้อมอนุมัติคลังกู้เงินไจก้า 60.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน พร้อมเห็นชอบให้จ่ายบำนาญลูกจ้างประจำ 2 แสนคน และเห็นชอบเพิ่มเงินชั่วคราว 2 พันบาท พนักงาน กฟน.ที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.5 หมื่นบาท นาน 6 เดือน
นายพฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ ได้เห็นชอบให้ยกเว้นภาษีสรรพสามิตเครื่องปรับอากาศ ขนาด 72,000 บีทียู ลงมาจากเดิมซึ่งจัดเก็บอยู่ร้อยละ 15 เหลือร้อยละ 0 ทำให้หลังจากประกาศมติ ครม.ในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เครื่องปรับอากาศที่จำหน่ายในประเทศจะมีราคาลดลงร้อยละ 10-15 ถึงแม้จะทำให้รายได้ของรัฐบาลขาดหายไป 1,600 ล้านบาทต่อปี แต่จะทำให้การจำหน่ายเครื่องปรับอากาศในประเทศได้มากขึ้น และยังจะแข่งขันกับเครื่องปรับอากาศนำเข้าจากต่างประเทศที่ลักลอบหนีภาษีเข้ามาจำหน่ายราคาถูก
ดังนั้น หลังจากนี้ ไปหากใครต้องการซื้อเครื่องปรับอากาศ สามารถดูว่ามีการติดแสตมป์เสียภาษีสรรพสามิตหรือไม่ เพราะเครื่องที่เสียภาษีจะมีราคาแพงกว่าเครื่องที่ ครม.ประกาศยกเว้นภาษีไปแล้ว อย่างไรก็ตามไม่เป็นห่วงว่าเครื่องปรับอากาศที่เสียภาษี และเก็บไว้ในสต๊อกจะมีราคาแพง เพราะผู้ประกอบการเก็บสตอกไว้ไม่มากนักจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว
โดยวันนี้ ครม.ยังอนุมัติให้มีการกู้เงินจากรัฐบาลญี่ปุ่น (ไจก้า) สำหรับโครงการปรับปรุงกิจการประปาแผนหลัก ครั้งที่ 8 ของการประปานครหลวง ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ เป็นวงเงิน 60.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 8 ต่อปี ระยะเวลาชำระ 15 ปี รวมระยะปลอดหนี้ 5 ปี โดยมีค่าธรรมเนียมผูกพันเงินกู้ร้อยละ 0.1 ต่อปีของวงเงินกู้ที่ยังไม่ได้เบิกจ่าย
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบข้อเสนอของกระทรวงการคลังให้มีการจ่ายเบี้ยรับบำนาญครั้งแรกให้กับลูกจ้างประจำของส่วนราชการต่างๆ โดยมีผู้เกษียณอายุราชการในเดือนกันยายน 2552 นี้ ที่ได้รับเงินบำนาญ 8,640 คน ประมาณคนละ 8,000-10,000 บาทต่อเดือน จากข้าราชการลูกจ้างประจำที่มีอยู่ทังหมด 200,000 คน