ช่อง3ชี้รายได้โฆษณาไตรมาสสองเพิ่มขึ้น 4-6% ขณะที่ภาพรวมสื่อหลักโตติดลบ เหตุรายการดี ข่าว3มิติ โฆษณาเต็ม ละครไพร์มไทม์โฆษณาดีขึ้น แย้มไตรมาสสี่ขยับราคาโฆษณาขึ้นในบางช่วง ส่วนจะปรับทั้งหมดหรือไม่ ต้องรอปีหน้า
นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยว่า รายได้จากโฆษณาในไตรมาสสองที่ผ่านมา-v’ ช่อง3 เติบโตขึ้นอีกราว 4-6% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน โดยสาเหตุที่ทำให้รายได้จากโฆษณาเติบโตขึ้นนั้น มองว่าน่าจะมาจาก รายการข่าว 3 มิติ ของครอบครัวข่าว ที่มีเรตติ้งดีขึ้น ส่งผลให้มีโฆษณาเข้ามาเต็ม 100% ซึ่งถือเป็นช่วงเวลานอนไพร์มไทม์ รวมถึงละครหลังข่าว ที่มีโฆษณาเข้าเต็มเช่นกัน แต่โดยภาพรวมเวลาในช่วงไพร์มไทม์ยังตกลงเล็กน้อยประมาณ 0.3-0.4% คาดว่าตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไปตลอดครึ่งปีหลัง ภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาจะขยับตัวขึ้น
อย่างไรก็ตามช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาภาพรวมสื่อโฆษณาหลักติดลบเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ส่วนที่ไม่ตกคือ สื่อเฉพาะ เช่น สื่อในโรงภาพยนตร์ สื่ออินเทอร์เน็ต สื่อในห้างสรรพสินค้า เนื่องจากครึ่งปีแรก มีเพียงเดือนเดียว ที่สื่อโฆษณามีตัวเลขเป็นบวก คือเดือนมกราคม อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สัญญาณเริ่มดี เม็ดเงินโฆษณาของสื่อเริ่มบวก 2.96%
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ครึ่งปีแรกตัวเลขโฆษณายังไม่ค่อยดี เนื่องจากมองว่า คนที่ถือเงินอยู่ยังลังเล ไม่รู้จะว่าจะเอาเงินไปใช้ทางไหนจึงจะคุ้มและได้ผล พอไตรมาส 2 ก็ยังรอดูสถานการณ์ไปอีกว่าจากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจ จะมีดีขึ้นหรือไม่ เพราะฉะนั้นเงินที่อั้นอยู่น่าจะออกมาใช้ในช่วงครึ่งปีหลัง
นายสุรินทร์ กล่าวต่อว่า ครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี ลูกค้าที่ซื้อสื่อโฆษณาก็ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นจึงมองว่าภายในปีนี้ทางช่อง3 จะยังไม่มีการปรับราคาโฆษณาขึ้น แต่ถ้าจะปรับจะมีการปรับในบางรายการเท่านั้นในช่วงไตรมาสสี่ที่จะถึงนี้ ส่วนในปีหน้าจะมีการพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากการสร้างรายได้เพิ่มของทีวีเมื่อเวลาโฆษณาเต็มแล้ว ช่องทางเพิ่มรายได้ทางหนึ่งคืออาจปรับเพิ่มอัตราโฆษณา
นายสุรินทร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนผังรายการ ช่วงนี้คงยังไม่มีการปรับอะไรใหม่ เว้นแต่จะมีการเพิ่มสีสันรายการให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเรตติ้งยังเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อโฆษณา ที่ผ่านมา รายการละครหลังข่าวของช่อง 3 ปรับตัวดีขึ้น ส่วนรายการข่าว 3 มิติ เรตติ้งดีขึ้น ผลัดกันแพ้ชนะกับช่องของคู่แข่ง รายการทูไนท์โชว์ ของไตรภพ ลิมปพัทธ์ ขณะนี้ถือว่าเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 ซึ่งเท่ากับช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งถือว่าผ่านเกณฑ์การพิจารณาแล้ว
ส่วนรายการเรียลิตี้ ซึ่งสถานีจัดวางไว้ในช่วงเวลาบ่าย 3 โมงวันเสาร์ เป็นรายการที่สถานีวางเป้าหมายไว้เพื่อการคัดสรรหานักแสดงที่มีความสามารถเข้ามาทำงาน เนื่องจากสถานีมีรายการละครออกอากาศวันละ 2 เรื่อง จึงมีความต้องการสร้างดาราหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะนำรายการแนวเรียลิตี้มาเป็นช่องทางสร้างเรตติ้งใหม่ๆ แต่อย่างใด
สำหรับรายการประเภทกีฬา ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 5% จากผังรายการทั้งหมด ช่อง 3 ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาดังๆ อาทิ รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก บูนเดสลีก้า ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ฟุตบอลโลก สร้างรายได้ให้กับสถานีไม่ถึง 5% จากรายได้รวมทั้งหมด
นายสุรินทร์ กฤตยาพงศ์พันธุ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เปิดเผยว่า รายได้จากโฆษณาในไตรมาสสองที่ผ่านมา-v’ ช่อง3 เติบโตขึ้นอีกราว 4-6% เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน โดยสาเหตุที่ทำให้รายได้จากโฆษณาเติบโตขึ้นนั้น มองว่าน่าจะมาจาก รายการข่าว 3 มิติ ของครอบครัวข่าว ที่มีเรตติ้งดีขึ้น ส่งผลให้มีโฆษณาเข้ามาเต็ม 100% ซึ่งถือเป็นช่วงเวลานอนไพร์มไทม์ รวมถึงละครหลังข่าว ที่มีโฆษณาเข้าเต็มเช่นกัน แต่โดยภาพรวมเวลาในช่วงไพร์มไทม์ยังตกลงเล็กน้อยประมาณ 0.3-0.4% คาดว่าตั้งแต่ไตรมาส 3 เป็นต้นไปตลอดครึ่งปีหลัง ภาพรวมของอุตสาหกรรมโฆษณาจะขยับตัวขึ้น
อย่างไรก็ตามช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมาภาพรวมสื่อโฆษณาหลักติดลบเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสื่อทีวี วิทยุ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ส่วนที่ไม่ตกคือ สื่อเฉพาะ เช่น สื่อในโรงภาพยนตร์ สื่ออินเทอร์เน็ต สื่อในห้างสรรพสินค้า เนื่องจากครึ่งปีแรก มีเพียงเดือนเดียว ที่สื่อโฆษณามีตัวเลขเป็นบวก คือเดือนมกราคม อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สัญญาณเริ่มดี เม็ดเงินโฆษณาของสื่อเริ่มบวก 2.96%
อย่างไรก็ตาม สาเหตุที่ครึ่งปีแรกตัวเลขโฆษณายังไม่ค่อยดี เนื่องจากมองว่า คนที่ถือเงินอยู่ยังลังเล ไม่รู้จะว่าจะเอาเงินไปใช้ทางไหนจึงจะคุ้มและได้ผล พอไตรมาส 2 ก็ยังรอดูสถานการณ์ไปอีกว่าจากสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจ จะมีดีขึ้นหรือไม่ เพราะฉะนั้นเงินที่อั้นอยู่น่าจะออกมาใช้ในช่วงครึ่งปีหลัง
นายสุรินทร์ กล่าวต่อว่า ครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดี ลูกค้าที่ซื้อสื่อโฆษณาก็ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นจึงมองว่าภายในปีนี้ทางช่อง3 จะยังไม่มีการปรับราคาโฆษณาขึ้น แต่ถ้าจะปรับจะมีการปรับในบางรายการเท่านั้นในช่วงไตรมาสสี่ที่จะถึงนี้ ส่วนในปีหน้าจะมีการพิจารณาอีกครั้ง เนื่องจากการสร้างรายได้เพิ่มของทีวีเมื่อเวลาโฆษณาเต็มแล้ว ช่องทางเพิ่มรายได้ทางหนึ่งคืออาจปรับเพิ่มอัตราโฆษณา
นายสุรินทร์ กล่าวต่อว่า ในส่วนผังรายการ ช่วงนี้คงยังไม่มีการปรับอะไรใหม่ เว้นแต่จะมีการเพิ่มสีสันรายการให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากเรตติ้งยังเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการตัดสินใจซื้อโฆษณา ที่ผ่านมา รายการละครหลังข่าวของช่อง 3 ปรับตัวดีขึ้น ส่วนรายการข่าว 3 มิติ เรตติ้งดีขึ้น ผลัดกันแพ้ชนะกับช่องของคู่แข่ง รายการทูไนท์โชว์ ของไตรภพ ลิมปพัทธ์ ขณะนี้ถือว่าเรตติ้งเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 ซึ่งเท่ากับช่วงก่อนหน้านี้ ซึ่งถือว่าผ่านเกณฑ์การพิจารณาแล้ว
ส่วนรายการเรียลิตี้ ซึ่งสถานีจัดวางไว้ในช่วงเวลาบ่าย 3 โมงวันเสาร์ เป็นรายการที่สถานีวางเป้าหมายไว้เพื่อการคัดสรรหานักแสดงที่มีความสามารถเข้ามาทำงาน เนื่องจากสถานีมีรายการละครออกอากาศวันละ 2 เรื่อง จึงมีความต้องการสร้างดาราหน้าใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะนำรายการแนวเรียลิตี้มาเป็นช่องทางสร้างเรตติ้งใหม่ๆ แต่อย่างใด
สำหรับรายการประเภทกีฬา ขณะนี้มีอยู่ประมาณ 5% จากผังรายการทั้งหมด ช่อง 3 ถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาดังๆ อาทิ รายการฟุตบอลพรีเมียร์ลีก บูนเดสลีก้า ยูฟ่าแชมเปี้ยนลีก ฟุตบอลโลก สร้างรายได้ให้กับสถานีไม่ถึง 5% จากรายได้รวมทั้งหมด